เฟซบุ๊กแบนเพิ่ม 4 กลุ่มกบฏเมียนมา ชี้ก่อเหตุรุนแรงโจมตีพลเรือน


เพิ่มเพื่อน    

เฟซบุ๊กขึ้นบัญชีดำกองกำลังติดอาวุธในเมียนมาเพิ่มอีก 4 กลุ่มจากการใช้โซเชียลมีเดียยอดนิยมแห่งนี้ คำแถลงเมื่อวันอังคารระบุว่าต้องการป้องกันไม่ให้องค์กรอันตรายเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อสังคมที่นอกเหนือจากโลกออนไลน์

    มาตรการสั่งปิดบัญชีของกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลเมียนมาเพิ่มเติมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐ เพื่อควบคุมการใช้โซเชียลมีเดียนี้เผยแพร่วาทะสร้างความเกลียดชัง ข้อมูลเท็จ และการยุยงปลุกปั่น

    รายงานของเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคมเฟซบุ๊กได้แบนบัญชี, เพจ และกรุ๊ปที่เกี่ยวโยงหรือเป็นตัวแทนของกองทัพเมียนมา รวมถึงได้ปิดบัญชีของกลุ่มพระสงฆ์หัวรุนแรงของเมียนมาและกองกำลังติดอาวุธชาวโรฮีนจา ที่ส่งผลต่อความขัดแย้งระหว่างชุมชนและวิกฤติรุนแรงในรัฐยะไข่

    การดำเนินการของเฟซบุ๊กเกิดขึ้นภายหลังโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ความขัดแย้งลุกลามมากขึ้นแห่งนี้ โดนวิจารณ์ว่าไม่ทุ่มเทมากพอเพื่อป้องกันการเผยแพร่เนื้อหาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและความเกลียดชัง

    คำแถลงเมื่อวันอังคารเปิดเผยว่า กลุ่มที่โดนแบนเพิ่มเติมประกอบด้วย กองทัพอาระกัน (เอเอ),  กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (เอ็มเอ็นดีเอเอ), กองทัพเอกราชกะฉิ่น (เคไอเอ) และกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (ทีเอ็นแอลเอ)

    "ขณะนี้กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ถูกห้ามจากเฟซบุ๊กแล้ว และเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการยกย่อง สนับสนุน และเป็นตัวแทนของกลุ่มเหล่านี้จะถูกลบออกโดยเร็วที่สุดทันทีที่บริษัทรับรู้" เฟซบุ๊กประกาศในเพจข่าวของบริษัท "มีหลักฐานชัดเจนว่าองค์กรเหล่านี้มีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีพลเรือนและก่อความรุนแรงในเมียนมา พวกเราต้องการป้องกันองค์กรเหล่านี้ไม่ให้ใช้บริการของเราไปกระพือความตึงเครียดในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก"

    กลุ่มติดอาวุธ 4 กลุ่มที่โดนขึ้นบัญชีดำล่าสุดนี้เป็นกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา ที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมามานานหลายสิบปีเพื่ออำนาจปกครองตนเอง ทั้ง 4 กลุ่มไม่ได้ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงของรัฐบาลเมียนมา และช่วงหลายปีมานี้ได้ก่อเหตุปะทะกับกองทัพอยู่เนืองๆ

    เฟซบุ๊กเผยกับเอเอฟพีว่า รัฐบาลเมียนมาเคยแจ้งเตือนเนื้อหาที่โพสต์โดยกลุ่มกบฏเหล่านี้มาแล้วหลายครั้ง แต่การตัดสินใจแบนครั้งล่าสุดนี้เกิดจากการพิจารณาภายในบริษัทเอง

    โซเชียลมีเดียแห่งนี้พยายามกอบกู้ชื่อเสียงด้วยการปรับปรุงการลบเนื้อหาสร้างความเกลียดชังให้รวดเร็วขึ้น และเพิ่มทีมงานตรวจตราภาษาเมียนมามากขึ้น โดยตอนนี้จ้างพนักงานที่พูดภาษาเมียนมาไว้มากกว่า 100 คน บางคนรู้ภาษาชานและชินด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"