ดันค่าแรง425/วัน ป.ตรี2หมื่น/เดือน


เพิ่มเพื่อน    


    หาเสียงโค้งสุดท้ายคึกคัก "พปชร." ปล่อยหมัดพันธสัญญา 3 รวย ดันขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท/วัน จบ ป.ตรีเอาไป 2 หมื่น/เดือน ข้าวหอมมะลิ 1.8 หมื่นบาท/ตัน "อุตตม" ยันทำได้จริง "เจ๊หน่อย" ลุยร้อยเอ็ดเน้นแก้ปัญหาปากท้อง "ชพน." โชว์โคราชโมเดลพัฒนาสกลนคร "หนูนา" ย้ำต้องขยายความเจริญอำเภอรอบนอกสุพรรณฯ "ภท." ปลื้มคนชอบนโยบายทำงาน 4 วัน เรียน 4 วัน 
    เมื่อวันที่ 14 มี.ค. การหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 พรรคการเมืองต่างๆ เร่งลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเปิดนโยบายการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายกันอย่างน่าสนใจ
    โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายโค้งสุดท้าย “ประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ” ซึ่งเป็นการประกาศพันธสัญญา 3 ด้าน ประกอบด้วย คนไทยต้องรวยด้วยความสงบ รวยด้วยความสุข และรวยด้วยความหวัง 
    นายอุตตมกล่าวว่า พันธสัญญาสุดท้ายที่ต้องการทำให้คนไทยรวยด้วยความหวัง ราคาผลผลิตทางการเกษตรต้องได้รับการดูแลบางช่วงเวลา เช่น ข้าวเจ้า 12,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, อ้อย 1,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, ยางพารา 65 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม, มันสำปะหลัง 3 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม และปาล์มต้องทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ทั้งหมดต้องทำได้ เพราะเกษตรกรประสบปัญหามาเยอะ เราต้องยื่นมือไปช่วยฉุดเขาขึ้นมาก่อน ให้ทุกคนรวยอย่างมั่นคง ยั่งยืน 
    นายอุตตมกล่าวว่า นอกจากนี้จะผลักดันค่าแรงงานขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน, อาชีวศึกษา 18,000 บาทต่อเดือน และปริญญาตรี 20,000 ต่อเดือน ซึ่งไม่สูงเกินไป เช่นเดียวกับพนักงานเงินเดือน จะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ในทุกขั้นบันได หมายความว่าคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนั้นเราจะยกเว้นภาษีเด็กจบใหม่ 5 ปี ยกเว้นภาษีค้าขายออนไลน์ 2 ปี ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ล้มแล้วต้องลุกได้ ต้องได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ยกระดับขีดความสามารถร้านค้าโชห่วยใช้ดิจิทัลรวมกลุ่มผู้ค้าให้มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต พร้อมรับสินเชื่อ 1 ล้านบาทต่อโชห่วยเพื่อปรับตัว  
    "นโยบายทั้งหมดเราไม่ได้ทำแบบเลื่อนลอย เพราะเราดูแล้วว่าจะใช้เงิน เราก็หาเงินเป็น และทำได้จริง นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ" หัวหน้าพรรคพปชร.กล่าว
    ส่วนนายสุวิทย์กล่าวว่า นโยบายรวยความสุข นอกเหนือความขัดแย้ง ปมที่สำคัญที่ต้องแก้ไขคือความเหลื่อมล้ำ ทำให้เกิดความเท่าเทียม จึงนำไปสู่ความสุข โดยเราจะเดินหน้าบัตรประชารัฐ ซึ่งจะเป็นคำตอบของการลดความเหลื่อมล้ำ นอกเหนือจาก 14.5 ล้านคน เราจะต้องดำเนินนโยบายเพิ่มคนเพิ่มสิทธิ์ให้มากขึ้น 
    นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราเห็นสัญญาณบางอย่างของความคิดที่แตกต่างกันของกลุ่มการเมือง การรวยด้วยความสงบถือเป็นพื้นฐานจำเป็นอย่างแรกที่ต้องมี  หากขาดสิ่งนี้ ความสุขและความหวังจะมาไม่ถึง  ไม่ว่าพรรคการเมืองใดที่นำเสนอนโยบายก็จะไปไม่ถึงดวงดาว 
    "จุดยืนของพรรคจะไม่เป็นคู่ขัดแย้งตั้งแต่วันแรก แม้จะมีหลายฝ่ายผลักให้เราไปเป็นคู่ขัดแย้ง ยิ่งการเมืองแบ่งเป็น 3 ก๊กลักษณะอย่างนี้ เราขอแสดงจุดยืนการหาทางออกให้กับประเทศ ลดการเกิดเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัด เราขอยืนหยัดในจุดยืนที่เป็นฝ่ายปรองดอง พาทุกคนออกสู่ความขัดแย้ง" เลขาฯ พรรคพปชร.กล่าว
หาเสียงโค้งท้ายคึกคัก
    พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท. ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด ปราศรัยหาเสียงบริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนเสลภูมิ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรค พท.ไม่ได้อยากแจกบัตรคนจน แต่อยากแจกบัตรคนรวย ใน 6 เดือน ถ้าพรรคเป็นรัฐบาลจะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่า 17,000 บาทต่อตัน และใน 6 เดือนราคาสินค้าเกษตรจะดีขึ้น ถ้าพรรคไม่ช่วยคนจนจะให้ไปช่วยคนรวยหรือ พี่น้องเป็นคนกำลังซื้อใหญ่สุดในประเทศ พี่น้องกระเป๋าแฟบไม่มีเงินไปซื้อของในตลาดทำให้พ่อค้าแม่ค้าเจ๊ง 
    ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ไปที่ จ.สิงห์บุรี ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงตามห้างร้านและในตลาดสดปลา เทศบาลเมืองสิงห์บุรี ซึ่งระหว่างทางนายชัชชาติแวะซื้อข้าวหลามและโชว์พลังทุบข้าวหลาม โดยนายชัชชาติกล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลชุดใหม่มาระยะสั้นต้องเร่งแก้ราคาพืชผลการเกษตร และต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สิงห์บุรี 
    นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค พท. ระบุว่า แนวนโยบายเศรษฐกิจภาพรวมของพรรคคือ ปรับหนี้-เติมเงิน-ลดภาษี-สร้างเศรษฐีใหม่ ภายใต้หลักการ "ลดรายจ่าย-สร้างรายได้-ขยายโอกาสที่พรรคเคยดำเนินการมาและประชาชนให้ความเชื่อมั่นนั้น ทางพรรควางมาตรการที่จะดำเนินการตามกรอบเวลา 100 วันและ 180 วันหากได้เป็นรัฐบาล
    พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค ชพน. ลงพื้นที่ จ.สกลนคร ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง ที่วัดป่าสันติธรรม อ.เมืองฯ จ.สกลนคร โดยนายสุวัจน์กล่าวว่า ชพน.จะนำความสำเร็จของโคราชโมเดลมาพัฒนา จ.สกลนคร ทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ยิ่งหลังเลือกตั้งมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง จะทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น เพราะเชื่อมั่นในการกลับคืนสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย 
    พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ ลงพื้นที่บริเวณตลาดเทศบาลตำบลด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง โดย น.ส.กัญจนากล่าวว่า อ.ด่านช้าง เป็นพื้นที่ค่อนข้างไกลออกมายังคงต้องการเรื่องสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา ผลิตผลการเกษตร ประสบปัญหาแห้งแล้ง ไม่ต่างจากภาคเกษตรกรรมพื้นที่อื่นๆ 
    พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงที่ อ.ภูเขียว และ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ โดยนายอนุทินกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เราไม่สามารถใช้นโยบายจำนำ ประกันราคาข้าว หรือเอาเงินมาแจกได้ เราจึงใช้ระบบแบ่งปันผลกำไร ที่ผ่านมาระบบจำนำข้าวชาวนาเหนื่อยยาก เป็นหนี้เป็นสิน จากนี้ต้องขออภัยพ่อค้า โรงสี และนายทุน เพราะจะต้องเอากำไรแบ่งกลับคืนสู่ชาวนา 
ภท.ปลื้มคนชอบนโยบาย
    ส่วน พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงซูเปอร์โพลระบุประชาชนชอบนโยบายอยู่ที่บ้านก็เรียนได้ หรือออกมาเรียน 4 วันต่อสัปดาห์ว่า เราทำนโยบายโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีการศึกษา รับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ก่อนนำเสนอออกมาเป็นนโยบาย
    พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค แถลงนโยบายไฮเปอร์ลูป : ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ว่าพรรคได้ศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ร่วมกับบริษัทจากประเทศแคนาดาตั้งแต่ ต.ค.ปี 61 รวม 5 เดือนกว่า ในเส้นทางเชียงใหม่ กทม. ภูเก็ต ซึ่งหากประเทศไทยสามารถฉวยโอกาสในการศึกษาวิจัยและพัฒนาไฮเปอร์ลูปเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ได้จริง ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมในภาคอื่นๆ ไปด้วย 
    “กรอบระยะเวลาความเป็นไปได้ในการศึกษาพัฒนาไฮเปอร์ลูป เริ่มต้นได้ทันทีในปี 2019 โดยช่วงปี 2020-2021 เป็นช่วงการวิจัยพัฒนาและทดลองระบบรุ่นแรกได้ในระยะทาง 10 กม. ซึ่งหากทำได้ก็ถือว่าเป็นระยะทางที่ยาวที่สุดในโลกแล้ว จากนั้นปี 2022-2023 เริ่มทดลองต้นแบบรุ่นที่ 2 และ 3 พร้อมตรวจสอบใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเริ่มโครงการของจริง และเริ่มใช้งานได้จริงในปี 2030” นายธนาธรกล่าว
    พรรคไทยศรีวิไลย์ (ทศล.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค และนายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล รองหัวหน้าพรรค แถลงแสดงจุดยืนทางการเมือง ตอนหนึ่งนายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ขอให้ประชาชนกว่า 50% ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคใด อยากให้ประชาชนเลือกเรา ไว้ใจเรา ในการทำนโยบายเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองให้สำเร็จ เช่น การออกกฎหมายรับซื้อสินค้าเกษตร การซื้อหุ้น ปตท.คืน ยึดทรัพย์นักการเมืองโกงมาทำสวัสดิการ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ประชาชนเข้าถึงเท่าเทียมกัน สิ่งที่เราตั้งใจทำได้จริง หนี้สาธารณะ 3.4 ล้านล้านบาทที่รัฐบาลเก่าสร้างไว้เราจะแก้ปัญหาให้สำเร็จ 
    ส่วนนายณัชพลกล่าวว่า นโยบายพรรคเราจะจัดการกับการทุจริต ปฏิรูประบบราชการที่มีคนเยอะมาก แต่ดูแลประชาชนให้มีความสุขไม่ได้ ต้องลดข้าราชการครึ่งหนึ่งเพื่อนำงบไปเพิ่มให้ชั้นผู้น้อย ข้าราชการหลังยาวต้องปลดเลิกจ้าง สร้างอาชีพให้ประชาชนอยู่ดี แจกเงินไม่แก้จน ต้องแจกงาน ปฏิรูปที่ดินแจกชาวบ้านคนละ 20 ไร่ และเลิกเพ้อเจ้อนโยบายกัญชา เพราะขนาดข้าวคนกินทั้งโลกยังทำให้ราคาสูงไม่ได้เลย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"