แล้วก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งสำหรับ “วันครูแห่งชาติ” โดยในปีนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบคำขวัญว่า “ครูดี ศิษย์ดี มีพัฒนา ก้าวหน้าสู่เทคโนโลยี” ก่อนไปเปิดงานที่คุรุสภา ซึ่ง “ลุงตู่” ก็ได้กล่าวเปิดงานวันครูไว้น่าสนใจหลายเรื่อง ทั้งเรื่องโซเชียลมีเดีย การเรียนรู้ยุค 4.0 รวมถึงประเด็นฮอตว่าด้วยการทำนอกกรอบ โดย “ลุงตู่” ระบุไว้ว่า “เราต้องสอนให้เด็กมีความกล้า แต่ไม่ได้สอนให้เด็กออกนอกกรอบ เพราะเรายังไม่มีกรอบให้เขา ไม่ใช่ให้แต่คิดนอกกรอบ ไม่สอนเรื่องกฎหมายที่เป็นกรอบหลักก่อน เมื่อคิดนอกกรอบ กว่าจะดึงกลับเข้ากรอบก็ไม่ได้แล้ว” เรียกว่าเป็นการบอก “เรือจ้าง” ในหลายภาคส่วนแบบตีแสกหน้ากันเลยทีเดียว ...๐ ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรดีกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็น “เป้า” ในรัฐนาวาลุงตู่ หรือ “ตำบลกระสุนตก” แต่ลุงป้อมก็ยังสร้างความฮือฮา และเสียงวิจารณ์ได้ตลอดเวลาในการสัมภาษณ์ ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องการเมือง เพราะล่าสุดแม้กระทั่งเรื่อง “ฝุ่น” ที่เป็นประเด็นฮอตฮิตในขณะนี้ จนถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายในเคนยา โดยเฉพาะในเรื่องหลัง ต้องเรียกว่าปากไวจนทำให้ “โลกออนไลน์” ร้อนฉ่าทีเดียว เมื่อถูกถามว่าเหตุใดกลุ่มติดอาวุธอัล ชาบับ จากโซมาเลียจึงมาก่อเหตุโจมตีโรงแรมดุสิตดีทูในเครือของดุสิตธานีของไทย โดยลุงป้อมตอบทันทีว่า “ไม่ทราบ คงเห็นอาหารอร่อย”  หงายเงิบกันเป็นทิวแถว และทำให้ ไพล่ไปนึกถึงหน้าของ “กษิต ภิรมย์” ลอยเด่นขึ้นมาทันทีในการชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลหรือยึดสนามบิน ที่เคยบอกว่า “อาหารดี ดนตรีไพเราะ” อย่างไรอย่างนั้น …๐ นอกจากประเด็น “บิ๊กป้อม” ที่ร้อนแรงสสส์แล้ว อีกประเด็นที่ฮอตไปทุกแวดวง ทั้งที่คนโพสต์อยู่ในสายบันเทิงอย่าง "จิรายุส วรรธนะสิน” หรือ “โจ นูโว” ที่โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวสั้นๆ ว่า “อย่าเลื่อนเลือตั้งนะ!! แต่ขอให้ยกเลิกไปเลย” (ไม่มี ก ไก่ เพราะเล่นสำเนียงไทใหญ่) ก็ทำให้สั่นสะเทือนกันถ้วนทั่ว ...๐ ไม่รู้ว่าเป็น “กกต.ยุค 4.0” ดีหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. เคยคุยโอ่เรื่องการทำงานของยุคนี้ว่าพร้อมทำงาน 24 ชั่วโมงเหมือนร้าน “เซเว่น-อีเลฟเว่น” แต่ทำไมประกาศ กกต. 9 ฉบับที่ประกาศตั้งแต่วันที่ศุกร์ที่ 11 ม.ค. ถึงมาชี้แจงแถลงลงรายละเอียดในวันที่ 16 ม.ค.เล่า ที่สำคัญยังคงมีประเด็นให้ต้องตีความกันอีก เมื่อ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต.แถลงชี้แจงหลักเกณฑ์หาเสียงต่างๆ นั้น จะมีผลใช้บังคับเมื่อพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษา!!! เพราะในประกาศและ ระเบียบทั้ง 9 ฉบับของ กกต.ระบุว่า มีผลบังคับใช้ถัดจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษา หรือคือวันที่ 12 ม.ค. แต่นี่ “เลขาฯ กกต.” กลับมาบอกว่าให้ใช้บังคับหลังมี พ.ร.ฎ.แสดงว่าช่วง “สุญญากาศ” นี้ประกาศและระเบียบนี้ยังไม่มีผลใช่หรือไม่ อย่างไรแน่จ๊ะ ...๐ นอกจากสร้างความมึนแล้ว “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” ยังโยนตุ๊กตาตัวใหม่ว่าด้วย “วันเลือกตั้ง” กลับมาแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้คือวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งตีฆ้องร้องป่าวมาตั้งนมนาม และแนวโน้มนั้นน่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็มีการผุดวันที่ 10 มี.ค.ออกมา และล่าสุดก็แพลมว่าวันที่ 24 มี.ค. โดยยืนยันว่าจะสามารถประกาศผลได้ทันก่อนเส้นตายวันที่ 9 พ.ค. ที่ กกต.ตีความแบบสรุปแล้วว่า 150 วันนั้น รวมถึงการประกาศผลเลือกตั้งด้วย ก็ไม่รู้ว่า “24 มี.ค.” นี้จะเป็นบทสรุปสุดท้ายหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ หวย 24 นี้น่ารักน่าลุ้นเสียจริง ...๐ เห็นสารพัดพรรคการเมืองมุ่งเสนอนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องว่าจะทำให้ดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น โดยเฉพาะ มอตโต้ “เป๋าตุง-เป๋าแฟบ” นั้น กลายเป็นคำติดลมบนในตลาดหาเสียงแล้ว แต่พอพินิจพิเคราะห์กันดีๆ จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีพรรคไหนที่ขายนโยบายให้จับต้องได้อย่างแท้จริงว่าจะทำให้ “เป๋าตุง” หรือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นมาแต่ประการใดเลย ส่วนใหญ่ก็บอกแค่ว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ดีขึ้นเท่านั้น แหม! จะขายฝันทั้งทีก็น่าจะบอกกล่าวอะไรที่มันจับต้องได้กันหน่อยใช่ไหม แล้วที่สำคัญ “เป๋าตุง” นั้น จะไปตุงที่ใครกันแน่ เพราะ “นักการเมือง” สารพัดสารพันที่พาเหรดซัดเรื่องเงินๆ ทองๆ รวมถึงเรื่อง “เหลื่อมล้ำ” นั้น ต้องไม่ลืมว่า “กำพืด” ของเขาเหล่านั้นก็มาจากนายทุนและผู้สร้างความเหลื่อมล้ำมาก่อนทั้งนั้นแล ...๐