
3 มี.ค. 2562 นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรการบริหาร บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 โดยบริษัทคาดว่า จะยังมีอัตราการเติบโตหรือเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ภาครัฐมีการเร่งลงทุน รวมไปถึงความชัดเจนในการเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งในเรื่องมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เข้ามาควบคุมอัตราส่วนการให้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน ความเข้มงวดในการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินต่าง ๆ และราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าภาพรวมยังคงไปได้ดี จากความต้องการในกลุ่มแนวราบที่ยังมีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อน ที่มียอดขาย 33,343 ล้านบาท และตั้เป้ารายได้รวม 28,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ 6 โครงการ โครงการแนวราบในเขตกรุงเทพฯ 13 โครงการ และโครงการแนวราบในต่างจังหวัด 15 โครงการ โดยบริษัทมีที่ดินรองรับไว้หมดแล้วซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 8,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินใหม่
“บริษัทยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มเติมไปยังหัวเมืองหลักตามภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยในปีนี้จะพัฒนาในจังหวัดใหม่ ได้แก่ อยุธยา พิษณุโลก รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ในจังหวัดที่ได้เข้าไปลงทุนแล้ว ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีความมั่นใจว่าจังหวัดดังกล่าวมีพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเน้นการลงทุนในระยะยาว ส่งผลให้มีสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 27%”นายประทีป กล่าว
โดยในช่วงไตรมาสแรกนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 5 โครงการ และเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9 โดยขณะนี้ได้เปิดโครงการไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 1 โครงการ ส่วนอีก 4 โคงการ จะเปิดในเดือน มี.ค. นี้ อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายในปีนี้อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 25,810 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน มูลค่ารวมกว่า 42,529 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2562 ที่ประมาณ 13,407 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2563-2565 แบ่งเป็นรับรู้รายได้ปี 2563 จำนวน 10,029 ล้านบาท รับรู้รายได้ปี 2564 จำนวน 10,186 ล้านบาท และรับรู้รายได้ในปี 2565 จำนวน 8,907 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอน รวมมูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบประมาณ 7,000 ล้านบาท
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |