‘ประยุทธ์’ร่ายผลงาน4ปี ‘รบ.’ปัดเอื้อ‘เอกชน-ทุน’


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" เบ่งกล้ามโชว์แข็งแกร่งหลังตากฝนที่ลพบุรี บอกไม่เป็นไรทั้งสิ้น ทหาร "ป.ป.ช." ส่งหลักเกณฑ์ลดเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบายให้ กกต. พรรคการเมืองเดินสายหาเสียงคึกคัก "3 พรรคใหญ่" เปิดเวทีปราศรัย "พท." ยึดหน้าลานคนเมืองอัดรัฐบาลเละ "โอ๊ค" เตรียมควง "เจ๊หน่อย" ไปอุบลฯ แต่ไม่ขึ้นหาเสียงบนเวที "พปชร." ลงเมืองกาญจน์ ชูแก้ปัญหาที่ดินทำกิน "ปชป." ลุยฉะเชิงเทราย้ำต้นคิดนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ "โพลนิด้า" เผยส่วนใหญ่อยากได้ "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ แต่ขอ "เพื่อไทย" เป็นแกนนำรัฐบาล

    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 15 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้หยุดยืนทักทายสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดีบริเวณทางเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกฯ ได้ส่งยิ้มพร้อมกับทำท่าไอเลิฟยูให้กับสื่อ 
    ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า นายกฯ ไม่สบายหรือไม่หลังเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ตากฝนที่ จ.ลพบุรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำท่าเบ่งกล้ามโชว์แสดงความแข็งแกร่ง พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่เป็นไรทั้งสิ้น ทหาร” 
    ขณะที่นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่าพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงนามในหนังสือนำส่งหลักเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบายและคู่มือการใช้เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ถึง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้สำนักงาน กกต. นำไปใช้เป็นหลักเกณฑ์ที่จะให้พรรคการเมืองใช้เป็นกรอบในการพัฒนาและกำหนดนโยบายของพรรค เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย 
    "ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้หลักเกณฑ์นี้ประสบความสำเร็จได้ คือเราจะต้องได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำหลักเกณฑ์นี้ไปใช้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง มอนิเตอร์ความผิดปกติ โดยเฉพาะขั้นตอนการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าไปแก้ไขปัญหาในอนาคตด้วย" โฆษก ป.ป.ช.กล่าว
    ที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพื่อนำเสนอนโยบายแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศ โดยมีแกนนำพรรคและผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้ง 22 เขต เดินทางมาอย่างพร้อมเพรียง โดยการปราศรัยครั้งนี้กำหนดเวลาให้ผู้ปราศรัยประมาณ 20-30 นาที มีการแบ่งหัวข้ออย่างชัดเจน อาทิ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ พูดเกี่ยวกับเรื่องใน กทม., นายนพดล ปัทมะ พูดเรื่องการศึกษา, นายโภคิน พลกุล พูดเรื่องการยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดเรื่องการเมือง, นายชัยเกษม พูดเรื่องกระบวนการยุติธรรม, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พูดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พูดนโยบายภาพรวม  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมฟังอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเดินดูบรรยากาศรอบพื้นที่ มีประชาชนขอถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง
    นายพานทองแท้กล่าวว่า หลังจากนี้จะลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยจะไปพร้อมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งจะประเดิมเวทีแรกในวันที่ 19 ก.พ.ที่จังหวัดอุบลราชธานี การลงพื้นที่ไม่ได้เน้นที่จะไปขึ้นเวทีปราศรัย แต่อยากจะไปพบปะกับพี่น้องประชาชนเพื่อสอบถามความเป็นอยู่ และเพื่อช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อน 
    นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขต 28 กทม. ขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อน ตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลปัจจุบันบริหารเศรษฐกิจย่ำแย่ ทางแก้มีทางเดียวคือการเปลี่ยนทีมบริหารจากรัฐบาลรถถัง ให้มีรัฐบาลมืออาชีพเข้ามาทำงาน โดยต้องเป็นคนจากพรรคเพื่อไทยที่เคยบริหารอย่างมืออาชีพ ที่เคยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ทำงบประมาณสมดุลได้ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ประชาชนจะไม่กล้าใช้เงิน นั่นคือหายนะทางเศรษฐกิจ
    "ถ้าใครถามว่าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้อะไร ก็จะได้ความสงบที่มีคุณภาพกลับคืนมา เราจะเอามั้ย รัฐบาลโง่แบบนี้ ผมจะให้สูตรในการเลือก พวกประ ประ อย่าไปเลือก ระวังเลือกพลังประชารัฐ จะได้ประยุทธ์มา จำง่ายๆ ให้เลือกเพื่อไทย จะได้ขับไล่พวกปากหมา หน้าด้าน ไม่มีสมอง แล้วจะได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ" นายวัฒนากล่าว
    เช่นเดียวกับผู้ปราศรัยที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.คนอื่นๆ อย่างนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ได้เน้นย้ำถึงปัญหาต่างๆ ใน กทม. จากการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ได้แก้ไขให้ชาว กทม. วิธีแก้คือ วันที่ 24 มี.ค. จะต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
    ในเวลา 19.30 น. ร.ต.อ.เฉลิมปราศรัยอย่างดุเดือดว่า ขอให้พี่น้องเลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว เพื่อยึดอำนาจจากเผด็จการมาเป็นประชาธิปไตย เผด็จการมึงออกไป ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวในการล้มการสืบทอดอำนาจ คนที่เป็นต้นเหตุให้มีการยึดอำนาจคือ ไอ้เทพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนสนับสนุนคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่โกรธ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจ เพราะคนเหล่านี้เปิดประตูให้ทหารเข้ามา อภิสิทธิ์ ลื้อฟังอั๊วพูด อย่าลอยหน้าลอยตา อยู่ใกล้ๆ จะตบสักที นี่ถ้าเผาป้ายประชาธิปัตย์แล้วไม่ผิด จะเผาแม่งให้หมดเลย 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัยช่วงต้นเวทีได้เปิดภาพนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์กอดคอร่วมเดินขบวนเป่านกหวีดกับ กปปส. ขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย  
    "พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์บอกไม่รู้จักผมนั้น ไม่เป็นอะไร แล้วเราไปเจอกันในสภา อารมณ์ร้อนขนาดนี้อยู่ไม่ได้หรอก ขอให้เปลี่ยนใจซะ" 
    ที่ จ.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ได้จัดปราศรัยใหญ่เช่นกัน โดยมีประชาชนในพื้นที่มาฟังการปราศรัยครั้งนี้กว่า 2 หมื่นคน มีแกนนำคนสำคัญของพรรคสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง 
    โดยนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้อำนาจอยู่ในมือของพี่น้องประชาชน แล้วจะเลือกคนที่มาทำร้ายประเทศอีกหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้ทำให้บ้านเมืองสงบมากว่า 5 ปี จึงถือเป็นแสงสว่างของเมืองไทย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะต่อยอดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 
    ขณะที่นายสนธิรัตน์ปราศรัยว่า 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยสงบอย่างแท้จริง มีคนอ้างประชาธิปไตย แล้วแบ่งแยกประชาชนให้คนตีกัน โดยอ้างประชาธิปไตย แต่ทำเพื่อใครบางคน เพื่อคนไม่กี่คน ซึ่งตอนนี้ ที่ กทม.ก็มีเวทีของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ซึ่งการันตีว่าเขาต้องด่าพลังประชารัฐเพราะพรรคเหล่านี้กลัวว่าพรรคพลังประชารัฐจะชนะ กลัวเราจะพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อความขัดแย้งยังมีอยู่ แต่มีพรรคการเมืองให้เลือกเหมือนเดิม ผลการเลือกตั้งก็เหมือนเดิม ประเทศก็กลับไปสู่ที่เดิม การเดินหน้าประเทศไม่มี พรรคพลังประชารัฐจึงอาสาเข้ามาเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง วันนี้หัวขบวนเสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส. อดีต ส.ส.จากพรรคต่างๆ ก็ก้าวเข้ามาอยู่กับพลังประชารัฐ เพราะเรามีจุดยืนให้ประเทศเดินต่อ ไม่ยอมให้ประเทศกลับไปสู่จุดเดิม 
    จ.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยใหญ่ของภาคกลาง ที่ศาลาจัตุรมุข หน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคตะวันออก ได้เปิดตัวผู้สมัครส.ส.ภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 25  คน ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาร่วมฟังการปราศรัย
    นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีกล่าวตอนหนึ่งถึงที่มาของเบี้ยผู้สูงอายุว่า ขณะนี้มีบางพรรคการเมืองนำไปแอบอ้างว่าเป็นคนทำ แต่ความจริงเบี้ยผู้สูงอายุเกิดขึ้นในสมัยที่ตนเป็นรัฐบาลจาก 200 บาท เป็น 300 บาท และขึ้นอีกครั้งโดยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพิ่มเป็น 500 บาท ส่วนสมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล 5 ปี ไม่ได้เพิ่มให้เลย อย่างไรก็ตาม เวลาที่พรรคการเมืองเสนอนโยบายเกทับกัน ขอให้พี่น้องอย่าเพิ่งเชื่อตามนั้น 
    ต่อมาเวลา 19.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ขับรถสามล้อไฟฟ้าซึ่งเป็นผลงานของชาวฉะเชิงเทรา และปราศรัยตอนหนึ่งถึงนโยบายเกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสนของ ปชป. ว่า ขณะนี้ พปชร.บอกว่าแสนบาทน้อยไป และจะให้มากกว่านี้ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็เพิ่งประกาศจะดูแลเช่นกัน ซึ่งก็อยากจะบอกว่าสินค้าลอกเลียนแบบอันตรายจริงๆ เพราะเขาต้องการจะเกทับช่วงเลือกตั้ง ขอให้พี่น้องต้องดูว่าใครของแท้ใครของเทียม  
    นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณี ร.ต.อ.เฉลิมพาดพิงพรรคว่าประชาธิปัตย์ออกไปชุมนุมเพื่อให้ทหารปฏิวัติ ถึงกับพูดขึ้นมึงกู ตนเองจะไม่พูดมึงกูเหมือน ร.ต.อ.เฉลิม และไม่เชื่อว่าประชาชนที่ออกไปเดิน เพราะอยากให้ทหารปฏิวัติ แต่เชื่อว่าเป็นเพราะต้องการออกไปขับไล่คนโกงต่างหาก
    ในส่วนพรรคอื่นๆ นั้น พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค นำคณะผู้บริหารพรรค ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี ก่อนปล่อยขบวนคาราวานรถแห่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 30 เขต 30 คัน 
    พรรคอนาคตใหม่ (อค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นำผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 14 เขตของจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่เดินหาเสียงในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมทั้งเข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เพื่อขอพรให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 
    นายธนาธรกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ของพรรคถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกในภาคอีสาน ซึ่งจนถึงวันนี้ทั้ง 14 เขตเลือกตั้งของจังหวัดนครราชสีมา พรรคมั่นใจจะสามารถแบ่งที่นั่งมาได้อย่างน้อย 1 เขต ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศถือว่ากระแสตอบรับดีมาก แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.ทั่วประเทศจำนวนเท่าไร อย่างไรก็ตาม พรรคอนาคตใหม่ก็ยังมีเป้าหมายในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
    "การเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากนายกฯ พรรคได้เรียกร้องในเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะตำแหน่งนายกฯ สามารถสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งได้ จึงให้ลาออกเพื่อความยุติธรรมในการเลือกตั้ง" นายธนาธรกล่าว
    พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรค ได้เปิดศูนย์ประสานงานพรรคจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมระบุว่า สมัยก่อนเวลาเลือกตั้งก็ใช้วิธีพรรคเดียวเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ ใครถามก็ตอบง่าย เพราะเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ เวลารวมคะแนนก็รวมง่าย แต่พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้ ต่างเขต ต่างเบอร์ วุ่นวายสับสนมาก พี่น้องคนลงคะแนนก็สับสนง่าย กกต.นับคะแนนก็ยุ่งยาก เรียกได้ว่าพวกเขาคิดโกงกันตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญ แบ่งเขตเลือกตั้ง จนมาถึงกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ไม่เป็นไร พรรคเสรีรวมไทย เราจะสู้ตามกติกา
    วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง “เกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้ง 2562” จำนวน 2,091 หน่วยตัวอย่าง พบว่า เมื่อถามถึงหากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง 2562 บุคคลที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี 10 อันดับแรก 1.ร้อยละ 26.06 พล.อ.ประยุทธ์ 2.ร้อยละ 24.01 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 3.ร้อยละ 11.91 ไม่แน่ใจ 4.ร้อยละ 11.43 นายอภิสิทธิ์ 5.ร้อยละ 6.26  ไม่สนับสนุนใครเลย 6.ร้อยละ 5.98 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 7.ร้อยละ 5.50 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 8.ร้อยละ 4.54 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ 9.ร้อยละ 1.15 ไม่ระบุ และ 10.ร้อยละ 0.91 น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา
    พรรคการเมืองที่อยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ 10 อันดับแรก 1. ร้อยละ 36.49 พรรคเพื่อไทย 2.ร้อยละ 22.57 พรรคพลังประชารัฐ 3.ร้อยละ 15.21 พรรคประชาธิปัตย์ 4.ร้อยละ 8.18 พรรคอนาคตใหม่ 5.ร้อยละ 4.97 พรรคเสรีรวมไทย 6.ร้อยละ 4.40 ไม่แน่ใจ 7.ร้อยละ 3.06 ไม่สนับสนุนพรรคใดเลย 8.ร้อยละ1.39 พรรคชาติไทยพัฒนา 9.ร้อยละ 0.91 พรรคเพื่อชาติ และพรรคภูมิใจไทย และ 10.ร้อยละ 0.43 พรรคไทยรักษาชาติและพรรครวมพลังประชาชาติไทย
    ถามเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดที่อยากเห็นจากรัฐบาลชุดใหม่ พบส่วนใหญ่ร้อยละ 54.85 ระบุแก้ปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน รองลงมาร้อยละ 27.93 ระบุส่งเสริมราคาสินค้า/พืชผลทางการเกษตร ตามด้วยร้อยละ 4.26 ระบุโครงการเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี, ร้อยละ 2.77 ระบุแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน, ร้อยละ 1.82 ระบุแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นต้น
    เมื่อถามจะไปเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ พบส่วนใหญ่ ร้อยละ 98.13 ระบุไปแน่นอน รองลงมาร้อยละ 0.96 ระบุไม่ไปแน่นอน และร้อยละ 0.91 ระบุไม่แน่ใจ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"