สูตรเดิมผุดกก.ร่วม3ฝ่าย 6เดือน-1ปีสรุปเขื่อนวังหีบ


เพิ่มเพื่อน    

    "พุทธิพงษ์" รับคำสั่ง "บิ๊กตู่" กล่อมม็อบต้านเขื่อนวังหีบกลับบ้านสำเร็จ ใช้สูตรเดิม ตั้งกก. 3 ศึกษาจาก 3 ฝ่าย พร้อมชะลอโครงการไปก่อน คาด 6 เดือน-1 ปีได้ข้อสรุป นายกฯ แจงต้องคำนึงผลประโยชน์คนส่วนใหญ่ดูแลคนส่วนน้อยได้รับผลกระทบ 
    เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีกลุ่มอนุรักษ์ป่าต้นน้ำวังหีบ พร้อมเครือข่ายเพื่อนวังหีบเพื่อสิ่งแวดล้อม 24 เครือข่าย คัดค้านโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน มีคนเห็นด้วยมากกว่าคนที่ไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่ก็จะแรง เมื่อมีการขยายความกันไปก็เข้าในเรื่องสิทธิมนุษยชนถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งรัฐบาลจะพยายามหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันชี้แจงสร้างการรับรู้ 
    "เราต้องมองว่าประโยชน์ที่ได้มาเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ขนาดไหน คนส่วนน้อยที่คัดค้านก็อาจจะเสียประโยชน์ เราจะดูแลตรงนี้ได้อย่างไร นี้คือการจัดทำโครงการให้หมด ไม่อย่างนั้นก็แก้ไม่ได้ แล้วค้านกันอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ข้อยุติเสียที ทำให้ผลประโยชน์ที่ได้รับกลับมาโดยรวมมันช้า เพราะเขื่อนเป็นโจทย์สำคัญในการรวมน้ำ เก็บน้ำ การกระจายน้ำ ถ้าไม่มีเขื่อนก็จะควบคุม บริหารจัดการน้ำไม่ได้ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามบริหารจัดการน้ำได้ดีพอสมควร เห็นได้จาก 4-5 ปีไม่มีน้ำท่วมขนาดหนัก เมื่อมีอุทกภัยก็สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา"
    นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึกว่า ได้ซ่อมบ้านเรือนประชาชน ดูแลเยียวยา เน้นย้ำจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนโดยเร็ว ที่ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้วส่วนหนึ่งแล้ว เบื้องต้นช่วยเหลือครอบครัวละ 3,000 บาท สำหรับเงินที่ได้รับการบริจาคจำนวน 130 ล้านบาท กำลังคัดกรองอยู่ ขอให้มั่นใจว่ายังอยู่ในบัญชีทั้งหมด ไม่มีใครสามารถเอาไปใช้ได้ เพราะเงินทั้งหมดที่ได้มาจะอยู่ในบัญชีสำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ในชื่อบัญชีใคร
    ต่อมาเวลา 15.00 น. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเจรจากับผู้ชุมนุมเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่า จังหวัดนครศรีธรรมราช-พัทลุง ซึ่งได้เดินเท้าจากสถานีรถไฟหัวลำโพง มาปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. และเคลื่อนมาชุมนุมบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ฝั่งติดกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระนคร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการดำเนินการก่อสร้าง 4 โครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วย โครงการสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช, โครงการสร้างเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช, โครงการผันน้ำเมืองนครศรีธรรมราช และโครงการประตูกั้นน้ำเค็มปากประ จ.พัทลุง
    โดยนายเจกะพันธ์ พรหมมงคล แกนนำเครือข่ายฯ กล่าวว่า นับจากวินาทีนี้ ถือเป็นสัญญาประชาคมที่มีความสำคัญ และเป็นการยุติปัญหาที่ชาวบ้านต่อสู้มานานกว่า 5 ปี และเป็นคืนแรกที่คนพัทลุงและนครศรีธรรมราชจะนอนหลับสนิท โดยการหารือร่วมกันระหว่างตัวแทนเครือข่ายกับรัฐบาล ได้ข้อสรุปตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนกรมชลประทาน, ตัวแทนภาคประชาชน, นักวิชาการที่ทั้งสองฝ่ายให้การยอมรับ เพื่อศึกษาแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบในพื้นที่ภาคใต้ โดยให้เริ่มจากพื้นที่ จ.พัทลุงและนครศรีธรรมราช 
    "ซึ่งระหว่างนี้ให้ทำการชะลอการดำเนินการทั้ง 4 โครงการออกไป จนกว่าคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นจะพิจารณาจนได้ข้อสรุป โดยการชะลอโครงการดังกล่าว ให้รวมถึงการก่อสร้าง การเวนคืนที่ดิน และการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับประชาชนในพื้นที่ให้ยุติไว้ทั้งหมด โดยคาดว่าในระยะเวลา 6 เดือน และ 1 ปีนับจากนี้ จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการทั้ง 4 โครงการ" นายเจกะพันธ์กล่าว
    ด้านนายพุทธิพงษ์กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า รัฐบาลได้ระมัดระวังเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันระหว่างผู้ชุมนุมกับภาครัฐ และขอย้ำว่า ทุกคนเป็นคนไทย ที่รัฐบาลพร้อมรับฟังปัญหาทุกเรื่อง ซึ่งลำพังตัวเองคงไม่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาได้ แต่ได้รับคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ที่สั่งการมาโดยตรงให้ลงมารับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุม  ซึ่งต่อจากนี้ขอให้พี่น้องประชาชนนอนหลับอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเวนคืนที่ดิน เพราะหลังจากนี้ต้องรอให้คณะกรรมการพิจารณาจนได้ข้อสรุปเสียก่อน
    นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า เท่าที่รับทราบมาโครงการทั้งหมดคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน เช่น โครงการผันน้ำเมืองนครศรีธรรมราช ที่ต้องการก่อสร้างเพื่อไม่ให้น้ำท่วมเมือง และสามารถนำน้ำไปบริหารจัดการต่อได้ด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้คนอื่นไม่ได้ประโยชน์ มีแต่คนในพื้นที่ที่ได้ประโยชน์ แต่ทั้งนี้ ทุกเรื่องต้องหาข้อสรุปให้ทุกคนอยู่ได้ด้วย อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต้องสามารถยกเลิกหรือถอยได้
    “ส่วนตัวได้มองแววตาประชาชน ก็มองเห็นกันว่า เราต่างก็เป็นคนดี ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ดังนั้นการดำเนินการหลังจากนี้จะต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพราะไม่มีใครตั้งใจรังแกประชาชน และหวังว่าเราจะได้พบกันในโอกาสอื่นๆ ที่ไม่ใช่การชุมนุมเรียกร้องปัญหาในลักษณะแบบนี้”นายพุทธิพงษ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ยังแจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบว่าได้มีการเตรียมรถบัสสำหรับส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านในวันที่ 30 ม.ค. ขณะที่คืนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมพื้นที่พักไว้ให้แล้ว ซึ่งระหว่างนายพุทธิพงษ์ ปราศรัย ผู้ชุมนุมต่างตั้งใจฟังและมีรอยยิ้ม จากที่ก่อนหน้าจะเดินทางมายังปราศรัยอย่างดุเดือด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"