ศิษย์ก้นกุฏิ "บุญชู โรจนเสถียร" "สัญญา" อาสาแก้ปัญหาปากท้อง 


เพิ่มเพื่อน    

       การเมืองเปิดพื้นที่ให้ทุกพรรคส่งผู้สมัครลงประชันในสนามเลือกตั้ง สนามการเมืองที่น่าจับตาเป็นพิเศษและยังไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างถาวร ต้องยกให้เมืองสี่แคว หรือ จังหวัดนครสวรรค์ สนามแข่งขันที่การเลือกตั้งแต่ละครั้งมักผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน และมักเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้าไปพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

อย่างเช่นในครั้งนี้ก็มี "นายสัญญา นิลสุพรรณ" บุตรชายของสายัณห์ นิลสุพรรณ อดีตกำนันตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เเละเป็นอดีตคนใกล้ชิด "บุญชู โรจนเสถียร" อดีตรองนายกรัฐมนตรี ขอสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาสารับใช้ประชาชนในพื้นที่เขต 3 อำเภอ (บรรพตพิสัย ชุมเเสง เก้าเลี้ยว) ขอดูแลปากท้อง และแก้ปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชน พร้อมเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเติมแต้มให้ พปชร.เป็นเเกนนำจัดตั้งรัฐบาล เข้าไปบริหารประเทศผลักดันนโยบายต่างๆ พร้อมพลิกวิกฤติแก้ปัญหาความขัดเเย้งให้แก่คนในชาติที่หมักหมมมาหลายสิบปี 

เข้ามาสู่การเมืองได้อย่างไร

        “นายสัญญา นิลสุพรรณ” คนรุ่นใหม่จากเมืองนครสวรรค์ พรรค พปชร. กล่าวว่า ผมเป็นศิษย์ก้นกุฏิรุ่นท้ายๆ ของ “ท่านบุญชู โรจนเสถียร “(เจ้าของฉายา “ซาร์เศรษฐกิจ” ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองที่ล่วงลับ และเป็นชาวเมืองนครสวรรค์) ได้เห็นวิถีการทำงานของคนการเมืองที่ชาวบ้านไว้วางใจเเละขอความช่วยเหลือท่านบุญชูเสมอมา

 ท่านบุญชูสอนงานผมในการดูเเลชาวบ้าน ผมติดตามท่านจนรับรู้ถึงวิธีช่วยชาวบ้าน ท่านสอนว่าอย่ามองว่าจะช่วยชาวบ้านเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น เเต่เราต้องมองภาพใหญ่ด้วยว่าการวางนโยบายเเก้ปัญหาชาวบ้านต้องกระจายทั่วประเทศ ไม่ใช่เน้นเเค่เขตเลือกตั้งของเราเท่านั้น

ผมลงพื้นที่มา 2 ปีเศษ เเละเมื่อพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้น ผู้ใหญ่ในพรรคที่รู้จักคุณพ่อเเละผมได้ทาบทาม ขั้นตอนการทาบทามนั้นพรรคทำโพล คัดเลือกคนที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยผมผ่านการพิจารณา

“การอาสามาทำหน้าที่ ส.ส. เพราะอยากเห็นเขต 3 นครสวรรค์ (บรรพตพิสัย ชุมเเสง เก้าเลี้ยว) มีผู้เเทนฯ ที่พัฒนาพื้นที่เเละยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน โดยเฉพาะชาวนา รวมทั้งนักเรียน เมื่อมองความต้องการในพื้นที่เเละผนวกเข้ากับภาพรวมของพรรคที่ผลักดันให้ประเทศก้าวข้ามความขัดเเย้ง ยกระดับเข้าประเทศสู่ยุค 4.0 เท่าทันกับนานาชาติ จึงลงตัวที่พรรคนี้”

พรรคพลังประชารัฐมีจุดเด่นกว่าพรรคอื่นๆ อย่างไร

“นายสัญญา” กล่าวว่า ช่วงเเรกๆ บางพรรคมาทาบทาม เเต่ผมลองพิจารณานโยบายพรรคนั้นๆ รวมทั้งเเนวทางการทำงานการเมืองของพรรคที่ทาบทามในช่วงที่ผ่านมา ผมมองว่าในฐานะเป็นคนรุ่นใหม่ ขอสังกัดพรรคใหม่ๆ ดีกว่า เพราะมีหลักก้าวข้ามความขัดเเย้งทางการเมืองในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา

“พรรคนี้มีทั้งคนหน้าใหม่เเละนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ตรงนี้หลอมรวมเเล้วน่าจะทำงานได้ตามความคาดหวังของชาวบ้าน การเมืองวันนี้ควรให้พื้นที่คนหน้าใหม่ที่มีความคิดใหม่ๆ เข้าไปทำงานให้บ้านเมือง โดยคนหน้าใหม่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ชาวบ้านยอมรับด้วย”

ผู้สมัคร ส.ส.จาก พปชร. กล่าวต่อว่า ส่วนตัวอยากยกระดับวิถีชีวิตคนในพื้นที่ให้ดีขึ้น อาทิ เกษตรกรรม ที่นี่ส่วนใหญ่ทำนาข้าวเเละไร่อ้อย ด้วยเทคโนโลยีไทยเเลนด์ 4.0 มาต่อยอด รวมทั้งยังอยากให้น้องๆ นักเรียนในพื้นที่มีโอกาสทัดเทียมกับโรงเรียนชั้นนำของประเทศเเละของจังหวัด เพราะเยาวชนคืออนาคตที่ควรจะสร้างสิ่งดีๆ ให้พวกเขามีความพร้อมทุกด้าน ทำให้นครสวรรค์เป็นเมืองการศึกษาเเละการกีฬา

“คนดังในไทยหลายคนเเจ้งเกิดจากปากน้ำโพตรงนี้ ผมดีใจเเละอยากสานต่อให้น้องๆ ในนครสวรรค์ทำเเบบนี้ได้เยอะๆ ผลดีจะเกิดขึ้น ดังนั้นหากจะทำให้เป้าหมายตรงนี้สำเร็จ ผมต้องได้โอกาสการเป็น ส.ส.จะเข้าไปผลักดันเรื่องนี้ในรัฐสภาเเละติดตามผลงานอการเเก้ปัญหาจากรัฐบาล อีกทั้งยังมองว่า บ้านเมืองขัดเเย้งมานาน วันนี้สงบในระดับหนึ่ง เเละควรสงบต่อไป เชื่อมั่นเเนวทางของพรรคว่าจะข้ามความขัดเเย้งได้”

มองอย่างไรที่สังคมมองนักการเมืองภาพลบ “สัญญา” อธิบายว่า ชาวบ้านในพื้นที่มองออกว่าใครควรทำหน้าที่ใด ผมลงสมัคร ส.ส.ครั้งเเรก ไม่กังวลว่าชาวบ้านจะมองอย่างไร เพราะเราตั้งใจทำงานให้ชาวบ้านจริงๆ พร้อมย้ำว่า ไม่กังวลใดๆ ผมมั่นใจเเนวทางที่ผู้ใหญ่ในพรรคเเจ้งต่อสังคมไว้ว่ากลั่นกรองมาดีเเล้ว

ส่วนกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร. ผมมองว่าช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำงาน บ้านเมืองเรียบร้อยดี การลงทุนต่างๆ ก็มีเข้ามา การเเก้ปัญหาเรื้อรังหลายเรื่องยุติในช่วงนี้ ตรงนี้สังคมรับรู้  

หลากเรื่องในสังคมที่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเเละลามมาจนถึงความขัดเเย้งในครอบครัว เพราะมองเเละในอดีตเชียร์พรรคที่ตัวเองชอบเเบบไม่มองผลระยะยาว หลายนโยบายนั้นดีต่อคนไทย เเต่ความจริงนโยบายหลายเรื่องสร้างภาระให้ชาติระยะยาว ตรงนี้ผมมองเเละคิดหลายครั้งก่อนมาสมัครที่ พปชร. เพราะมองเเล้ว พปชร.ข้ามสิ่งที่เคยก่อปัญหาให้ชาติไปได้

เเกนนำพรรคมองการเเก้ปัญหาให้การเมืองเเละบ้านเมืองเดินหน้า เเกนนำเหล่านี้มีประสบการณ์อ่านการเมืองขาด ปัญหามันสะสมมากพอควร ถึงเวลาข้ามมันได้เเล้ว

ปัญหาเศรษฐกิจที่บางพรรคนำมากล่าวอ้างใส่ร้ายนั้น ขอบอกว่าควรมองบริบทเศรษฐกิจโลกด้วย มันกระทบกันหมด เเต่เชื่อว่าเลือกตั้งครั้งนี้ ปัญหาหลายอย่างจะคลี่คลาย เเละเเนวทางที่พรรคจะเสนอต่อสังคมเป็นระยะ ชาวบ้านจับต้องได้อย่างแน่นอน

        “เชื่อว่าการบริหารของ คสช.ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา เเละเชื่อว่าจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ หลังเลือกตั้ง ผมหวังว่าเลือกตั้งครั้งนี้ชาวบ้านจะมองโอกาสของพรรคที่ข้ามความขัดเเย้ง เเละให้คนหน้าใหม่เข้ามาทำงานมากๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ออกไปจากวังวนเดิมๆ” "สัญญา นิลสุพรรณ" ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นครสวรรค์ (บรรพตพิสัย ชุมเเสง เก้าเลี้ยว) พรรคพลังประชารัฐ สรุปปิดท้าย

 

"นายสัญญา นิลสุพรรณ" บุตรชายของสายัณห์ นิลสุพรรณ อดีตกำนันตำบลหนองตางู  อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ เเละเป็นอดีตคนใกล้ชิด "บุญชู โรจนเสถียร" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหลายสมัย เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ได้รับการยกย่องให้เป็น "ซาร์เศรษฐกิจ"

ทั้งนี้ “นายสัญญา” จบการศึกษาจากโรงเรียนบรรพตพิสัยพิทยาคม เเละโรงเรียนนครสวรรค์ ก่อนไปคว้าปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรามคำเเหง จากนั้นประกอบธุรกิจหลายเเขนง อาทิ บริหารบริษัทรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ชั้นนำ เเละบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย ที่ผ่านมาก็ทำงานใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ พร้อมช่วยงานทางด้านสังคมในพื้นที่มาหลายปี ในฐานะที่ปรึกษาชมรมเอฟซี “สัญญาใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน” อาทิ การศึกษา กีฬา เเละช่วยเหลือคนยากไร้ให้ได้รับการดูเเลและมีชีวิตที่ดีขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"