'พท.'ปรับแผนโค้งท้ายชู'30-100-180วัน'แก้เศรษฐกิจ-พักหนี้เกษตรกร 3ปี


เพิ่มเพื่อน    


4 มี.ค.62-  ที่พรรคเพื่อไทย มีการแถลงนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการใน 30 วัน 100 วัน และ 180 วันหากได้เป็นรัฐบาล มีผู้สมัครส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง ระบบบัญชีรายชื่อ เข้าร่วมรับฟังการแถลงนโยบายอย่างพร้อมเพรียง เช่นเดียวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในนามพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมด้วย

นายชัชชาติกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่เป็นหนี้และคนตัวเล็กไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ เราจำเป็นต้องสร้างโอกาสในการทำธุรกิจ ก่อนปี 2554 เราเคยใช้นโยบายเศรษฐกิจ 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง แต่วันนี้เราต้องใช้นโยบาย 4 ปีซ่อมและสร้างไปพร้อมๆกัน เศรษฐกิจไทยไทยปัจจุบันเหมือนติดหล่ม ต้องใช้รถโฟวิลไดร์ฟพาประเทศออกจากหล่ม ล้อแรก จะเน้นการขับเคลื่อนการส่งออก และการท่องเที่ยว ล้อที่ 2 ส่งเสริมการลงทุน หัวใจสำคัญคือความเชื่อมั่น หลังการเลือกตั้งเราต้องเรียกความเชื่อมั่นจากนักลุงทน ล้อที่ 3 กระตุ้นการบริโภคในประเทศ จึงจำเป็นต้องสร้างรายรับให้กับประชาชน กลุ่มใหญ่คือการเพิ่มราคาสินค้าการเกษตร 

ล้อที่ 4 กระตุ้นการลงทุนภาครัฐ ดังนั้นในภาพรวมเราจะเพิ่มรายได้ประชาชน ทั้งเรื่องของสตรีทฟู้ดส์ การค้าขายออนไลน์ โอท็อป ทำสินค้าให้มีคุณภาพ ต้องเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวให้ได้ 3.3 ล้านล้านบาทให้ได้ใน 4 ปี โดยหาจุดแข็งของแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ ผลักดันการค้าออนไลน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงลดอุปสรรคจากหน่วยงานราชการ เช่น การขออนุญาตต่างๆที่ยุ่งยาก สุดท้ายคือเรื่องภาษี ต้องเก็บภาษีบริษัทให้สมเหตุสมผล เราต้องแก้ที่รากของปัญหาแจกโอกาสให้ประชาชน พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะซ่อม และสร้างใน 4 ปี ข้างหน้านี้

ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราให้คำมั่นว่าสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ภายใน 180 วัน เราจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องทุกข์ร้อนจะทำทันที ด้วยการ ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐกิจใหม่ เริ่มจากการตรวจโรคใน 30 วันแรก จะต้องสำรวจตรวจสอบความเสียหายจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยว ที่ทำให้เศรษฐกิจเบี้ยวไปด้วย ทั้งการตรวจสภาพหนี้ของรัฐบาล การใช้ทรัพยากรของรัฐที่ไม่เกิดประโยชน์ ตรวจสอบกฎหมายที่ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ฯ กฎหมายข้าว รวมถึงข้อตกลงต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย เช่น เรื่องการประมง 

ระยะที่สองคือการรักษาแผลของประเทศภายใน 100 วัน โดยเริ่มจากการปรับหนี้และเพิ่มรายได้ เราต้องอัดน้ำเกลือให้ประชาชนเอาหนี้มาพักให้เขาลุกขึ้นได้ ด้วยการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ช่วยปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอีหรือธุรกิจรายย่อย ปรับหนี้ครู และหนี้ของนักเรียนที่กู้ กยศ. แล้วตั้งสถาบันพัฒนารายได้ทุกจังหวัดให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย จะมีทุนกู้ให้เบื้องต้นรายละ 5 ล้านบาท รวมถึงเร่งขยายศักยภาพสินเชื่อธุรกิจรายย่อยขยายเพดานวงเงินจาก 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท พร้อมกันนี้จะมีการปรับเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ 15% แบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการ และจะมีมาตรการช่วยเหลือเช่นลดภาษีนิติบุคคล สุดท้ายสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาการผลิตให้เกษตรกร เช่นสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้ชาวนา 5000 บาทต่อเกวียน ไม่เกิน 15 เกวียน หรือ 75,000 บาทต่อราย

ระยะที่ 3 คือการให้วัคซีนไม่ให้คนกลับมาป่วยอีกใน 180 วัน ด้วยการเร่งทลายอุปสรรคจากกฎหมายที่ล้าหลังเป็นอุปสรรคต่อการทำกิน เพื่อต้องสร้างโอกาสให้เกิดธุรกิจใหม่ ต้องทำให้การดำเนินการต่างๆสะดวกขึ้น เช่น การทำคราฟเบียร์ หรือสุรากลั่นชุมชน รวมถึงเราต้องเจรจาการค้าเสรีระหว่างประเทศ สิ่งนี้คือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย รวมถึงต้องหยุดการรีดภาษีจากประชาชน และให้สิทธิพิเศษนอกอีอีซี ด้วยการปรับลดภาษีให้เอสเอ็มอีรายย่อยที่ยอดขายไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เป็นภาษีเหมาจ่ายเพียง 1% ยกเว้นภาษีออนไลน์ 2 ปี งดเว้นภาษีให้กับสินค้าและบริการที่มีชื่อว่า “ไทยทำ” แล้วพรรคเพื่อไทยจะนำสินค้าเหล่านี้ไปขายในต่างประเทศ รวมถึงสตาร์ทอัพ เราก็จะงดเว้นภาษีให้ 2 ปีเช่นกันเพื่อให้เขาตั้งตัวได้ก่อน เพราะเราต้องเดินเศรษฐกิจ 2 ขา ทั้งรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มศักยภาพภายในประเทศ

"เรามีเป้าหมายเรื่องราคาเกษตร โดยตั้งเป้าให้ราคาข้ามขาว 5% ราคาอย่างน้อย 10,000 บาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 15,000 บาทต่อเกวียน ยางพารากิโลกรัมละ 60 บาทขึ้นไป อ้อยกิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นไป ปาล์มกิโลกรัมละ 4.5 บาทขึ้นไป และข้าวโพดกิโลกรัมละ 7 บาทขึ้นไป พท.รู้กลไกที่จะทำให้เกิดจริง ราคาสินค้าเกษตรต้องกลับมาดีภายใน 180 วัน นอกจากนี้ เราจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรป้อนโลกให้ได้ และเกษตรกรจะเป็นผู้กำหนดราคา เราจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีกองทุนปรับหน้าดินให้เกษตรกรด้วย"

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราต้องเตรียมความพร้อมให้เด็กไทยที่กำลังจะจบ โดยจะมีกองทุนเสริมสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือเถ้าแก่ใหม่ ทั้งในกทม. และภูมิภาค ศูนย์นี้จะต้องทำคอนแท็กกับมหาวิทยาลัยดังทั่วโลกดึงองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยต่างๆมาช่วย พร้อมกับหาเงินทุนให้ด้วย และหากธุรกิจสตาร์ทอัพใดที่รัฐเห็นว่ามีประโยชน์ต่อรัฐ รัฐอาจจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย ต่อมาคือ กองทุนคนเปลี่ยนงาน ที่จะให้ทั้งเงินทุน ทักษะ และความรู้ให้คนที่ต้องการเปลี่ยนงาน วันนี้หลายพรรคพูดเรื่องสวัสดิการต่างๆเราไม่ขัด แต่สิ่งที่เราคิดต่างคือไม่ได้คิดแค่แจกเงิน แต่คิดถึงการสร้างรายได้ด้วย เราจะไม่แก้หนี้ด้วยหนี้ แต่เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้ เชื่อว่าเราจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"