506ผู้สมัครส่อถูกตัดสิทธิ์


เพิ่มเพื่อน    


    "ประยุทธ์" ควง "ผบ.ทบ." ชมฝึกบรรเทาสาธารณภัยในค่ายทหารรบพิเศษ สยบข่าวลือรัฐประหาร บอกสื่อ "มีอะไรถามแดงสิ เรื่องไร้สาระ" จับตา 15 ก.พ. "กกต." ประกาศชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตทั่ว ปท. ระทึก! 506 ผู้สมัครขาดคุณสมบัติส่อถูกตัดสิทธิ์ "ทนายวิญญัติ" เตรียมยื่นยุบพรรค พปชร.  "เพื่อไทย" จัดปราศรัยใหญ่ลานคนเมือง กทม.ศุกร์นี้ ขนขุนพลขึ้นเวทีพร้อมเพรียง "หมวดเจี๊ยบ" โวย "นายกฯ" ลงบางแคแฝงหาเสียง
    เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการตรวจการฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ IDMEX 2019 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการ 77 จังหวัด ณ สนามฝึกและสนาม MOUT กองพลรบพิเศษที่ 1 จังหวัดลพบุรี โดยมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และนายทหารระดับสูงของเหล่าทัพ ร่วมชมการฝึกด้วย
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การฝึกไม่ใช่ทำกันแค่วันเดียว ต้องมีการเตรียมการ เช่นเดียวกับสังคมโลก ขอให้พลเรือน ตำรวจ ทหาร รักกันให้มากๆ ทุกส่วนคือหลักของประเทศ ถ้าทุกคนเข้าใจบทบาทตัวเอง ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรที่ทำให้ประเทศเราอ่อนแอ คลอนแคลนต่อไปได้ พวกเราต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในทุกโอกาส ขอให้ตระหนักว่าพวกเราทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร มีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ขอให้ทำหน้าที่ของคนไทยอย่างสมศักดิ์ศรี
    "เราต้องเข้มแข็ง พิสูจน์ด้วยฝีมือของเรา ทั้งในอดีตที่ผ่านมา ในปัจจุบันและอนาคต เราต้องเข้มแข็งไปเรื่อยๆ ในทุกมิติ อย่าให้ใครมาบ่อนทำลายหรือทำให้เกิดความแตกแยกโดยเด็ดขาด ถ้าเราไม่รักกันเองแล้วใครจะรักเรา รัฐบาลทุกรัฐบาลมีหน้าที่ทำให้เกิดความสมดุล อย่าจับมาเป็นประเด็นการเมือง ฉะนั้นอย่ามาถามผมในเรื่องพวกนี้อีก" นายกฯ กล่าว
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางไปยังพื้นที่ฝึกการรบในสิ่งปลูกสร้าง โรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ชมการสาธิต การซักซ้อมบรรเทาสาธารณภัย อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายการซ้อมแผนบรรเทาสาธารณภัย ได้เกิดฝนตกหนักลมแรง
    พล.อ.ประยุทธ์ให้โอวาทท่ามกลางสายฝน โดยมีพล.อ.อภิรัชต์ยืนตากฝนอยู่ด้วย ตอนหนึ่งระบุว่า ขอให้ทุกคนภูมิใจในการน้อมนำพระราโชบายไปปฏิบัติ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกร และทรงต้องการให้พสกนิกรได้รับผลกระทบภัยพิบัติน้อยที่สุด สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การวางแผนปฏิบัติ จะต้องมีความพร้อม รวมถึงการกระจายข่าวสารและการแจ้งเตือนประชาชน 
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อภิรัชต์ เดินเคียงกันพบปะทักทายจิตอาสาและกำลังพลที่มาฝึก บรรเทาสาธารณภัยฯ แบบบูรณาการตามพระราโชบายฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์บอกผู้สื่อข่าวว่า "มีอะไร ถามแดงสิ เรื่องไร้สาระทั้งนั้น" พร้อมชี้นิ้วไปที่ พล.อ.อภิรัชต์ นอกจากนี้ ระหว่างเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปิดกระจกรถทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูด้วย
    ที่โรงแรมเซ็นทรา น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) เป็นประธานเปิดโครงการอบรมสร้างกลไกในการแก้ปัญหาความขัดแย้งการเลือกตั้ง กิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ โดยมีผู้แทนจากพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งใน 30 เขตเลือกตั้งของ กทม.เข้าร่วม 
    ทั้งนี้ น.ส.วิชชุดาได้ชี้แจงถึงวิธีการหาเสียงว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ สถานที่ปิดป้ายหาเสียง และขนาดของป้ายหาเสียงทั้ง 3 รูปแบบ โดยขอให้ผู้สมัครคำนึงถึงขนาดป้าย จำนวนป้าย และสถานที่ติดประกาศ ซึ่งกฎหมายตีความอย่างเคร่งครัด จึงขอให้ทุกพรรคหลีกเลี่ยงการกระทำผิดระเบียบ กกต. 
    "ขอแจ้งให้ผู้สมัครรับทราบถึงข้อกังวลของ กทม.ซึ่งประสานมายัง กกต.ให้ทุกพรรคระมัดระวังรักษาต้นไม้ในสถานที่สาธารณะ การตอกตะปูยึดป้ายกับต้นไม้ขอให้ใช้ความระวังด้วย และไม่ควรติดป้ายซ้อนทับกับป้ายของผู้สมัครพรรคการเมืองอื่น รวมทั้งการติดป้ายใกล้สะพานลอย ได้เกิดเหตุเด็กนักเรียนเดินชนศีรษะแตก ติดป้ายใกล้หน้าปากซอย ทำให้บดบังสายตา ขอให้เร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดอคติกับเจ้าของป้าย" ผอ.กกต.กทม.ระบุ
    น.ส.วิชชุดากล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กกต.กทม.จะประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตของ กทม. เบื้องต้นพบว่ามีผู้สมัครหลายรายจากบางพรรคการเมืองขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นจำนวนผู้สมัครจะมีไม่ถึง 932 คน
506 ผู้สมัครส่อถูกตัดสิทธิ์
    มีรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า ในวันที่ 15 ก.พ. ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร ส.ส.เขต ที่มียอดการสมัครกว่า 1 หมื่นคน และต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตตามที่กฎหมายกำหนด โดยขณะนี้สำนักงาน กกต. ได้แจ้งผลการตรวจสอบทั้งหมดไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศแล้ว
    สำหรับผลการตรวจสอบที่สำนักงาน กกต.แจ้งไปนั้น แยกเป็นผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคการเมือง กรณีไม่พบว่ามีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 172 ให้สิทธินับการเป็นสมาชิกนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย และผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคของผู้สมัครส.ส.ที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรค กรณีพบว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวไม่ครบ 90 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96 (3) ประกอบมาตรา 41 (3) และเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย รวม 2 กรณีมีทั้งสิ้น 506 ราย 
    "ตามข้อมูลที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตอาจถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร มีทั้งพรรคเก่าพรรคใหม่ อาทิ พรรคมหาชน ผู้สมัครไม่พบชื่อในระบบฐานข้อมูลมากถึง 133 คน, พรรคผึ้งหลวง 40 คน, พรรคประชาธรรมไทย 16 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน, พรรคอนาคตใหม่ 3 คน ส่วนสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น อาทิ พรรคเศรษฐกิจใหม่  27 คน, พรรคเพื่อชาติ 20 คน, พรรคประชาชาติ 18 คน, พรรคเสรีรวมไทย 6 คน, พรรคชาติพัฒนา 3 คน, พรรคภูมิใจไทย 2 คน, ผู้สมัครสังกัดการเมืองไม่ครบ 90 วัน อาทิ พรรคครูไทย 18 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 7 คน เป็นต้น" แหล่งข่าวระบุ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแจ้งผลการตรวจสอบของสำนักงาน กกต.ดังกล่าว ได้สร้างความสับสนวุ่นวายให้ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศอย่างมาก เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงาน กกต.เพิ่งจะได้มีบันทึกข้อความแจ้งเป็นการภายในว่า กรณีไม่ปรากฏชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองยังไม่ได้นำเข้าข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง ให้ยึดหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ผู้สมัครนำมาแสดง คือ สำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค, สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าบำรุงพรรค และสำเนาหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองอื่น เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร ส่วนกรณีการนับระยะเวลาการเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครที่เป็นผู้ร่วมกันจดแจ้งจัดตั้งนั้น ให้ยึดหลักฐานสำเนาใบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง และสำเนาหลักฐานการรับทุนประเดิมของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร 
    "ขณะนี้ในกรุ๊ปไลน์สำนักงาน กกต. ทาง ผอ.กกต.ประจำจังหวัดทั่วประเทศได้ติดต่อขอความชัดเจนว่าตกลงแล้วจะให้ยึดข้อมูลของสำนักงานที่แจ้งไปหรือหลักฐานที่ผู้สมัครนำมาแสดงเป็นหลักในการพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร เพราะตามกฎหมายจะต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครในวันที่ 15 ก.พ.แล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากทางสำนักงาน" แหล่งข่าวระบุ
    ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันศุกร์ที่ 15 ก.พ.62 เวลา 10.00 น. จะเข้าต่อยื่นหนังสือกล่าวโทษ ขอให้ กกต.ไต่สวนยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต่อประธาน กกต. และเลขาธิการ กกต. ที่สำนักงาน กกต. กรณีการครอบงำพรรค พปชร. ของ พล.อ.ประยุทธ์ และเจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้สมัครและพรรคการเมือง และยินยอมให้มีการใช้ทรัพยากรของรัฐ รวมทั้งสมคบใช้นโยบายของรัฐเพื่อเป็นนโยบายพรรคการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ จูงใจในการหาเสียงเลือกตั้ง
'เจี๊ยบ'ข้องใจลุงตู่หาเสียง
    ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคว่า ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเริ่มที่จะขึ้นป้ายคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ กกต. ที่สามารถขึ้นรูปคู่กับบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ได้ทยอยขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์แล้ว
    "พรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เราเป็นพรรคใหม่ที่เป็นของประชาชนทุกคน เป็นพรรคทางเลือกและทางหลักของพี่น้องประชาชนที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า นำประเทศไปสู่ความสงบและความอยู่ดีกินดี หากเราได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็จะเป็นนายกฯ อีกสมัย และจะมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาทำงานด้วย" รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าว
    ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.พ. เวลา 16.00-21.00 น. พรรคเพื่อไทยจัดการปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า และเป็นการปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี โดยในครั้งนี้จะเน้นการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศไทย รวมทั้งศูนย์กลางของประเทศกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองหลวงที่ติดอันดับความเจริญของโลกอีกครั้ง
    นายจิรายุกล่าวว่า ผู้ปราศรัยมีระดับแกนนำพรรค ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะขึ้นปราศรัยในเรื่องนโยบายทั้งหมดของพรรค, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เรื่องการเมืองที่คนไทยต้องรู้, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและทางออก, นายชัยเกษม นิติสิริ กระบวนการยุติธรรมที่ต้องได้รับการแก้ไข, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เรื่องอย่าปล่อยให้สินค้าการเกษตรต่ำไปกว่านี้, นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อการเมืองแย่ เศรษฐกิจจะแย่ตาม เป็นต้น
    "เชื่อว่าประชาชนที่สนใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะได้รับฟังแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ จะมีไม่น้อยกว่า 10,000 คน" รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว 
    ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊ก "Phumtham Wechayachai"
เรื่อง “ช่วยกันทำหน้าที่เพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า” ระบุตอนหนึ่งว่า พรรคการเมืองต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศการเมืองสร้างสรรค์ ช่วยกันนำเสนอนโยบายให้ประชาชนได้ตัดสินใจ หลีกเลี่ยงการให้ร้ายป้ายสี สร้างความเกลียดชังระหว่างกัน กกต.ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ต้องมีความเป็นอิสระในการทำงานอย่างแท้จริง จัดการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ
    "รัฐบาลควรมีมารยาททางการเมือง แม้วันนี้จะไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐบาลรักษาการ แต่วันนี้ผู้นำรัฐบาลกลายเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองหนึ่ง ท่านคือหนึ่งในผู้เล่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องเคร่งครัดกับการทำตามกติกา ไม่สร้างภาระให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยการอนุมัติงบประมาณก้อนใหญ่ โยกย้ายข้าราชการในภาวะที่ทุกฝ่ายกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้การเลือกตั้งมีความยุติธรรม รวมทั้งการทำหน้าที่ที่สำคัญด้วยการออกมาใช้สิทธิ์ ในการเลือกตั้ง เพื่อตัดสินเลือกอนาคตเลือกทางเดินของประเทศด้วยตัวท่านเอง" เลขาฯ พรรคเพื่อไทยระบุ
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว วังทองหลาง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าจะไม่ใช้ตำแหน่งนายกฯ เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นในการหาเสียง แล้วทำไมตอนที่ไปลงพื้นที่บางแคและบางขุนเทียน จึงมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ไปปรากฏตัวปะปนกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาเตรียมการรอรับนายกฯ มีอภิสิทธิ์เหนือชาวบ้านทั่วไป เพราะมีบัตรติดหน้าอกเหมือนเป็นแขกวีไอพี ต่างจากประชาชนทั่วไป ที่ถูกกันให้ยืนรออยู่ในบริเวณที่กำหนด ทั้งๆ ที่ช่วงนี้มีการเพิ่มความเข้มงวดเรื่อง รปภ.คุ้มกันนายกฯ เป็นพิเศษ เพราะใกล้จะเลือกตั้ง แสดงว่าผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นเนื้อเดียวกันกับรัฐบาลหรืออย่างไร
    "พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดเชียร์ผู้สมัคร ส.ส.อย่างออกหน้าออกตา จนสื่อมวลชนเอาไปเขียนเป็นข่าวใหญ่โต อย่างนี้ถือเป็นการใช้อำนาจรัฐสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และเอาเปรียบคู่แข่งอยู่หรือไม่ อันที่จริง วิธีการแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการหาเสียงของพรรคการเมืองอื่นๆ เพียงแต่พรรคการเมืองต่างๆ เขาหาเสียงโดยเปิดเผย เขาไม่ได้ทำตัวเป็นอีแอบ และอยากรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกล้าพูดเต็มปากหรือไม่ ว่าทุกวันนี้ท่านไม่ได้ใช้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ ท่านคิดว่าประชาชนดูไม่ออกหรืออย่างไร" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว.    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"