พธม.เฮ!อุทธรณ์ยกฟ้อง คดีดาวกระจายไล่สมัคร


เพิ่มเพื่อน    

    9 แกนนำ พธม.เฮ! ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีดาวกระจายไล่ “สมัคร” เมื่อปี 2551 ชี้ชุมนุมโดยสงบ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเหตุรุนแรงต้นตอไม่ได้เกิดจากผู้ชุมนุม อาวุธที่ค้นพบมีพิรุธ 
    เมื่อวันพุธ ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ อ.3973/2558 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 79 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 68 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 69 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 64 ปี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 69 ปี, นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 42 ปี, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อายุ 65 ปี, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี อายุ 58 ปี และนายเทิดภูมิ ใจดี อายุ 73 ปี เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ โดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดให้เลิกแล้ว แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216 กรณีที่มีการรวมตัวชุมนุมต่อต้านและขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551
    อัยการโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2558 ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 9 คนซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง ได้จัดชุมนุมใหญ่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยใช้รถยนต์บรรทุกหกล้อ 5 คันเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ ติดตั้งเครื่องขยายเสียงและลำโพง ต่อมาเวลากลางคืนจำเลยทั้งหมดได้นำกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนมากเคลื่อนขบวนไปตาม ถ.ราชดำเนิน มุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อรถเวทีปราศรัยเคลื่อนผ่านไปบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตำรวจตั้งแถวสกัดกั้นเอาไว้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถฝ่าแนวกั้นไปได้ และได้ปิดการจราจรใน ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่สี่แยกมัฆวานรังสรรค์ไปจนถึงสี่แยก จปร. เป็นที่ชุมนุมประท้วงไปจนถึงวันที่ 5 ต.ค.2551 โดยได้ตั้งเวทีถาวร กางเต็นท์ มีโรงครัวปรุงอาหาร ขึงลวดหนามกั้น ถ.ราชดำเนินนอก ห้ามบุคคลเข้า-ออกบริเวณที่ชุมนุม มีการตั้งกองกำลังรักษาความปลอดภัยเรียกว่านักรบศรีวิชัย 
    นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมเครื่องมือ เช่น ไม้เบสบอล หนังสติ๊ก ท่อนเหล็ก เพื่อใช้เป็นอาวุธ ส่อไปในทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศ ส่วนบนเวทีปราศรัยจำเลยทั้ง 9 คน ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นกล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลนายสมัคร โดยปราศรัยปลุกระดมมวลชนที่มาฟังและร่วมชุมนุมไปตลอด 24 ชั่วโมง ภายหลังได้ร่วมกันชักชวนผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนกระทำการปิดถนนสาธารณะและเคลื่อนกำลังไปในลักษณะดาวกระจาย ใช้รถยนต์บรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปกดดันบริเวณสถานที่ราชการหลายแห่ง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจ เป็นต้น เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โรงเรียน สถานศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุม ต้องหยุดการเรียนการสอนหลายครั้ง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยจากการชุมนุม
    โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัวในชั้นพิจารณา ยกเว้นนายสนธิ แม้ได้รับการประกันตัว แต่ถูกคุมขังในเรือนจำคลองเปรม รับโทษจำคุก 20 ปี คดีทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งศาลเบิกตัวนายสนธิจากเรือนจำคลองเปรมเพื่อมาฟังคำพิพากษา ขณะที่อดีตแกนนำ พธม.อีก 8 คนก็ได้เดินทางมาศาล
    คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2560 ยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากเป็นการฟ้องซ้ำกับคดี พธม.บุกรุกทำเนียบรัฐบาล หมายเลขดำ อ.4925/2555 ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1-6 คนละ 2 ปี อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น ศาลเห็นว่าการกระทำเป็นความผิดฐานมั่วสุม 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่ง แต่เห็นควรให้รอการกำหนดโทษจำเลยที่ 7-9 ไว้มีกำหนด 2 ปี
    ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ประเด็นวินิจฉัยคดีที่อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดง อ.1877/2558 และคดีหมายเลขแดง อ.1878/2558 หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว โจทก์จึงนำการกระทำความผิดในคราวเดียวกันมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1-6 เป็นคดีนี้อีกไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
    ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น เห็นว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานก่อความวุ่นวายตามมาตรา 215 วรรคแรก เนื่องจากการกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมโดยสงบ แม้โจทก์มีพยานเจ้าหน้าที่เบิกความกรณีผู้ชุมนุมต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงาน จากการที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ารื้อเวทีและเต็นท์ของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่ได้เริ่มจากกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนที่ตรวจค้นพบขวานและเหล็กแป๊บในพื้นที่ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมขนย้ายเต็นท์และข้าวของออกไปหมดแล้ว จึงค่อนข้างผิดวิสัย อีกทั้งก็ไม่ได้ค้นพบจากตัวผู้ชุมนุม ทำให้มีข้อสงสัยว่าอาจไม่ใช่ของผู้ชุมนุมเอง เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จึงพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 7-9 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น   
    ภายหลังพิพากษา นายสมเกียรติกล่าวว่า ศาลยกฟ้องทุกข้อหา เพราะคำให้การของพยานระบุว่ากลุ่มผู้ชุมนุมกระทำตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ และการกระทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองด้วย ซึ่งตนเองถูกดำเนินคดีทั้งหมด 11 คดี ไม่เคยเห็นศาลอ้างรัฐธรรมนูญเหมือนคดีดาวกระจายนี้ ซึ่งศาลเริ่มเอารัฐธรรมนูญมาใช้แล้ว คิดว่าบรรยากาศจะดีขึ้น
    ส่วนนายสุริยะใสกล่าวว่า ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เพราะเราเชื่อมั่นและยืนยันมาตลอดว่า พร้อมสู้ทุกคดี ไม่หนี และใช้สิทธิทางศาลอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็น้อมรับ วันนี้เป็นอีกกรณีที่ยืนยันว่าสิ่งที่พวกเราชุมนุมต่อสู้กันมากระทำโดยสุจริตใจ อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ศาลชี้ให้เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่เหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากภายนอก เป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยกมาต่อสู้ในทุกคดี 
    “เราไม่ได้ยกพวกไปตีกับใคร เราชุมนุมโดยสงบที่ทำเนียบฯ เดี๋ยวก็มีระเบิดเอ็ม 79 ยิงมา มีชายฉกรรจ์ชายชุดดำออกมา สุดท้ายความจริงปรากฏว่าความตั้งใจของพวกเราที่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ซึ่งศาลท่านเห็นและสังคมก็จะเห็นตาม ไม่ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังมั่นใจในความสุจริตที่ต่อสู้มาทั้งหมดเพื่อส่วนรวม”นายสุริยะใสกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"