ทอท.ฟุ้งกำไรปีนี้ทะลุ 2.5 หมื่นล้านรับตลาดท่องเที่ยวคึกคัก เล็งชงบอร์ดปิดจ็อบเคาะประมูลดิวตี้ฟรี


เพิ่มเพื่อน    

 

30 ม.ค. 2562 นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่าการคาดการณ์รายได้ในปี 2562 ของ ทอท.นั้นพบว่าตลาดการบินของไทยปีนี้ยังสดใสมีตัวเลขการเดินทางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกทั้งยังมีสายการบินจำนวนมากที่รอเสียบสล็อตทางการบินในสนามบินหลักอย่างสุวรรณภูมิและดอนเมือง เช่เนดียวกับตัวเลขผู้โดยสารที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตอีกคั้งในปีนี้ 

อย่างไรก็ตามจึงคาดการณ์ว่ารายได้และกำไรในปีนี้ของทอท.จะไม่น้อยไปกว่าเดิมอย่างแน่นอน จากเดิมในปี งบปะมาณ 2561 ทอท.ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ด้านตัวเลขรายได้ 6.2 หมื่นล้านบาท และตัวเลขกำไรอีก 2.5 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังลุ้นการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินต่างๆที่ทยอยเปิดบริการและเริ่มรับรู้รายได้เต็มปี 

ทั้งนี้ส่วนด้านความคืบหน้าโครงการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีอากร(Duty Free) นั้น แน่นอนแล้วว่าการเปิดประมูลพื้นที่ดังกล่าวจะไม่รวมพื้นที่กับอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ดังนั้นหากมีการเปิดประมูลผู้ออกแบบโครงการใหม่นั้นจะไม่กระทบกับการประกวดราคาโครงการนี้อย่างครั้งที่ผ่านมาแน่นอน ขณะนี้ความคืบหน้าการร่างเอกสารขอบเขตการเงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์)นั้นคืบหน้าไปได้มากแล้ว คาดว่าจะเสนอทีโออาร์เข้าสู่บอร์ดได้ในการประชุม 20 ก.พ.นี้ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาต่อไป ซึ่งมีกรอบกำหนดเวลาว่าจะต้องลงนามสัญญากับเอกชนภายใน ก.ย. 2562 นี้ หรือราว 1 ปีก่อนที่สัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีเดิมจะหมดในเดือน ก.ย. 2563

นายนิตินัยกล่าวต่อว่าหลังจากกรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช)ตีกลับแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมินั้นแผนแม่บทพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิที่เตรียมเสนอสภาพัฒน์นั้นได้ยึดตามแผนแม่บทเดิมเกือบทั้งหมดคือแบ่งการพัฒนาเป็นเฟสตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้พร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสารทั้งสองฝั่ง แต่แผนแม่บทฉบับล่าสุดได้ขอเพิ่มการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่สอง วงเงินราว 4 หมื่นล้านบาท ลงไปเพื่อสู้วิกฤติสนามบินล้น เพิ่มหลุมจอดและเพิ่มระบบรวมถึงเทคโนโลยีงานบริการเช่นสายพานลำเลียงกระเป๋า พร้อมทำการอัพเดทข้อมูลความเชื่อมโยงของโครงข่ายคมนาคมไว้เรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีศักยภาพรองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี แต่ตัวเลขจริงนั้นกระโดดไปถึง 60 ล้านคน หากยังไม่แก้ปัญหาความแออัดในวันนี้จะส่งผลต่อคุณภาพบริการ(Level of Service) ในอนาคต ดังนั้นการพัฒนาTER2 ควบคู่ไปกับรันเวย์ที่สามจะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 30-60 ล้านคนภายในไม่กี่ปีนับจากนี้ เพื่อรองรับการก่อสร้างเฟสต่อไปคือ อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 2และอาคารผู้โดยสารหลังที่สาม(TER 3)ด้านทิศใต้ของสนามบิน แต่ตัวเลขขีดรองรับทั้งหมดจะเป็น 120 ล้านคนหรือ 150 ล้านคนนั้นอยู่ระหว่างสรุปความคิดเห็นของผู้ประกอบการแบะบริษัทสายการบิน ดังนั้นจึงควรพัฒนาอาคารฝั่งทิศตะวันตก(West-wing) วงเงิน 6.6 พันล้านบาท ควบคู่กับก่อสร้างTER2 เพื่อเปิดใช้ไล่เลี่ยกันพร้อมกับเพิ่มหลุมจอดและเทคโนโลยีบริหารจัดการสนามบิน 

สำหรับปัญหาในการพัฒนาขยายอาคารฝั่งตะวันออก(East-Wing) นั้นจะส่งผลต่อความแออัดของการจราจรระหว่างก่อสร้างจนอาจทำให้เกิดรถติดจำนวนมากทั้งยังไม่สามารถเพิ่มความจุการรองรับผู้โดยสารได้เท่ากับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่อีกด้วย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"