เทคนิคกินอาหารตามยีน ช่วยป้องกันโรคและชะลอวัย


เพิ่มเพื่อน    

(บร็อกโคลีและไวน์องุ่นแดง รับประทานและดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้)

 

      ฟังดูอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับการกินอาหารตามยีน หรือพันธุกรรม เพราะปัจจุบันการบริโภคอาหารของคนไทยทั้งเด็กและผู้สูงวัย ล้วนเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารประเภทยอดนิยม อย่างแป้งและน้ำตาล ที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ทั้งเบาหวาน โรคอ้วน ฯลฯ ประกอบกับยีนของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบของการดีท็อกซ์ และเผาผลาญอาหารที่บริโภคเข้าไป นั่นจึงเป็นที่มาของการบริโภคอาหารตามยีน ซึ่งเกิดจากการตรวจผ่านปัสสาวะ กระทั่งส่งไปยังห้องแล็บ และได้เป็นข้อมูลดูแลสุขภาพของแต่ละบุคคล ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการปรับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเลือกกินอาหารตามพันธุกรรมของแต่ละคน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาถือเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพในแง่ของการป้องกันความแก่ ตลอดจนลดโรคเรื้อรังต่างๆ

(ดร.กอบกุล สุดสวนศรี)

       ในงานสัมมนา “Food, Gene and Health : Opportunities and Challenge” ที่จัดโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.กอบกุล สุดสวนศรี จากบริษัท เซลฟิกซ์สหคลินิก จำกัด มาอธิบายการดูแลสุขภาพดังกล่าวไว้น่าสนใจ ว่า “การป้องกันโรคถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษา และอย่าลืมว่าอาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งสามารถใช้รักษาโรคได้ ดังคำกล่าวที่ว่ากินอาหารให้เป็นยานั่นเอง แต่ทว่าการที่มนุษย์เราจะมีสุขภาพดี และมีชีวิตยืนยาว ปราศจากโรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน โรคอ้วน กระทั่งโรคยอดฮิตอย่างโรมะเร็ง หรือแม้เรื่องของการชะลอวัย หรือทำให้แก่ช้าลงนั้น อาจต้องอาศัยปัจจัยหลายด้าน ทั้งเรื่องของอาหาร, พันธุกรรม และการปรับสิ่งแวดล้อม หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ดังนั้นจึงเกิดเป็นคำถามว่า การเลือกกินอาหารที่ดี และสอดคล้องกับยีน หรับพันธุกรรมของแต่ละคนนั้นทำอย่างไร และจะส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรนั้น

(อาหารตามยีนโดยรวมของคนไทย รวมถึงผู้สูงอายุ คือกลุ่มของโปรตีน ที่ถือเป็นกลุ่มสารอาหารที่ช่วยย่อย ทำให้การขับถ่ายดีและป้องกันโรคได้)

      “ในอนาคตเทคโนโลยีการตรวจวัดสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เพื่อให้ตรงตามลักษณะของยีนในร่างกายของมนุษย์แต่ละคน จะเป็นข้อมูลที่สำคัญหรือเป็นไกด์ไลน์ในการป้องกันโรคได้ และเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพให้ปราศจากโรคภัยและมีอายุยืน ที่สำคัญเทคโนโลยีนี้สามารถตรวจได้ในเมืองไทยแล้ว โดยตรวจจากปัสสาวะ และส่งมาที่ห้องแล็บของเรา ซึ่งเราก็จะดูทั้งระบบที่เกี่ยวกับเรื่องของ “วิตามินต่างๆ” เกี่ยวกับ “การดีท็อกซ์” หรือระบบย่อยอาหาร และดูเกี่ยวกับ “แบคทีเรียชนิดที่ดีและไม่ดีในร่างกาย” ซึ่งจะช่วยสร้างความสมดุลให้กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งอันที่จริงแล้วการรับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติกส์ และโพไบโอติกส์จำนวนมาก ก็จะทำให้ร่างกายสมดุล แต่ถ้าเราไม่รู้ก็ควรตรวจดูสักครั้งหนึ่งว่าปัญหาสุขภาพของเรามันมาจากจุดไหน เพื่อหาทางแก้ไขที่ตรงจุด

      เนื่องจากยีนของคนไทยทั้งเด็กและผู้สูงอายุนั้นยังไม่มีระบบดีท็อกซ์ที่ดี ฉะนั้นการขจัดสารพิษของเราจะค่อนข้างยาก และอาหารของเราก็เน้นหนักไปทางด้านคาร์โบไฮเดรต และเราก็มีเอนไซม์ที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตได้น้อยกว่าคนประเทศอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเทคโนโลยีที่ได้ความนิยม เนื่องจากรักษาโรคบางโรคได้ เช่น อาการเหนื่อยอ่อน ตื่นมาเหนื่อย ซึ่งจากการตรวจก็จะทำให้เราทราบว่าระบบการย่อยของเราเป็นอาหารเป็นอย่างไร หรือมีการแพ้อาหารแฝงชนิดไหน มีอะไรบ้าง ถ้าหยุดอาหารเหล่านั้นคุณก็ดีขึ้นแล้ว”

      ดร.กอบกุลบอกอีกว่า เทคโนโลยีการตรวจวัดสารอาหารที่ร่างกายต้องการ หรือการตรวจยีนนั้น ส่วนใหญ่ใช้กับเด็ก เพราะเป็นวัยที่ที่แก้ไขได้ง่าย เช่น เด็กควรรับประทานอาหารลักษณะนี้ ในปริมาณที่มากเท่านี้จึงจะดี นอกจากนี้ก็ใช้ในคนวัย 40 ขึ้นไป เพราะถ้าเราชะลอความแก่ให้อยู่ที่ 40 มันก็จะอยู่ที่ 40 ตลอดไป แต่ถ้าชะลอความแก่ตอนอายุ 80 ปี ก็จะช่วยทำให้อยู่ได้นานเท่านาน และใช้เวลาในการตรวจประมาณ 3 วัน เพื่อนำมาสู่การปรับการบริโภคอาหารที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของแต่ละบุคคล ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการปรับสิ่งแวดล้อม โดยการเลือกอยู่สิ่งแวดล้อมที่ดี ปราศจากควันพิษ เสียงดัง ตลอดจนมีสวนสุขภาพเพื่อออกกำลังกายค่ะ

      “จากการใช้เทคโนโลยีตรวจวัดสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับยีนของแต่ละคนนั้น กล่าวพอสรุปได้ว่า 1.คนทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงผู้สูงอายุชาวไทย ควรบริโภคอาหารจำพวกโปรตีน ซึ่งโปรตีนจะช่วยดีท็อกซ์หรือสร้างระบบการเผาผลาญในร่างกายได้ดีขึ้น 2.งดแป้งน้ำตาลที่เป็นสาเหตุของโรคเรื้อ 3.ให้กินวิตามินบีคอมเพล็กซ์ทั้งหลายที่ละลายได้ในน้ำ เช่น วิตามินบี 9, บี 12 ที่มีส่วนช่วยบำรุงสมองป้องกันอัลไซเมอร์ และวิตามินบี 6 ที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และช่วยชะลอวัย รวมถึงการบริโภควิตามินดี ที่สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคหวัด ซึ่งโรคหวัดสามารถป้องกันได้ด้วยวิตามินดี (เลือกที่จะออกไปสัมผัสแสงแดดช่วงเช้า) แทนที่จะวิตามินซีเพียงอย่างเดียว 4.ให้บริโภคอาหารที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ดี คือ กลุ่มผักสีเขียวอย่างบร็อกโคลี หรือเลือกดื่มไวน์องุ่นแดง ที่มีส่วนช่วยป้องกันอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของความแก่ชรา”

      จริงอยู่ที่อาหารเป็นมากกว่าแหล่งพลังงาน เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการ และซ้ำเติมโรคที่เป็นอยู่ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคและช่วยให้ชีวิตยืนยาว เทคโนโลยีการตรวจวัดสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และตรงตามดีเอ็นเอหรือพันธุกรรม ถือเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคนอยากมีสุขภาพดี...เห็นด้วยไหมค่ะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"