อย่าหลงเชื่อลือ 'ปอท.'ล่าไอ้โม่ง ปลอมราชกิจจา


เพิ่มเพื่อน    


    "ประยุทธ์" เตือนประชาชนมีสติเสพข่าว   อย่าหลงเชื่อทันที ประเทศจะเสียหาย "ปอท." ประกาศล่าไอ้โม่งปลอมราชกิจจาฯ "บิ๊กป้อม" เผยโผทหารกลางปียังไม่เสร็จ ขณะที่ ครม.อนุมัติจัดสรรอัตรากำลังตำรวจเพิ่ม 5,970 นาย รับภารกิจชายแดนใต้-ถวายความปลอดภัย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา  ถึงการปล่อยข่าวเท็จในช่วงนี้ว่า ขอให้ดูด้วย ตนเองไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องตรงนี้มากนัก ดูแลเรื่องของกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรืออะไรต่างๆ ขอให้ทุกฝ่ายโปรดอย่าหลงเชื่อในทันที ควรคิดถึงความถูกต้องและประเทศชาติให้มากขึ้น มีสติในการรับรู้ข่าวสาร การบิดเบือนจะทำให้เกิดการเสียโอกาส ประเทศจะเสียหาย
    “ขอความกรุณาสื่ออย่าเผยแพร่ สื่อควรจะเผยแพร่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ว่าวันนี้รัฐบาลได้แก้ปัญหาไปแล้วอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเกิดหลักคิดที่ถูกต้องมีเหตุผลในการเลือกตั้ง มากกว่าจะเลือกตั้งแบบเดิมๆ ด้วยความใกล้ชิดหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว ขอให้มองในประเด็นใหญ่ด้วย เมื่อได้ ส.ส. ได้รัฐบาลที่ดีมา มีธรรมาภิบาล จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำปัญหาที่ทุกคนอยากให้แก้มาดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ทำนี่มากเกินไป ทำนั่นน้อยเกินไป จะทำให้การใช้งบมีปัญหาทั้งหมด ขอฝากสื่อในเรื่องนี้ด้วย” นายกฯ กล่าว
    ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในฐานะโฆษก บก.ปอท.  เปิดเผยว่า หลังโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพประกาศราชกิจจานุเบกษา และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลอม จนสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยในวันนี้ทางผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เดินทางเข้ายื่นหลักฐานกับ ปอท. เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องกรณีการเผยแพร่ภาพประกาศราชกิจจานุเบกษาปลอม
    โฆษก บก.ปอท.ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปส่งผลให้ประเทศเกิดความแตกแยก ประชาชนมีความสับสนวุ่นวาย ซึ่งการเอาผิดนั้นจะเน้นเอาผิดกับผู้ที่นำเข้าข้อมูลหลักฐานอันเป็นเท็จ เนื่องจากผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลต่อๆ กันนั้น ไม่ทราบข้อเท็จจริง จึงน่าจะไม่มีเจตนาไปในทางที่ไม่ดี แต่ผู้ที่ทำข้อมูลและนำเข้าข้อมูลทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นของปลอม ถือว่ามีเจตนากระทำความผิดอย่างชัดเจน
    วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงกรณีการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปีในเดือนเม.ย.นี้ว่า “ยังๆ ยังไม่เสร็จ ยังพอมีเวลา”
    ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.อ.ประวิตรตอบเพียงว่า ไม่รู้ พร้อมส่ายหน้า และขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ ทันที
    ขณะที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 5,970 อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 19ตุลาคม 2561 และครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ โดยมีสาระสำคัญ 
    1.สำนักงาน ก.พ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) จำนวน 5,970 อัตรา ตามมติ คปร. ในการประชุมครั้งที่ 4/2561 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 และครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561
    2.โดยที่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 11) พ.ศ.2562 ได้มีการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการระดับกองบังคับการ จากเดิม“กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ” เป็น “กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904” เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจหลักที่ได้รับมอบหมายโดยตรง
    ดังนั้น ในขั้นตอนการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ เพื่อรองรับภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย และการจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับอัตรากำลังดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการให้เป็นไปตามนัยข้อกฎหมายดังกล่าวด้วย
    สำหรับการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่ม สามารถสรุปจำแนกตามภารกิจได้ ดังนี้ 1.เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจาก 2.1 ตำรวจมั่นคงหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สังกัดตำรวจภูธรภาค 9 ต้องเข้าไปดำเนินภารกิจในพื้นที่ที่ฝ่ายทหารได้ถอนกำลังตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2.2ตำรวจตระเวนชายแดนกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 เพื่อให้มีอัตรากำลังเพียงพอในการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ปฏิบัติภารกิจ จำนวน 4,700 อัตรา จากจำนวน 4,700 อัตรา ที่ ตช.ขอ 2.เพื่อรองรับภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย ตามที่ได้มีการจัดตั้งกองบังคับการถวายความปลอดภัย และปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 1,270 อัตรา จากจำนวน 1,615 อัตรา ตามที่ ตช.ขอ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"