รัฐสภาเมียนมาลงมติอย่างท่วมท้นเมื่อวันอังคาร เพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 โดยประกอบด้วยสมาชิกจากทุกพรรคการเมือง รวมถึงสายทหาร จำนวนทั้งสิ้น 45 คน

นายทหารที่ได้รับแต่งตั้งเข้าเป็นสมาชิกสภา เดินทางมาร่วมประชุมที่รัฐสภาในกรุงเนปยีดอ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 / AFP

    ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งร่างในยุคสมัยที่เมียนมายังอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารเมื่อปี 2551 คือการท้าทายอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับอื้อฉาวนี้ ระหว่างพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซาน ซูจี กับกองทัพที่ยังทรงอิทธิพลอย่างมาก

    เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2558 พร้อมกับคำมั่นว่าจะปฏิรูปรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่มีบทบัญญัติกำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งขัดขวางไม่ให้นางซูจีได้เป็นประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังให้อำนาจกองทัพอย่างล้นหลามทั้งการควบคุมกระทรวงสำคัญด้านความมั่นคงทั้งหมด และกันที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาไว้ให้ผู้แทนจากกองทัพ อันส่งผลให้กองทัพสามารถยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้

    เมื่อครั้งที่เอ็นแอลดีเสนอญัตติเพื่อให้สภาจัดตั้งคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนกุมภาพันธ์นั้น ส.ส.สายทหารได้ลุกขึ้นยืนนิ่งกลางสภาเพื่อประท้วง กระนั้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์อาซาฮี ชิมบุง สื่อของญี่ปุ่นด้วยท่าทีรอมชอมว่า กองทัพยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จำเป็นต้องมีการแก้ไข แต่ประเด็นสำคัญคือการแก้ไขจะต้องไม่กระทบต่อสารัตถะของรัฐธรรมนูญ

    สำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ กล่าวว่ารัฐสภาเมียนมาลงมติอย่างท่วมท้นเห็นชอบการตั้งคณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วยสมาชิก 45 คนจากทุกพรรคการเมือง โดยตุน ตุน เฮน รองประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการจากพรรคเอ็นแอลดีกล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักคือการร่างกฎหมายฉบับหนึ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551

    พรรคเอ็นแอลดีจะมีสมาชิกในคณะกรรมาธิการชุดนี้ 18 คน กองทัพมีกรรมาธิการ 8 คน ที่เหลือแบ่งสันไปตามพรรคการเมืองต่างๆ

    อย่างไรก็ดี ถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏรายละเอียดว่าการพิจารณาหารือจะเน้นปฏิรูปรัฐธรรมนูญในประเด็นใดเป็นการเฉพาะ หรือขั้นตอนต่อไปหลังจากคณะกรรมาธิการได้ให้คำแนะนำแล้ว.