ความหวังท่ามกลางความคลุมเครือ


เพิ่มเพื่อน    

      เห็นข่าว เขื่อน ประเทศบราซิลแตก...ต้องอพยพผู้คนนับเป็นหมื่นๆ เลยอดเอามาคิด เอามาโยงกับเรื่อง เขื่อนวังหีบ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชของบ้านเราขึ้นมามิได้ เพราะดูเหมือนว่าชาวบ้าง ชาวช่อง ที่เขาไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนที่ว่าถึงกับต้องหอบเสื้อ หอบผ้า มานอนอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่จนกระทั่ง ณ ขณะนี้ ก็น่าจะยังสรุปไม่ได้ว่าจะออกหัว ออกก้อย หรือออกกลางกันแน่!!!

                                                          -------------------------------------------------------

      แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...รัฐบาลโดย มติ ครม. ท่านได้ให้ความเห็นชอบกับโครงการดังกล่าวไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว และแม้ว่ามีชาวบ้าน ชาวช่อง ที่เขายังไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลท่านก็ยังไม่ยอม กดปั๊บ-รับห้าร้อย หรือไม่คิดจะเอา คะแนนนิยม จากบรรดาปวงประดาคนเหล่านี้กันบ้างเลย จะเป็นเพราะยังมีจำนวนน้อย ไม่ได้มากมาย มหาศาล แบบบรรดาพวกสมาชิก บัตรคนจน ที่ปาเข้าไประดับสิบล้าน สิบเอ็ดล้าน หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ ลักษณะอาการที่เคย ถอย ในเรื่องที่ควรถอย หรือในเรื่องที่มีเสียมากกว่าได้ ก็เลยยังออกไปทางเก้ๆ กังๆ กึ๊กๆ กั๊กๆ จนยังไม่อาจรู้หมู่ รู้จ่า รู้สารวัตรได้เลย...

                                                          -------------------------------------------------------

      เลยได้แต่ต้องหันไปฟังพวก โซเชียลมีเดีย ที่เขาว่ากันไป-ว่ากันมา ปลอมมั่ง-จริงมั่ง จริงมั่ง-ไม่จริงมั่ง ก็ยากที่จะสรุปได้ แต่เห็นว่า อาจารย์ยักษ์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่เคยมีส่วนดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ท่านน่าจะ ไม่เห็นควรด้วย กันซักเท่าไหร่นัก แต่หลังจากถูก ดึงเรื่อง ให้พ้นไปจากขอบเขตความรับผิดชอบของท่าน ท่านจะเห็นเป็นประการใดก็ยังไม่แจ้ง ขณะที่อาจารย์ ปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ถูกพวกโซเชียล เอาหน้า เอาตา ไปโพสต์ พร้อมกับข้อความปฏิเสธ ว่าโครงการดังกล่าว ไม่ถือเป็น โครงการในพระราชดำริ แต่อย่างใด หรือถึงแม้เป็นพระราชดำริก็ตาม ก็ยังแก้ได้ ถอยได้ ตราบใดที่ชาวบ้านเดือดร้อน ก็ยิ่งทำให้ มึนซ์ซ์ซ์ เข้าไปใหญ่ ว่าเหตุใดรัฐบาลถึงไม่ได้คิดจะ ถอยหมอน ให้ทันท่วงที...

                                                              -----------------------------------------------------------

      สรุปรวมความแล้ว...เลยต้องคอยดูกันต่อไป ว่าจะออกหน้าไหน แนวไหน ก็ยังยากซ์ซ์ซ์จะหาข้อสรุปกันได้ชัดๆ  ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากอีกหลายต่อหลายเรื่อง ที่ถูกนำมาใช้เป็น เงื่อนไข เล่นงานรัฐบาล จนไปถึงพรรครัฐบาล หรือพรรคที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าไปเป็นสมาชิก เป็นแกนนำ เป็นทั้ง กรรมการ ด้วย และเป็น ผู้เล่น ด้วยนั่นแหละ แม้ว่าเป็นเรื่องที่ออกจะคลุมๆ เครือๆ แต่การที่รัฐบาล หรือพรรคที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลเป็นตัวขับเคลื่อน กลับหันไป อมสากกะเบือ กันแทนที่ แล้วยังงี้...มันจะไป กดปั๊บ-รับห้าร้อย กันได้แบบไหลลื่น แบบได้คะแนนเสียงถล่มทลาย กวาดเก้าอี้อีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ รวมไปถึง กทม. ก็กะจะกวาดกันให้เกลี้ยง กันได้แบบไหน อย่างไร ก็ยังนึกภาพไม่ออก...

                                                               ---------------------------------------------------------

      คือภาคใต้นั้น...แค่เจอกับราคายาง ราคาปาล์ม ก็น่าจะติดๆ ขัดๆ ไหลไม่สะเด็ดน้ำกันซักเท่าไหร่ ยิ่งมาเจอกับ เขื่อนวังหีบ เข้าไปอีกดอก มันน่าจะ ขัดลำกล้อง กันไปมิใช่น้อย ส่วนอีสานและเหนือนั้น...ว่าไปแล้วก็น่าจะขึ้นอยู่กับความปั่นป่วน ระส่ำระสายของ ฝ่ายตรงข้าม เป็นหลัก ไม่ใช่เพราะความแข็ง ความแกร่ง ของฝ่ายรัฐบาลซักเท่าไหร่นัก หรือเพราะการดูดกันไป-ดูดกันมา การแตกกันเอง เพราะความสับสนจากกลยุทธ์แตกแบงก์พันให้กลายเป็นแบงก์ร้อย ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่อาจพอช่วยให้เกิดการแชร์ตลาด แบ่งตลาดได้มั่ง...

                                                              ---------------------------------------------------------

      ส่วน กทม.นั้น...ถึงจะหันไปใช้กรรมวิธี ดูด ส.ก. เอาไว้ชนกับ ส.ส. แต่มันน่าจะประมาณเอามวย ครุยเซอร์เวต ไปปะทะกับ เฮฟวีเวต นั่นแหละ โอกาสที่จะกวาดเก้าอี้ กทม.แบบยกแผง ยกเขต ชนิดอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์  ต้องลาออก เพราะได้ ส.ส.ไม่ครบร้อย ดูๆ มันน่าจะออกไปทาง ราคาคุย ซะมากกว่า ยิ่งเมื่อต้อง ตั้งโจทย์ ระดับต้องรวบรวมจำนวนเสียง ส.ส.ในสภาล่าง ให้ได้ไม่น้อยกว่า 250 เสียงขึ้นไป มันถึงจะไปรวมกับ 250 เสียงของ ส.ว.ในสภาสูง จนทำให้ความเป็นรัฐบาลมันถึงเป็นไปได้แบบลื่นไหล คล่องคอ กันจริงๆ การอาศัยเพียงแค่ยี่ห้อ หรือแบรนด์เนม ของ บิ๊กตู่ ล้วนๆ มันไม่น่าไปไกลถึงขั้นแลนด์สไลด์ แอฝะลานช์ อะไรได้มากมายนัก...

                                                                ------------------------------------------------------

      คือถึงแม้ บิ๊กตู่ ท่านจะมาแรง แซงโค้ง นำหน้าใครต่อใครในทุกโผ แต่มันก็ไม่ได้ แรงส์ส์ส์ ถึงขั้นแผ่ตบะ บารมี ครอบคลุมเหนือ อีสาน ใต้ ออก ตก ไปจนถึง กทม.ได้มากมายซักเท่าไหร่ แค่ทิ้งห่าง หญิงผู้มีลูกสาวสวยที่สุดในปฐพี และ ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ยิ่งเมื่อต้องถูกถ่วง ถูกรั้ง ถูกถ่วงมือ ถ่วงตีน โดยความคลุมเครือ อึมครึม ของรัฐบาล ในไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง โอกาสที่จะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ถึง 375 เก้าอี้ ตามคำปลุกจิต ปลุกใจ ของ กุมารสนธิรัตน์ มันน่าจะออกไปทาง แมงโม้ ล้วนๆ...

                                                                  -------------------------------------------------

      และก็อย่างว่า...ถ้าหากได้มาแค่ 50 เสียง หรือไม่ถึง 100 เสียง โอกาสที่จะบริหารชาติบ้านเมืองให้ สงบ-เรียบ-นิ่ง เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดระยะ 4-5 ปี มันคงลำบากอยู่แล้วแน่ๆ ยิ่งไม่มี มาตราฉี่ฉิบฉี่ อยู่ในมือ ภูมิคุ้มกันมันคงต้องบกพร่องยิ่งขึ้นไปใหญ่ เมื่อต้องเจอกับแค่ ไวรัส ไข้หวัดธรรมดาๆ อาจถึงขั้นจามฟึดๆ ฟัดๆ หงายท้องตึงกันได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าหากเป็นไวรัส เอชไอวี ที่ฆ่าไม่ตาย-ขายไม่ขาดมาโดยตลอด ยิ่งน่าสยดสยองหนักขึ้นไปใหญ่...

                                                                 -----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก George Eliot (อีกครั้ง)... Nothing is so good as it seems beforehand.- ไม่มีอะไรดีเหมือนกับที่มันทำท่าว่าจะดีในตอนแรก...

                                                                  ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"