วิชามารโค้งสุดท้าย ทบ.โต้เอกสารเก๊ช่วยพปชร./ธนาธรโวยคลิปปลอม


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กป้อม" ยันเอกสารลับ ทภ.1 ปฏิบัติการไอโอช่วย พปชร.ของปลอม "โฆษก กห.-ทบ.ย้ำไม่ใช่เอกสารราชการ วอน ปชช.ใช้ดุลพินิจรับข้อมูล "บิ๊กแดง" ไฟเขียวให้แจ้ง ปอท. เพจหนุน คสช.ชี้ความผิดปกติ 5 จุด "สมชัย" เตรียมร้อง กกต.ให้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน "ธนาธร" โต้คลิปเจรจากับ "ทักษิณ" เป็นเท็จ หลายพรรคแฉโค้งสุดท้ายซื้อเสียงหนัก ปชป.ปูดพัทลุงปูพรมซื้อหัวละ 500-1 พันบาท ทุ่ม 3 เขต 90ล้าน กกต.มติเอิกฉันท์ พปชร.เสนอชื่อ "ประยุทธ์" เป็นนายกฯ ชอบด้วยกฎหมาย "จตุพร" เผย 3 พรรคใหญ่จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    เมื่อวันพุธ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเพจ CSI La ได้เผยแพร่เอกสารลับเพื่อขออนุมัติ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้หน่วยขึ้นตรงทั้งหมดทำ IO (ปฏิบัติการด้านข่าวสาร) สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า "เอกสารปลอม"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารดังกล่าวระบุ การสรุปผลการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสารการเลือกตั้งปี 2562 ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส) กองทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 โดยให้สรุปผลการประเมินการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ที่รับผิดชอบที่มีพื้นที่ช่วงชิงระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นๆ
    ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวยังระบุด้วยว่า เจ้ากรมข่าวทหารบกขอให้ฝ่าย กกล.รส.สนับสนุนการข่าวสารการปฏิบัติการข่าวสาร หรือไอโอ และขอให้สนับสนุนการปฏิบัติการของชุดปฏิบัติการกรมกิจการพลเรือนทหารบก ในการสร้างการรับรู้ของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ช่วงชิงเพื่อสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ หลังจากนั้นให้แต่ละพื้นที่ที่รับผิดชอบนำผลการปฏิบัติมาชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง
    พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการหาเสียง การเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ มีทั้งข้อมูลที่เป็นเท็จ บิดเบือนไม่ใช่เป็นความจริง ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ระบุแล้วว่าเป็นเอกสารปลอม ขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการรับทราบข้อมูล วันนี้มีความพยายามที่จะบิดเบือนให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และผู้ที่เผยแพร่ก็จะต้องได้รับผลของการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และก่อนหน้านี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการแจ้งความเอาผิดกับเพจดังกล่าวอยู่แล้ว จึงขอความร่วมมือให้เสนอข้อมูลความจริง สิ่งไหนที่เป็นการบิดเบือน อย่าดำเนินการอะไรเลย เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดความแตกแยก 
     พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวเช่นกันว่า ไม่ใช่เอกสารจริงของทางราชการ เพราะมีหลายจุดในเอกสารไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนและรูปแบบข้อกำหนดของหนังสือราชการ ในระยะหลังมักพบว่ามีการเผยแพร่เอกสารที่มีลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่พบว่าต้องการให้มีผลกระทบเรื่องการเมือง หรือมีความพยายามที่จะลดระดับความน่าเชื่อถือของบุคคลหรือองค์กร จนถึงขั้นมีการปลอมแปลงราชกิจจานุเบกษา ในช่วงนี้ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร โดยปกติหากหน่วยงานความมั่นคงจะจัดการประชุมและประเมินสถานการณ์ต่างๆ นั้น ก็เพื่อดูแลความเรียบร้อยและภารกิจความมั่นคงเป็นหลัก
    ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้มอบหมายให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ฝ่ายกฎหมาย คสช. รับมอบอำนาจแจ้งความดำเนินคดีกับเพจดังกล่าว ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) 
จับผิดเอกสารปลอม 5 จุด
    ขณะที่เพจสนับสนุน คสช.ได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวและเปิดเผยว่า พบความผิดปกติ 5 จุด ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารราชการของกองทัพบก โดยมีการดัดแปลงบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด อาทิ จุดที่ 1 เอกสารดังกล่าวระบุว่าหนังสือราชการทำงานตั้งแต่ต.ค.-ก.พ. แต่เลขที่หนังสือเลขที่ 1 จึงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนปลอมแปลงคงไม่รู้เรื่องหนังสือราชการ, จุดที่ 2 รอยถ่ายเอกสารซ้ำตรงสี่เหลี่ยม “ที่รับหนังสือ” ซึ่งตามปกติการปั๊มรับหนังสือจะปั๊มไว้ที่ด้านหลังของหนังสือหน้าแรก, จุดที่ 3 ช่องที่รับหนังสือบนหน้าแรก,  จุดที่ 4 ถ้าเป็นข้าราชการทหารจะทราบว่าหนังสือฉบับเดียวกัน หน้าเดียวกัน ถ้าพิมพ์ยศชื่อ สกุล หรือตำแหน่งของหัวหน้าผิด เป็นเรื่องที่ผ่านยาก และจุดที่ 5 เอกสารดังกล่าวระบุประชุมวันที่ 18 ก.พ.62 เกี่ยวกับสรุปประเมินผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 17 มี.ค.62 และวันเลือกตั้งจริง 24 มี.ค.62
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนในช่วงเลือกตั้ง เรื่องนี้มีบก.ปอท.ดำเนินตรวจสอบอยู่แล้ว กลุ่มที่ออกมาป่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะเป็นผลเสียกับกลุ่มตนเอง  เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง  
    ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จ.สมุทรสาคร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เรื่องจริง ไม่จริง ไม่ทราบ แต่การที่มีเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ผ่านทางสื่อต่างๆ คงไม่ควรจบเพียงแค่คำปฏิเสธง่ายๆ ของบิ๊กป้อมว่าเป็นของปลอมแล้วจบกัน กกต.ควรตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว โดยใช้อำนาจเรียกบุคคลที่มีชื่อในเอกสารดังกล่าวมาให้ข้อเท็จจริง และเรียกตรวจสอบเอกสารรับส่งหนังสือของหน่วยราชการที่ระบุในเอกสารเพื่อให้เกิดความถูกต้องว่าไม่มีการใช้หน่วยราชการหรือทรัพย์สินของทางราชการเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อให้ กกต.มีต้นเรื่องของการดำเนินการ ในวันที่ 21 มี.ค.2562 เวลา 14.30 น. ผมจะเอาเอกสารไปยื่นที่ สนง.กกต. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯ กกต. กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ถึงแม้ยังไม่มีคนร้องมา  เมื่อเอกสารปรากฏก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เข้าใจว่าทางกองทัพบกก็คงตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่เช่นเดียวกัน ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองตามมติ ครม.
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ชี้แจงถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เผยแพร่คลิปเสียงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. สนทนาร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งมีเนื้อหาในเชิงการต่อรองที่นั่ง ส.ส. เพื่อจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงการประเมินจำนวน ส.ส.ที่จะได้ว่ามาจากการหลอกลวงคนรุ่นใหม่ว่า ของปลอมแน่นอน ขอย้ำว่านายธนาธรไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พ่อของนายธนาธรป่วย ซึ่งนายทักษิณได้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย ส่วนจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ รอความชัดเจนและท่าทีของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวก่อน
"ธนาธร"โต้คลิปเจรจาทักษิณ
     ด้านนายธนาธร ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่น ผ่านรายการเก็บตกจากเนชั่นภาคเที่ยงว่า ไม่ว่าตนหรือใครฟัง ดูจากคลิปแล้ว ก็น่าจะเห็นได้ว่าเป็นเท็จอยู่แล้ว ไม่คิดว่าสื่อมวลชนที่มีคุณภาพจะเอาคลิปแบบนี้มาออกรายการ แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานจริยธรรมของเนชั่นตกต่ำลง 
    ทั้งนี้ ในรายการได้สอบถามว่าส่วนตัวได้พูดคุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายธนาธรบอกว่า "ผมได้พูดเรื่องนี้ออกอากาศไปหลายครั้งแล้ว และสื่อที่มีคุณภาพไม่ควรผลักภาระในการพิสูจน์ให้กับผู้กล่าวหา เหตุการณ์แบบนี้ควรออกมาขอโทษ ขอเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบต่อผมและประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารนี้" 
    ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ว่า  รัฐบาล คสช.กำลังใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ที่ให้อำนาจฝ่ายทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก คุกคามบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายศาล เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งของฝ่ายตน เนื่องจากได้รับรายงานว่าช่วงเวลานี้มีการนำกำลังทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักของสมาชิกสภาจังหวัด และหัวคะแนนของผู้สมัคร พท.ในบางจังหวัด เสมือนการจับกุมอาชญากร และมีการเตรียมการจะดำเนินการในเขตเป้าหมายอีกหลายพื้นที่ เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในการสืบทอดอำนาจ จึงขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กกต. ต้องให้ความสำคัญและแสดงท่าทีหยุดยั้งต่อปัญหานี้โดยเร็ว 
    นายธีระพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ(พ.ช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทุกวัน พบวิชามาร และการที่พรรคที่คุณรู้ว่าใครให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาเปรียบทุกรูปแบบในพื้นที่ ยิ่งใกล้โค้งสุดท้าย ราคาค่าตัวประชาชนขึ้นหลักพันไปถึงสองพันแล้วในบางพื้นที่ 
    นายยุทธพล อังกินันทน์ ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบุรี เขต 1 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชพท.) และโฆษกพรรค ชทพ. กล่าวว่า เรียกร้องให้ กกต.ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการทุจริตการเลือกตั้ง และการแข่งขันในพื้นที่เลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ในหลายพื้นที่มีหัวคะแนนของบางพรรคการเมืองเข้าไปจดชื่อพร้อมแจกเงินให้กับประชาชน และบางพื้นที่พบการปราศรัย รวมถึงหาเสียงโดยมีเจตนาใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองอื่น ตนเคยแจ้งไปยัง กกต.ประจำจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้นำหลักฐานและพยานแจ้งเรื่อง ซึ่งไม่มีประชาชนคนใดจะกล้าเป็นพยานเพื่อให้ กกต. ได้ตรวจสอบ 
    นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตั้งแต่ผมลงเลือกตั้งมา ครั้งนี้ต้องแข่งกับการใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าเราจะได้ความเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความต้องการของประชาชน ความเสี่ยงสูงสุดคือการไม่ยอมรับผล ซึ่งตราบใดที่ทุกคนเคารพในผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าประเทศจะไม่มีปัญหา เดินไปข้างหน้าได้ 
แฉพัทลุงทุ่มซื้อเสียง 90 ล.
    ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป.โพสต์เฟซบุ๊กว่า การซื้อเสียงได้ระบาดเต็มพื้นที่จังหวัดพัทลุงแล้ว จบข่าว” โดยนายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า พฤติกรรมการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโกงการเลือกตั้งทำกันแบบโจ๋งครึ่ม มีการปูพรมจ่ายเงินให้ชาวบ้านเต็มทุกพื้นที่ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งของ จ.พัทลุงแล้ว โดยการข่าวที่ได้แจ้งมาว่าจะมีการซื้อเสียงช่วงโค้งสุดท้าย 1 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง พรรคดังกล่าวตั้งเป้าไว้เขตเลือกตั้งละ 30 ล้านบาท รวม 3 เขต สูงถึง 90 ล้านบาท ซึ่งก็จับตาดู กระทั่งเช้าวันที่ 20 มี.ค.ก็มีชาวบ้านแจ้งมาว่ามีการปูพรมจ่ายเงินแล้วหัวละ 500 บาท บางพื้นที่สูงถึงหัวละ 1,000 บาท โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงเหนียวแน่นของ ปชป.
    "เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องบางส่วนก็ใส่เกียร์ว่างเหมือนมองไม่เห็น และผมเคยเรียกร้องให้ กกต.กลางส่งคนลงมาหาข่าวทางลับในพื้นที่แล้ว วันนี้ทำได้เพียงร้องบอกต่อสังคมผ่านสื่อมวลชน คงร้องเรียน กกต.กลางไม่ทันการณ์ เพราะกว่าจะส่งคนลงมาก็ไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น" นายนิพิฏฐ์กล่าว
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เป็นประธานการประชุมสัมมนาบทบาทของข้าราชการตำรวจในการเลือกตั้งส.ส. โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง (ผอ.ศลต.ตร.) พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวม 255 นาย
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงกรณีที่ จ.สมุทรสาคร ที่มีแม่ค้ากาบัตรคนเดียว 17 ใบว่า สตช.ได้ดำเนินการไปส่วนหนึ่ง ส่วน กกต.ก็เข้าไปตรวจสอบด้วยว่ามีเจตนาอะไร น่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ และกรณีข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลฯ นั้น ก็ขอให้โพสต์ความจริง เมื่อมีคนแจ้งมา เราก็ส่งคนไปตรวจสอบ ส่วนข้อบกพร่อง น้อมรับความผิดและนำไปแก้ไข ในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ บัตรเลือกตั้งของเขตไหนก็อยู่ในหน่วยเลือกตั้งนั้น จะไม่เหมือนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ปชป.เปิดเผยว่ามีการซื้อสิทธิถึงหัวละ 1,000 บาท พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ฝากไปยังประชาชน การเลือกตั้งจริงๆ แล้วทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม หากมีข้อมูลเก็บหลักฐานไว้หรือนำมาร้องเรียนกับ กกต.หรือตำรวจ ทุกคนต้องช่วยกัน เราไม่อยากให้การทุจริตเลือกตั้งมาเป็นจุดตำหนิเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว เราคงไม่ยอมให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำการทุจริตเข้าไปนั่งในสภาแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว
    ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวังการซื้อสิทธิขายเสียง ใส่ร้ายผู้อื่น และแจ้งความเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีอาญาตำรวจยังไม่ได้รับแจ้งจาก กกต.ในเรื่องของการให้ดำเนินคดี กกต.ได้มีการขอเพิ่มกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.พัทลุง, จ.สตูล ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น 
"บิ๊กตู่"เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้    
    ที่สำนักงาน กกต. นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง พร้อมแนวร่วม ได้เดินทางมาพร้อมป้ายผ้า และ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ โดยนายอนุรักษ์กล่าวว่า มายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อติดตามความคืบหน้าคำร้องยุบพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งได้ยื่นคำร้องดังกล่าวผ่านมาแล้ว 15 วัน แต่ยังไม่ปรากฏว่า กกต.ได้พิจารณาคำร้อง ต่างกับการพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ ที่มีผู้ยื่นให้ กกต. วันที่ 8 ก.พ. และ กกต.ก็เร่งพิจารณายุบพรรค 
    ขณะที่นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่มสังคมประชาธิปไตยประชาชน เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครและเพิกถอนตำแหน่งกรรมการบริหาร พปชร. ของนายอุตตม สาวนายน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เนื่องจากมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ โดยมีตำแหน่งเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ นอกจากนี้ยังขอให้เพิกถอนพล.อ.ประยุทธ์จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.
     มีรายงานว่า ในการประชุม กกต. ได้พิจารณากรณีนายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ขอให้ กกต.ทบทวนการประกาศรายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.ใหม่ พร้อมทั้งดำเนินการเพิกถอนชื่อบุคคลดังกล่าวนั้น กกต.มีมติเอกฉันท์ว่าการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ได้รับเสนอการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ชอบด้วยกฎหมาย โดยเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และ 89 รวมทั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 13 และ 14
      ที่ลานข้างศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ มาช่วยนายชัยวิทย์ พิศาลรวิพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 พรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่หาเสียง โดยนายจตุพรปราศรัยว่า เราจะเจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน เช่นว่าพรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรค จะไม่มีบัญชีรายชื่อ หมายถึงพรรคการเมืองขนาดใหญ่ บุคคลสำคัญทางการเมืองที่มีชื่อทั้งหลายในระบบบัตรใบเดียวนี้ไม่มีโอกาสเข้าสภา และที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ถ้าเลือกไม่เป็นจะแพ้อย่างราบคาบ 
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญต่อประเทศมาก ขอให้ประชาชนคิดให้ดี อย่าปล่อยให้เครือข่ายทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดิน เครือข่ายที่มีแผนการที่จะนิรโทษกรรมคดีต่างๆ และพวกหมิ่นสถาบันเข้ามา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างแน่นอน บ้านเมืองไม่สงบสุขแน่ ที่พูดไม่ใช่วาทกรรมทางการเมือง แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีใครที่ประชาชนจะไว้ใจได้เท่า พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น 24 มี.ค. เข้าคูหากา พปชร.เท่านั้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"