การกระทำที่มิบังควร ร.10มีพระบรมราชโองการ‘ราชวงศ์’ห้ามยุ่งการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

ไทยรักษาชาติสร้างปรากฏการณ์ตะลึง! ทั้งประเทศ เสนอนาม "อุบลรัตนฯ" เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ขณะที่ทูลกระหม่อมฯ โพสต์ไอจี ขอบคุณความสนับสนุนจากคนไทย และชี้แจงความตั้งใจและเสียสละ "ดิฉันได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ และอยู่ในฐานะสามัญชนแล้ว" "ไพบูลย์" ยืน กกต.วินิจฉัยทันควัน ทษช.ทำผิดระเบียบ ขณะที่ "แก้วสรร" แนะชี้แจงให้ชัด เพราะในทางสังคมทางสายเลือดนั้นลาออกกันไม่ได้ ด้านพปชร.เสนอ "บิ๊กตู่" ยันเหมาะเป็นผู้นำในสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าตัวยอมรับตัดสินใจไม่ง่าย แต่พร้อมเป็นผู้นำ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรี ของพรรคชื่อเดียว ท่ามกลางกองทัพผู้สื่อข่าวนับร้อยคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของพรรคไทยรักษาชาติ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค เดินทางมายังสำนักงาน กกต. ในเวลา 08.45 น. เมื่อเข้ามาถึงได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก่อนจะเดินไปตั้งแถวหน้ากระดานที่ลานอเนกประสงค์เพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน จากนั้นตรงเข้าไปลงทะเบียนเพื่อยื่นบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรค ทษช. ตามฤกษ์ 09.10 น. โดยเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 

จากนั้น ร.ท.ปรีชาพลแถลงว่า คณะกรรมการบริหารพรรคได้ประชุมกัน และมีมติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯ ของพรรค ซึ่งกรรมการบริหารพรรคเห็นพ้องต้องกันว่าทูลกระหม่อมฯ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด  

"จากนั้นจึงได้ติดต่อและประสาน โดยทูลกระหม่อมฯ ได้มีพระเมตตาตอบรับและยินยอมให้พวกเราเสนอชื่อท่าน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบเป็นนายกฯ ในนามพรรคไทยรักษาชาติ" 

เมื่อถามว่า ท่านจะมาช่วยหาเสียงหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลตอบว่า พวกเรามีนโยบายและแผนงานหาเสียงอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับท่าน ต้องรอให้มีพระเมตตา หลังจาก กกต.ได้พิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติบัญชีรายนายกฯ อย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้นจะได้แถลงอย่างเป็นทางการในรายละเอียดว่าท่านจะได้มาช่วยหรือไม่อย่างไร

ถามว่าป้ายหาเสียงจะมีรูปท่านคู่กับผู้สมัครหรือไม่ หัวหน้าพรรค ทษช.ตอบว่า ตรงนี้เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ถ้าบอกว่าเป็นรัฐบาลแห่งชาติก็คงไม่ใช่ เป็นเรื่องของการเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งให้พี่น้องประชาชนได้ใช้สิทธิใช้เสียง ทุกอย่างเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ทุกอย่าง

ซักว่าการตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการชิงเพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพลปฏิเสธว่าอาจเร็วไปที่จะบอกว่าพรรคจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของประชาชน และจะต้องมีการหารือกับพรรคที่มีแนวคิดเดียวกัน ซึ่ง ทษช.มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าเราสนับสนุนเรื่องของประชาธิปไตย และทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ ฉะนั้นคงได้มีการพูดคุยกันกับพรรคที่มีแนวคิดเดียวกันต่อไปหลังผลการเลือกตั้งออกมา 
อ้างไม่ได้เป็นคนร่าง รธน.

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสเรียกร้องให้พรรคเสนอชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ  ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่ได้เป็นคนร่าง แต่ต้องเข้ามาเป็นผู้เล่นในกฎหมายที่เราไม่ได้ร่าง ฉะนั้นสิ่งที่เราดำเนินการยืนยันว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญทุกประการ เราเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กฎกติกาเป็นอย่างไร เราพร้อมปฏิบัติตาม เมื่อผู้เกี่ยวข้องเสนอกฎหมายมาแบบนี้ เราก็ยื่นและเสนอตามขั้นตอนทุกประการ

ถามว่ากฎหมายระบุห้ามนำสถาบันฯ มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง ร.ท.ปรีชาพลแจงว่า เป็นหน้าที่ กกต.จะพิจารณา ทษช.หารือข้อกฎหมายแล้วไม่มีปัญหา

ท่ามกลางข้อถกเถียงเรื่องคุณสมบัติของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ พรรคไทยรักษาชาติได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า 

1.ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ได้ลาออกจากการดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ในฐานะสมเด็จเจ้าฟ้า ตามประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2515 ทำให้สถานะทางกฎหมายของท่านเป็นสามัญชนตั้งแต่บัดนั้น

2.คุณสมบัติของผู้ที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 88 และ 89 กำหนดให้ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ได้มีหนังสือตอบรับมายังพรรคไทยรักษาชาติตามเอกสารแนบ ซึ่งได้ยื่นต่อ กกต.ไปแล้ว

3.กรณีผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ฝ่ายกฎหมายของพรรคฯ  ทำการตรวจสอบและยืนยันว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล ไม่ได้ขาดคุณสมบัติจากกรณีดังกล่าวตามคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ระบุว่าการไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นข้อห้ามของรัฐธรรมนูญในอดีต แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยกเลิก ห้ามเพียงต้องไม่เคยเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น 

ขณะที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ โพสต์ไอจีส่วนพระองค์ระบุว่า "ขอขอบคุณสำหรับความรัก และทุกกำลังใจ และความสนับสนุนจากพวกเราคนไทยทุกคน ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งที่สุด และอยากบอกว่าอยากเห็นพวกเราได้มีโอกาส มีสิทธิ์ที่จะมีโอกาส และมีความสุขในประเทศของเรา และขอชี้แจงว่า ดิฉันได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ และอยู่ในฐานะสามัญชนแล้ว ดิฉันจึงขอใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างสามัญชนภายใต้รัฐธรรมนูญกฎหมาย และข้าพเจ้ายินยอมให้พรรคไทยรักษาชาติ ใช้ชื่อเพื่อเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงการแสดงสิทธิ เสรีภาพ และความไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เหนือปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หากแต่การกระทำครั้งนี้ข้าพเจ้าได้กระทำด้วยความจริงใจและความตั้งใจเสียสละในการขอโอกาสนำไปประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง"

อุ๊งอิ๊งให้กำลังใจ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ได้โพสต์คอมเมนต์ถึงทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ว่า "ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ในทุกๆ เรื่อง ให้ทูลกระหม่อมตลอดไปเพคะ" ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ได้ทรงตอบ น.ส.แพทองธารว่า "ขอบใจมากอิ๊งสำหรับกำลังใจที่ให้มาตลอด"

ด้านนายณัฐฏ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ว่าคุณสมบัติของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ กกต.ยังเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า กกต.มีอำนาจพิจารณาหรือไม่ หรือมีอำนาจเพียงประกาศรายชื่อตามที่พรรคเสนอมา แต่เบื้องต้นเท่าที่อ่านกฎหมาย น่าจะมีอำนาจแค่ประกาศ แต่ทั้งนี้ทางสำนักงานกำลังศึกษาข้อกฎหมายทั้งหมด และจะเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณาในสัปดาห์หน้า 

เมื่อถามว่า พรรคไทยรักษาชาติสามารถนำรูปแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคขึ้นป้ายหาเสียงได้เลยหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ตอบว่า ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ข้อ 17 กำหนดไว้ว่า ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น กกต.คงต้องพิจารณาก่อน  และถ้าจะให้ดี ทุกพรรคควรรอการประกาศรับรองจากกกต.ในวันที่ 15 ก.พ.ก่อน 

นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทูลกระหม่อมนายกรัฐมนตรี!" ผ่านไทยโพสต์ออนไลน์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ทั้งพรรคไทยรักษาชาติและตัวทูลกระหม่อมเอง มีสิทธิได้อยู่แล้ว แต่ในทางรัฐธรรมนูญนั้น ต้องมีการทำให้เป็นที่กระจ่างโดยด่วนที่สุด ว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวและส่วนพรรคจริงๆ ไม่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ไม่ว่าในทางใด โดยการให้ข้อมูลของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แล้วปฏิบัติกันเสียให้ชัดเจนว่า ต่อไปนี้ ทูลกระหม่อมท่านได้พ้นจากความเกี่ยวข้องกับสถาบันโดยชัดเจน สิ้นเชิงแล้ว จะดีจะชั่ว อย่างไรก็ให้ตกที่ตัวท่านเองทั้งสิ้น

ในทางสังคม ทางสายเลือดนั้น ลาออกกันไม่ได้ ต้องชี้แจงกันให้ชัดจริงๆ ว่าตัดสินใจลงมาสู่วังวนแห่งอำนาจโดยขาดจากบารมีใดๆ ทั้งปวงจริงๆ  เรายังเป็นคนไทย เป็นพสกนิกรอยู่ ถ้ายังไม่ขาด ยังไม่อนุญาตจริงๆ ก็ยังไม่บังควรครับ

อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปประเทศ (ปชช.) เข้ายื่นหนังสือถึงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ขอให้ กกต.พิจารณาและวินิจฉัยการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ ว่าเข้าข่ายขัดต่อระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้าม ในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หมวด 4  ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 
เจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อม 

โดยระบุว่า ได้ทราบข่าวจากสื่อสาธารณะว่า ทษช. โดยกรรมการบริหารพรรคมีมติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค แม้ว่าทูลกระหม่อมฯ จะทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้วตั้งแต่ปี 2515 แต่ทูลกระหม่อมฯ  ทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นทูลกระหม่อม ดังนั้นจึงทรงเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  

การที่ ทษช.ได้ยื่นเสนอพระนามในบัญชีนายกรัฐมนตรี ย่อมต้องมีการนำพระนามของทูลกระหม่อมฯ ไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคอันเป็นการเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 หมวด 4  ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ข้อ 17 ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง 

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 6/2543 กรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขอบเขตของการบังคับใช้เกี่ยวกับหน้าที่ของบุคคลที่จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยในคำวินิจฉัยดังกล่าวมีข้อสรุปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ บทดังกล่าวไม่ใช้บังคับกับพระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปโดยกำเนิดหรือจากการแต่งตั้ง ย่อมดำรงอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ไม่ใช่เป็นเรื่องของฐานันดรศักดิ์ แต่เป็นเรื่องฐานะโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดา ดังนั้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงสอดรับกับคำร้องที่ตนนำมายื่นต่อประธาน กกต. จึงเห็นว่าประธาน กกต.ควรรับไว้วินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักการของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ความเคลื่อนไหวอีกด้าน หลังพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือเป็นคู่แข่งทางการเมือง ได้ส่งสารจากนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า 

ผมขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ได้ให้เกียรติเชิญผมเข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ผมได้พิจารณาไตร่ตรอง และทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว 

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่ายนัก เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผมจะเป็นทหารมาตลอดชีวิต แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย และผมมีความมั่นใจ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะสามารถร่วมมือร่วมใจกับพี่น้องประชาชน นำพาประเทศของเรา ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างมีความสงบสุข มีความสามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคมอีกต่อไป

"บิ๊กตู่"ตอบรับ

ดังนั้น ผมจึงขอตอบรับการเชิญโดยยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ผมขอยืนยันว่า ผมมิได้มุ่งหวังจะสืบทอดอำนาจใดๆ เพียงแต่มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญอย่างแท้จริง โดยจะเร่งบริหารและพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป

"ผมมีความคาดหวังว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เราจะได้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ไม่มีการใช้วัฒนธรรมการเมืองเดิมๆ ที่มีการต่อรองผลประโยชน์หรือตำแหน่งเพื่อกลุ่มของตนเอง เพื่อให้ได้คนดี มีความสามารถมาบริหารราชการ โดยทุกคนต้องเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมเท่านั้น ทั้งนี้ ผมพร้อมจะร่วมมือทำงานกับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน”

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นำคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรค และผู้สมัคร ส.ส. ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยื่นบัญชีเสนอชื่อนายกฯ ที่สำนักงาน กกต. หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ได้มีสารแสดงเจตจำนงตอบรับการถูกเสนอชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐแล้ว

นายอุตตมได้พูดคุยทักทายกับสมาชิกถามว่า "สู้มั้ย" โดยนายอุตตมและสมาชิกก็ได้ยกแขนชูกำปั้นพร้อมกับระบุว่า "สู้ๆ" ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส 

หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า ไม่ขอออกความเห็นกรณีพรรคไทยรักษาชาติ เราขอทำหน้าที่ของเรา ทุกพรรคมีสิทธิที่จะนำเสนอว่าที่นายกฯ ให้กับประชาชน เราแค่เสนอรายชื่อตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ 

"เราเดินหน้าให้พี่น้องประชาชนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะช่วยพรรคหาเสียงอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่พรรคจะต้องหารือต่อไปว่าอะไรที่ท่านจะทำได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายด้วย และหลังจากที่พรรค ทษช.ได้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แล้ว ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกันเลย เพราะท่านพึ่งจะตอบรับวันนี้ แต่จากนี้ทางพรรคก็จะมีโอกาสพูดคุยกันกับพล.อ.ประยุทธ์"

เรื่องความมั่นใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอุตตมกล่าวว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งแผนงาน ทั้งความมุ่งมั่นของพรรค เหมือนเดิมทุกอย่าง   

“พรรคไม่เคยมีแผน 2 เรามั่นใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถจัดการกันได้ และเรายังมั่นใจว่าประชาชนคนไทยน่าจะให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ความเห็นแตกต่างกันได้ แต่เราเชื่อว่าท่านเป็นคนที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ ที่ประเทศชาติต้องการผู้นำ ให้ประเทศก้าวข้ามจุดเปลี่ยนแปลงหักเหนี้ไปให้ได้” นายอุตตมกล่าว

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังออกแถลงการณ์ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเหมาะสมที่สุดในการที่จะเป็นผู้นำรัฐบาลในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ซึ่งต้องการความสงบสุข มีความสามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนต่อไป

"วิษณุ"เป็นใบ้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เห็นข่าวจากในโทรทัศน์แต่ไม่มีความเห็นอะไร เมื่อถามว่าหากดูเรื่องความเหมาะสม การที่พรรคการเมืองทำเช่นนี้ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ไม่ทราบ 

เมื่อถามว่า ในข้อกฎหมายเรื่องคุณสมบัติถือว่ามีอะไรขัดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่ตอบ คือไม่มีอะไรตอบ "ผมก็ดูโทรทัศน์เหมือนคุณ ผมไม่มีความเห็นทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอะไรทั้งสิ้น ถ้าผมตอบได้ผมตอบแล้ว แต่ผมตอบไม่ได้ ผมเลยขอไม่ตอบ" 

เมื่อถามว่า รู้สึกเซอร์ไพร์สกับบุคคลที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายวิษณุย้อนกล่าวกับสื่อมวลชนทันทีว่า คุณเซอร์ไพรส์ไหม พวกคุณเสนอข่าวกันมาตั้งสองสามวันแล้ว

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็ประชาธิปไตย”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนเขาคงตัดสินใจในใจแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เขาต้องการให้ประเทศไทยเดินไปทิศทางไหน เราก็ต้องเคารพประชาชน พรรคของเราเป็นพรรคของคนธรรมดาสามัญชนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนและประเทศชาติ เพราะเราเชื่อมั่นว่าประชาชนจะต้องเลือกหนทางที่ถูกต้องสำหรับประเทศไทย

ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า จากเดิมที่ตั้งใจส่งหัวหน้าพรรค ก็ต้องขอเรียนให้ทราบว่าทางพรรคได้ตัดสินใจไม่ส่งหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วตามความเหมาะสม แต่ยืนยันส่งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อตามเดิม

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า น่าจะเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการเมืองไทย จะมาช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย เนื่องจากไม่ว่าใครชนะเลือกตั้งก็คงไม่มีใครยอมใคร สังคมแตกแยก ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ลดความขัดแย้งต่างๆ ลดเรื่องสีเสื้อ เป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะทุกคนรักสถาบัน มาถึงตอนนี้คำว่ารัฐบาลแห่งชาติเริ่มมีโอกาสเป็นไปได้ กำหนดเวลาปีครึ่งถึงสองปี จากนั้นอาจจะยุบสภาให้ประชาชนไปว่ากันใหม่ในกติกาที่ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำ แก้กติกาใหม่ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย คิดว่าผู้มีบารมีเท่านั้นที่จะทำได้ และเชื่อว่าทุกพรรคต้องยอม อาจจะไปแก้รัฐธรรมนูญ หรือทำอะไรที่เป็นสากลมากขึ้น เหมือนเป็นการนับหนึ่งประเทศไทย

เฟซบุ๊ก "คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560" โพสต์ข้อความของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ระบุเนื้อหาเตือนสติว่าอย่าตระหนกในยามที่บ้านเมืองมีปัญหา แต่ให้ตั้งสติ และมองย้อนหาสาเหตุ ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะฝ่าฟันปัญหาไปได้ ข้อความของนายมีชัยระบุว่า อย่าตระหนก! ยามบ้านเมืองมีปัญหาอย่าตระหนก เก็บความอกสั่นหวั่นไหวเอาไว้ก่อน รักษาความเยือกเย็นเป็นสาคร ค่อยๆ ย้อนมองหาสาเหตุใด ตั้งสติดำริมั่นหันมาคิด พลังจิตทบทวนอย่างครวญใคร่ หากร่วมมือร่วมแรงและร่วมใจ ย่อมฝ่าฟันกันไปได้ทันการณ์

ช่วงเวลา 22.40 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศ สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศูนย์รวมและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทย พระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือการเมือง และทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชนทรงปกครองประเทศด้วยทศพิธราชธรรม และนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยก่อการร้าย ภัยพิบัติ และภัยที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทรงบาบัดทุกข์บำรุงสุข และดูแลปกป้องประชาชนด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระมหากรุณาอย่างมิอาจประมาณได้ ประชาชนทุกหมู่เหล่าเคารพรัก และเทิดทูนพระองค์เสมือนด้วยบิดา จึงทรงเป็น “พ่อแห่งแผ่นดิน” โดยแท้จริง

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้วตามกฎมณเฑียรบาล โดยได้กราบบังคมทูลพระกรุณาเป็นลายลักษณ์อักษร หากยังทรงสถานะและดำรงพระองค์ในฐานะสมาชิกแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงเป็นที่รักใคร่ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนเป็นที่เคารพยกย่องของพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์และประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานด้วยทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยในการดำรงพระองค์และการประกอบพระกรณียกิจต่าง ๆ นั้น ทรงปฏิบัติด้วยการถวายงานของข้าราชการในพระองค์ และหน่วยราชการต่าง ๆ ของหน่วยราชการในพระองค์ตลอดมา การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

อนึ่ง บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินีพระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นพระราชินีพระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพัน พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"