ลั่นวางมือถ้าพปชร.แก้จนไม่ได้


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" วางคิวลงพื้นที่ตรวจราชการ "ขอนแก่น-โคราช" เปิดโครงข่ายรถไฟทางคู่ 13 มี.ค. ก่อนไปเยือนเชียงราย 16 มี.ค. ปิดท้ายลง จ.นครศรีธรรมราช 20 มี.ค. ตามรอย "พปชร." ทุกจังหวัด "อุตตม" รีบปัดไม่เกี่ยวกับพรรคหาเสียง "อนุทิน" ย้ำใครเลือก ภท.ร่วมรัฐบาลต้องรับนโยบายกัญชาได้ "เนวิน" หนุนสุดตัว พรรคการเมืองลุยหาเสียงคึกคัก "บ้านสมเด็จโพลล์" เผยคนกรุงเลือก "อนาคตใหม่" เหนือ "พท.-ปชป." พร้อมเชียร์ "ธนาธร" นั่งนายกฯ ตามด้วย "เจ๊หน่อย-อภิสิทธิ์" 

    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 8 มี.ค. พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเป็นประธานเปิดงาน “One Transportation for all : ระบบคมนาคมหนึ่งเดียว เพื่อประชาชนทุกคน”  โดยกระทรวงคมนาคม เพื่อพัฒนาเครือข่ายคมนาคมและศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางรางและถนน ณ จังหวัดนครราชสีมา และทดลองการเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ณ จังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย 
    พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวว่า ในวันที่ 13 มี.ค. นายกฯ จะปฏิบัติภารกิจสำคัญ ณ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดนครราชสีมา โดยในช่วงเช้าเป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานอาคารสถานีรถไฟขอนแก่น และตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่และทดลองเดินรถในโครงการพัฒนาระบบโครงข่ายรถไฟทางคู่ เส้นทางสายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น จากนั้นช่วงบ่าย เป็นประธานเปิดงาน “One Transportation for all : ระบบคมนาคมหนึ่งเดียว เพื่อประชาชนทุกคน” ของกระทรวงคมนาคม และตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา จุดเชื่อมต่อการคมนาคม รถไฟทางคู่ 
    "การตรวจราชการส่วนภูมิภาคเป็นหนึ่งในภารกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นการติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินนโยบายรัฐบาลด้วยตนเอง อีกทั้งยังทำให้เข้าใจลักษณะพื้นที่ สภาพปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง เพื่อเป้าหมายการพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาจังหวัด ทำให้จัดสรรงบประมาณได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งยังเป็นการช่วยสร้างการรับรู้ของประชาชนต่อนโยบายของรัฐบาล และเป็นขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่อีกด้วย" ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    มีรายงานว่า กำหนดงานของ พล.อ.ประยุทธ์ วันที่ 13 มี.ค. จะนำคณะเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา (โคราช) จากนั้นวันที่ 16 มี.ค. มีกำหนดการตรวจราชการจังหวัดเชียงราย และวันที่ 20 มี.ค. มีกำหนดตรวจราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 
    "การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อปฏิบัติราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่น่าสังเกตว่าพื้นที่ที่ไปพบกับประชาชน คล้ายคลึงกับตารางเดินสายจัดเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สอดรับกับแนวทางที่นายกฯ เคยออกมาระบุจะปรับเปลี่ยนจากการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง เป็นการพบประชาชนที่สามารถทำได้ตามกฎหมายแทน ซึ่งทางพรรค พปชร.มีตารางเดินสายหาเสียงที่จังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมา ในวันที่ 10 มี.ค. ต่อด้วยจังหวัดเชียงรายวันที่ 11 มี.ค. และจังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 12 มี.ค." แหล่งข่าวระบุ 
ปัดไม่เกี่ยว'บิ๊กตู่'ลงพื้นที่
    ขณะที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงแนวทางการลงพื้นที่หาเสียงหลังว่า พรรคเตรียมปรับแผนการทำงานตลอดเวลา วันนี้จะมีเวทีที่จังหวัดอุดรธานี และจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยในวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.นี้ ที่จังหวัดขอนแก่น  วันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. ที่จังหวัดนครราชสีมา และวันที่ 11 มี.ค. ที่จังหวัดเชียงราย โดยพรรคจะเน้นการหาเสียงด้วยการชูความพร้อมในการทำงานที่มีบุคลากรและนโยบายที่ทำได้จริง รวมถึงตัวผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพรรคชูเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 
    "กำหนดการหาเสียงของพรรคที่ถูกมองว่าใกล้เคียงกับการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่เกี่ยวกับพรรค เป็นกำหนดการของรัฐบาล" นายอุตตมกล่าว
    ถามถึงผลโพลที่ระบุว่า พรรคจะได้ ส.ส.แบบเขตเพียง 62 คน หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องโพล แต่ละสำนักก็มีความแตกต่างกันไป พรรคก็รับฟังข้อมูลทั้งหมด เพื่อนำมาวิเคราะห์ ส่วนเรื่องการแข่งขันในพื้นที่ ส.ส.พรรคก็มีการประเมินอย่างต่อเนื่อง พรรคเองก็มีข้อมูลในพื้นที่เช่นกันที่จะต้องเอามาประมวลผลร่วมกัน 
    "ข้อมูลที่พรรคทำก็ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับโพล แต่ไม่ขอบอกว่าดีขึ้นหรือแย่ลง ส่วนจะได้ที่นั่งถึง 150 ที่นั่งตามที่เคยประกาศไว้หรือไม่ ขอให้ดูกันต่อไป เพราะพรรคยังยึดตัวเลขนี้อยู่ และในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายพรรคมีหมัดเด็ดเตรียมนำเสนอ ขอให้ประชาชนรอดู" หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า อยากฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค ขอให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายที่ดีต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ใช้วาทกรรมรุมกินโต๊ะพรรคพลังประชารัฐอย่างเดียวเพื่อหวังผลการเลือกตั้ง รวมไปถึงการดีเบตต่างๆ นั้น ตนก็เจอด้วยตัวเองบ่อยครั้ง ทั้งที่ทุกพรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่พอขึ้นเวทีก็โจมตีพรรคและ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคทุกครั้ง
    ด้านพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณตลาดบางปะอิน และตลาดเจ้าพรหม ร่วมกับนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย และทีมผู้สมัครจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เขต 1 นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร และเขต 3 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ตลอดทางมีประชาชนให้ความสนใจขอถ่ายรูปและมอบดอกไม้ให้ พร้อมตะโกนเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
    นายอนุทินกล่าวถึงข่าวมีความขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์เรื่องนโยบายกัญชาว่า ภูมิใจไทยจะทำแบบนี้และทำให้ได้ ซึ่งพรรคที่อยากได้เราเข้าไปร่วมรัฐบาล ต้องช่วยผลักดันนโยบายดังกล่าว ถ้าทุกคนสนับสนุนนโยบายกันและกันประชาชนได้ประโยชน์ ดังนั้นอย่าไปคาดการณ์พรรคจะไปร่วมกับใคร ให้รอดูผลก่อน เราอาจจะเป็นฝ่ายค้านก็ได้
    "ที่มีการตีข่าวผมไม่คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ความจริงคือท่านเป็นนายกฯ ท่านต้องวางตัวเป็นกลาง และก็มีบางพรรคประกาศสนับสนุนท่าน แล้วภูมิใจไทยจะไปคุยกับท่านได้อย่างไร และที่บอกเราไม่เอากองทัพ ยิ่งไปกันใหญ่ มันคนละส่วนกัน เราเป็นพรรคการเมือง ท่านดูแลความมั่นคง ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ ซึ่งภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมือง ต้องหาเสียงเลือกตั้ง เราต้องยึดหลักการประชาธิปไตย ใครจะเป็นนายกฯ ก็ได้ ขอให้เป็นการเลือกโดย ส.ส. ไม่ใช่เอาคนที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาเลือก หลักของภูมิใจไทย คือเคารพกติกา และอย่าเอาเปรียบกัน” หัวหน้าพรรค ภท.กล่าว
    วันเดียวกัน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ประกาศสนับสนุนแนวนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยที่ให้ปลูกได้ครอบครัวละ 6 ต้นว่า การใช้รูปแบบแคลิฟอร์เนียโมเดล เป็นการเปิดเสรี ใครจะปลูกกัญชา ใครจะค้ากัญชา แปรรูปกัญชา ก็ไปยื่นขออนุญาตจากรัฐ โดยให้เกิดความทั่วถึง ประชาชนทุกครอบครัวขออนุญาตปลูกได้ครอบครัวละ 6 ต้น ใช้ภายในครอบครัว ที่เหลือก็เอาไปขายได้ เป็นรายได้ของครอบครัว 
'เนวิน'หนุนกัญชาเสรี
    "การปลดล็อกของรัฐบาล เป็นการทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ผมทำเรื่องกัญชา ไม่ได้เกี่ยวกับใคร ไม่ได้คิดจะทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่าพืชนี้จะเป็นพืชแก้จน เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่จะทำให้คนไทยมีชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม หากยังคิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม คำตอบก็ออกมาเหมือนเดิม เรายังไม่เดินออกจากทางเลือกนี้แล้วไปหาทางเลือกใหม่ ไม่มีวันที่ชีวิตของพี่น้องเกษตรกรจะดีขึ้นได้” นายเนวินกล่าว
    ถามว่า ไม่กลัวถูกครหาไปสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยที่ทำเรื่องกัญชาหรือ นายเนวินกล่าวว่า พรรคผ่อนทำเรื่องนี้มาก่อนพรรคภูมิใจไทย ถ้าพรรคภูมิใจไทยยืนยันจะทำอย่างนี้ ตนพูดตรงๆ ก็ต้องเชียร์ แล้วพวกสายเขียวทั้งหลายเขาก็ต้องเชียร์ เพราะแต่ละพรรคการเมืองออกมาวันนี้กั๊กทั้งหมดเลย ไม่มีใครกล้าพูดคำว่าเสรี ไม่มีใครกล้าพูดว่าให้ประชาชนได้มีโอกาสได้สิทธิ ไม่มีใครกล้าบอกว่าประชาชนปลูกได้ ทุกคนบอกเห็นด้วยเพื่อการแพทย์ ที่เห็นด้วยเพื่อการแพทย์นะ เม็ดละ 3 พัน แล้วชาวบ้านจะอยู่อย่างไร คิดว่าพรรคภูมิใจไทยเขาคิดถูก แล้วก็ขอให้ทำให้จริง ขอให้ทำให้ดี
    “แต่ถ้าเลือกไปแล้วไม่ทำ ผมจะพาคนมาไล่เลย ผมนี่แหละจะมาไล่คนแรก ผมต้องการเห็นกัญชานี้มันเสรี แล้วเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน ทุกคนเข้าถึงได้ มีสิทธิได้ ผมฝันจะเห็นพวกสตาร์ทอัพ เด็กจบใหม่ พ่อแม่ไม่มีมรดกให้ ใช้ภูมิปัญญาเอากัญชามาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน” นายเนวินกล่าว
    ส่วนพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านแชระ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ในวันที่ 24 มี.ค.มีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย จะทำให้ประเทศไทยได้รับความน่าเชื่อถือและบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจจะดีขึ้น และไม่อยากเห็นปัญหาการแบ่งแยกทางการเมืองอีก นั้นคือโจทย์ที่ประชาชนต้องการเห็น จึงเป็นที่มาที่พรรคได้นำเสนอเพื่อตอบโจทย์ทั้งสองเรื่อง ด้วยการนำนโยบายสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีมาปรับใช้
    "พรรคจะทุ่มเทการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาภาคเกษตรแก่คนโคราช โดยเฉพาะอ้อยและมันสำปะหลัง ที่ขณะนี้ประสบปัญหาราคาตกต่ำ จะต้องเข้ามาแก้ปัญหาโดยด่วน ด้วยการแปรรูปสินค้าเกษตรเป็นสินค้าอุตสาหกรรม หรือสินค้าสำเร็จรูปอื่นๆ เช่น แปรรูปเป็นน้ำมันเอทานอล โดยจะพยายามทำให้เต็มสูบด้วยการใช้เอทานอลร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นพลังงานทดแทน หรือนำไปใช้เป็นสินค้าประเภทอื่นๆ ด้วยการนำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่โคราช หรือที่ อ.ครบุรี ด้วยการให้สิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาที่โคราช เพราะโคราชมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก เช่น มอเตอร์เวย์ โครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น" ที่ปรึกษาพรรค ชพน.กล่าว
     พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า พรรคจะเดินหน้าหาเสียงแจงนโยบาย และทำความชัดเจนในหลายเรื่อง โดยในวันที่ 9 มี.ค.นี้ เราจะแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจ
    ถามว่ากังวลที่มีการปลุกกระแสให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ และขอให้นายอภิสิทธิ์รอก่อนหรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน และเชื่อว่าที่สุดประชาชนต้องตัดสินใจอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็ทำหน้าที่ตามปกติ ตรงไปตรงมา ทำหน้าที่พรรคการเมืองในแบบสากล 
    พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ลงพื้นที่หาเสียง กทม.เขต 20 (ประเวศ สวนหลวง) ช่วยนายณรงค์ จงแจ่มฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง เริ่มที่ตลาดบุญเรือง ชุมชนนาคภาษิต
    นายสุเทพกล่าวว่า หลังเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย และพัฒนาเดินหน้าไปได้ ซึ่ง 2 เรื่องใหญ่คือ 1.ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน 2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัวชาวบ้าน ถ้าทำได้ทั้ง 2 เรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว 
โพลชี้ 'ธนาธร-อนค.' แรง
    พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค กล่าวว่า ในพื้นที่ที่มีฐานของพรรคมีกระแสตอบรับดี และเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารคนรุ่นใหม่ ทั้ง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค ที่บริหารพรรคหลังจากที่สิ้นนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรค ดังนั้นเมื่อช่องว่างดังกล่าวหมดปัญหาและทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสามารถทำงานได้ ทำให้ได้รับความตอบรับเป็นอย่างดี 
    "โค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง พรรคได้ติดตั้งป้ายรณรงค์ในพื้นที่ กทม.เป็นภาพเกี่ยวก้อยและมีความข้อความร่วมมือปรองดอง และข้ามความขัดแย้ง โดยไม่ลืมความขัดแย้ง เพื่อสื่อสารไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองให้ร่วมมือทำงาน ไม่ขัดแย้ง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าการเมืองจะไม่ขัดแย้ง และสามารถเดินหน้าทำนโยบายเพื่อประชาชนตามที่พรรคการเมืองหาเสียงได้" ผอ.พรรค ชทพ.กล่าว
    ที่จังหวัดแพร่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ลงพื้นที่ช่วยนายเอกการ ซื่อทรงธรรม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 รณรงค์หาเสียง โดยขึ้นรถแห่รอบเมืองแพร่ ซึ่งขณะที่นายธนาธรกำลังแนะนำผู้สมัครบนรถแห่ มีขบวนพาเหรดของนักเรียนเดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนออกให้ไปเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. สวนทางมา 
    นายธนาธรกล่าวว่า ขอบคุณและชื่นชมนักเรียนและบุคลากรโรงเรียน พร้อมระบุว่านี่คือบรรยากาศประชาธิปไตยที่ทุกคนเห็นคุณค่าของสิทธิ์ของตัวเอง การเลือกตั้งในครั้งนี้มีความสำคัญมากต่อประชาชนชาวไทย มาร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทยร่วมกัน จ.แพร่ต้องเปลี่ยน ประเทศไทยต้องเปลี่ยน ทั้งนี้ มีเจ้าของร้านเสื้อม่อห้อมมอบเสื้อสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยในช่วงบ่าย นายธนาธรจะเดินทางต่อไปยัง จ.ลำพูน และขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.เชียงใหม่
    ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังการเลือกตั้ง ส.ส. จากประชาชนใน กทม. จำนวนทั้งสิ้น 1,209 กลุ่มตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-6 มี.ค.2562 พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 77.4 จะไปเลือกตั้ง รองลงมาร้อยละ 14.7 ระบุไม่แน่ใจ และร้อยละ 7.9 บอกไม่ไป
    ถามถึงพรรคที่จะเลือกปรากฏว่า พรรคอนาคตใหม่มากที่สุดร้อยละ 37.6, อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 25.8, อันดับ 3 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 13.9, อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 10.9,  อันดับ 5 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 3.9 รองลงไปมีพรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 2.1, พรรคชาติพัฒนา ร้อยละ 1.6, พรรคเพื่อชาติ ร้อยละ 1.3, พรรครวมพลังประชาชาติไทย ร้อยละ 0.8, พรรคประชาชนปฏิรูป ร้อยละ 0.8, พรรคพลังท้องถิ่นไท ร้อยละ 0.2
    ส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 38.2 รองลงมามี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 18.9, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 14.6, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 10.9, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 6.5 ส่วนรองๆ ลงมามีนายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 3.7, น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ร้อยละ 1.3, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ร้อยละ 1.3,  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 1.2,  นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ร้อยละ 0.7, น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ร้อยละ 0.7, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ร้อยละ 0.6, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ร้อยละ 0.5, นายชัยเกษม นิติสิริ ร้อยละ 0.4 แล ะพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ร้อยละ 0.2 
    ส่วนปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกมากที่สุดคือ ตัวผู้สมัคร ร้อยละ 62.4 และพรรคการเมืองที่สังกัด ร้อยละ 37.6.
          
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"