“พรรคเพื่อชาติ” ที่มีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เป็นพรรคหนึ่งที่ต้องการนำเสนอคนรุ่นใหม่สู่แวดวงการเมืองไม่น้อยหน้ากว่าพรรคอื่นๆ ความชัดเจนจุดนี้เริ่มตั้งแต่ทีมโฆษกพรรค ที่เลือกนักการเมืองเป็นคนรุ่นใหม่เข้าไปดำรงตำแหน่ง มีบทบาทเป็นปากเสียงของพรรคสื่อข่าวสารถึงสาธารณชน ดังที่เริ่มเห็นผ่านหน้าสื่อมากขึ้นแล้วหนึ่งในนั้นคือ “ดร.โอ๋-รยุศด์ บุญทัน” รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ หนุ่มหล่อจากเมืองอุบลฯ ก็เป็นหนึ่งในทีมโฆษกที่มีบทบาทบ่อยครั้ง จนน่าจับตาต้องทำความรู้จักกัน

 

ประสบการณ์การทำงานและเหตุผลที่สนใจงานการเมือง

                การเข้ามาสู่งานการเมืองจริงๆ มีความสนใจอยู่แล้ว เพราะการทำงานให้สังคม การเปลี่ยนแปลงสำคัญอยู่ที่การเมือง ถ้าเรามีโอกาสที่จะเข้ามาทำงานในทางการเมือง เราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างได้ เพราะการเมืองคือระดับนโยบายนำทุกอย่าง เป็นภาพใหญ่ใจความของทั้งหมดทั้งปวง ฝันมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วว่าวันหนึ่งเรามีโอกาสเข้าสู่การเมืองเราจะทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมฯ ก็มีโอกาสได้ทำกิจกรรมลักษณะแบบนี้ เป็นตัวแทน เป็นประธานสภาเยาวชน เป็นยุวทูตสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ ทำงานเกี่ยวข้องทางสังคมมาเยอะ

                พอจบปริญญาตรีที่ มศว ปริญญาโทที่จุฬาฯ และปริญญาเอกด้านการสื่อสารการเมือง แล้วก็ทำธุรกิจร้านอาหารชื่อ “ครัวอาจารย์โอ๋” มีอยู่ 2-3 ที่ และเป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้เคยทำงานการเมืองเป็นคณะทำงานของรองนายกฯ มาก่อน การเมืองคือทำงานเพื่อส่วนรวม แต่เรามีภาพของนักการเมืองในอดีตที่ค่อนข้างเชิงลบ รู้สึกว่าการเมืองเป็นของคนที่มีอำนาจบารมี เป็นลูกหลานของนักการเมือง ของคนที่พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองไม่กี่ตระกูล

                มีภาพที่มองว่าการเมืองเข้าถึงยาก ต้องมีเงิน ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เราเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 35 ปี เรามีภาพอย่างนั้นมาตลอด พอพรรคเพื่อชาติเปิดตัวขึ้นมา มีผู้ใหญ่เชิญชวน พรรคกำลังสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้กระแสของคนรุ่นใหม่กำลังมา หลายพรรคเริ่มเปิดตัวคนรุ่นใหม่

                “พรรคเพื่อชาติก็นำเสนอความเป็นคนรุ่นใหม่ เรามองว่าเราจะทำอะไรได้มากไหม ตอนแรกเราก็คิด แต่พอพรรคให้เป็นรองโฆษกพรรค เป็นกรรมการพรรค เราถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก จึงเข้ามาทำงานการเมือง เราอยากเปลี่ยนแปลงทำการเมืองใหม่ๆ อยากเห็นอะไรที่มันใหม่ๆ พรรคเองก็มีคอนเซ็ปต์ว่าต้องการสร้าง ส.ส.คนรุ่นใหม่เข้าไปในสภาฯ เพราะวันนี้ ส.ส.เก่าๆ ที่มีก็เป็นพี่เลี้ยงให้กับเรา พรรคก็อยากสร้างคนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานในสภาฯ อยากเห็นการเมืองใหม่ อยากเห็นสภาฯ มีคนใหม่เข้าไป อันนี้คือโอกาสที่เราอยากเข้ามา และเชื่อมั่นในอุดมการณ์ทางการเมือง ความเป็นประชาธิปไตยของพรรค”

 

พรรคเพื่อชาติเป็นพรรคแรกที่สนใจหรือไม่ และมีพรรคอื่นมาเชิญชวนหรือไม่

                มีแต่ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ มีพรรคที่ต้องการคนรุ่นใหม่มาชวน แต่ด้วยความที่เราเองต้องตัดสินใจให้รอบด้าน พรรคเพื่อชาติยึดเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตย เลยตัดสินใจไม่รีรอเมื่อพรรคเชิญชวน ผมตัดสินใจไม่ยาก ยิ่งหัวหน้าพรรคเป็นคนเคยจนมาก่อน ต่อสู้มาจนสามารถมีพื้นที่ มีปากมีเสียง ยืนอยู่บนการยอมรับได้ เรามีแบบอย่างที่ดี หัวหน้าพรรคพยายามทำให้เราเห็น หัวหน้าพรรคเป็นคนดีก็ตัดสินใจเข้ามา มีกองเชียร์หลายท่านที่มีหลักประชาธิปไตยอย่างมาก โดยเฉพาะคุณยงยุทธ ติยะไพรัช และคุณจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นกองเชียร์คนสำคัญของพรรค ซึ่งท่านก็เชียร์พรรคมาตลอด นักมวยต้องการกองเชียร์ที่ดี เรามีกองเชียร์ดีเราก็สบายใจ

 

นโยบายใดที่สนใจหรืออยากผลักดันเป็นพิเศษที่นำเสนอไปทางพรรค

                หลักใหญ่ใจความพรรคมีครบ ผมเสนอไปบางส่วนแล้วสอดคล้องกับความต้องการของเรา อย่างเรื่องของการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม คือหัวใจหลักของพรรค จะทำอย่างไรที่จะยกระดับคนฐานรากให้มาเป็นคนชั้นกลาง ให้มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับคนอื่นได้ เช่น นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ นโยบายนี้ให้โอกาสคนที่อยู่ในตำบล เป็นเด็กที่ไม่ต้องฉลาด แต่มีความตั้งใจ มีโอกาสเข้าไปเรียนหมอ จะเรียน 5-7 ปีก็ไม่เป็นไร ส่งให้จบ ให้ทุนเขา แล้ววันหนึ่งเขาจบกลับไปตำบล ไปดูแลปู่ย่าตายาย พี่น้องเขา ตรงนี้คือการให้โอกาสกับคนจน ขอให้มีความตั้งใจ เราอยากสร้างให้คนเท่าเทียมมีศักดิ์ศรี คนเรียนหมอไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งเสมอ คนที่ไม่เก่งมาก แต่มีความตั้งใจ ก็ต้องให้กลับมาดูแลบ้านเกิด

                เรื่องการศึกษา จะทำยังไงให้การศึกษามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างที่จะทำให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ ทุกโรงเรียนทุกหนแห่ง ไม่แข่งขันกันมากยิ่งขึ้น คนเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น จะทำยังไงให้ลดตรงนี้ได้ เรียนน้อย แต่มีประสิทธิภาพ หากิจกรรมที่ดีให้กับเขาด้วย สิ่งเหล่านี้ผมพยายามเสนอและผลักดันให้เป็นรูปธรรมให้กับพรรคอยู่ รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ ผมมองว่ามันคือการตอบโจทย์ที่ผมเข้ามาในพรรคนี้ แล้วผมก็จะผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์นำสู่สาธารณชน

 

การทำหน้าที่รองโฆษกฯ และมีบทบาทอย่างมากมีกระแสตอบรับอย่างไร

                การทำงานทุกที่มีอุปสรรค ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เราจะเจอในอนาคตคืออะไร และพร้อมที่จะปรับตัวเองสู่การเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น จะมีคนตอบรับมากน้อย สิ่งสำคัญคือผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์เรา ถ้าเราตั้งมั่นในผลงาน ทำหน้าที่ให้พรรคอย่างตรงไปตรงมา ยึดผลประโยชน์ของพรรคและชาติบ้านเมือง ประชาชนจะให้การตอบรับหรือไม่อยู่ตรงนี้ พรรคให้โอกาสผมมาทำงาน ผมจะทำงานให้ดีที่สุด และจะทำหน้าที่สื่อสารกับประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ บนพื้นฐานหลักการความเป็นประชาธิปไตย ยึดถือคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง การตอบรับประชาชนเป็นคนกำหนด ผมพูดเองไม่ได้ว่าชอบไม่ชอบ รักไม่รัก การตอบรับดีไม่ดี ต้องให้คนอื่นชม ต้องขอบคุณเสียงตอบรับทุกส่วน การทำงานทุกที่ไม่ได้เดินด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว ถ้าคนไม่ทำงานจะไม่เจอข้อผิดพลาด เราทำงานเลยเจอข้อผิดพลาด เจอเยอะก็ยิ่งดี เป็นบทเรียนให้มาย้อนดูตัวเรา

 

อยากฝากอะไรถึงพี่น้องประชาชน

                อยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้าไปมีสิทธิ์มีเสียง เข้าไปเปลี่ยนแปลงปัญหาปากท้องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง ผมเป็นเด็กบ้านนอก วันนี้ผมก็อยากจะเดินทางเข้าสู่สภาฯ ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียง ผมเกิดมาบ้านก็ไม่ได้มีฐานะ บ้านจนมาก่อนด้วยซ้ำ เรามาตรงนี้ได้ถือว่าเป็นกำไร อะไรก็ตามที่เราอยากตอบแทนพี่น้องประชาชนได้เราจะทำ อยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง

                แล้วที่สำคัญพรรคเพื่อชาติมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนในการเป็นเกาะกลางทางการเมือง มีความเป็นประชาธิปไตย ผมอยากใช้โอกาสตรงนี้อาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน และขอโอกาสให้กับพรรคเพื่อชาติ ให้ผมเองทำหน้าที่คนรุ่นใหม่ไปมีปากมีเสียงในสภาฯ

 

ล้อมกรอบ

 

ดร.โอ๋-รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ

เกิด 8 ก.ย.2526 จ.อุบลราชธานี

จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ (สื่อสารการเมือง) วิทยาลัยสื่อสารการเมือง ม.เกริก

เคยดำรงตำแหน่งยุวทูตเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2543, ประธานสภาเครือข่ายเยาวชนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2546, คณะทำงานอดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย กำกับดูแลงานด้านการต่างประเทศ พ.ศ.2548 และเลขาธิการมูลนิธิมอบสายตาเป็นของขวัญในประเทศไทย พ.ศ.2550 ปัจจุบันยังเป็นอาจารย์พิเศษภาควิชารัฐศาสตร์ สาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ