ติดกับดักปรองดอง... จึงต้องเป็นจำเลยของสังคม


เพิ่มเพื่อน    

 เมื่อลุงตู่ทำการรัฐประหารด้วยการเปล่งวาจายึดอำนาจจากนักการเมืองที่สร้างปัญหามากมายให้ประเทศชาติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น มีผู้คนจำนวนมากมีความยินดีที่สามารถกำจัดนักการเมืองที่พวกเขาคิดว่าหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศอีกต่อไป การทำการรัฐประหารครั้งนั้นไม่มีการใช้รถถัง ไม่มีการใช้ปืนหรืออาวุธยุทโธปกรณ์อันใด ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงมีความพอใจที่ปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งในเวลานั้นจบสิ้นลง และเมื่อทำการรัฐประหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลุงตู่ต้องการเห็นความปรองดองของคนในประเทศ ดังนั้นท่านจึงอธิบายเหตุผลในการยึดอำนาจครั้งนั้นว่า “เพราะประชาชนมีความแตกแยกและอาจจะมีการทำร้ายกัน อีกทั้งรัฐบาลรักษาการที่ไม่ยอมลาออกนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนได้” ท่านไม่ยอมพูดปัญหาของประเทศที่เกิดจากการกระทำของนักการเมือง ไม่เพียงแต่ตัวท่านเองไม่พูดเท่านั้น ท่านยังห้ามไม่ให้สื่อต่างๆ พูดจาขัดแย้งกันด้วย ท่านจึงสั่งปิดโทรทัศน์ที่ท่านคิดว่าเป็นช่องที่สร้างความขัดแย้ง ผลก็คือไม่มีการให้เหตุผลของการทำรัฐประหารที่เกี่ยวข้องกับการสร้างปัญหาของรัฐบาลในเวลานั้น

บัดนี้ เมื่อลุงตู่ตอบรับการเป็นผู้ที่พรรคพลังประชารัฐจะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจึงกลายเป็นจำเลยของสังคม โดยคู่ต่อสู้ของท่านทั้งหลายนั้นเอาป้ายมาแปะหน้าผากของท่านเอาไว้ว่าท่านเป็น “เผด็จการ” และการตอบรับพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้เป็น “การสืบทอดอำนาจ” คนที่พูดเช่นนี้ไม่มีเพียงแต่พรรคที่ท่านยึดอำนาจจากเขาเท่านั้น แม้แต่พรรคที่มีสมาชิกและแฟนคลับจำนวนมากร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่พวกเขาคิดว่าไม่มีความชอบธรรมก็เอากับเขาด้วย มีข้อกล่าวหาให้ท่านเป็นจำเลยมากมายหลายวาทกรรม เช่น ท่านคิดที่จะทำการรัฐประหารมาล่วงหน้าหลายเดือน แสดงว่าท่านต้องการอำนาจ (ซึ่งไม่น่าจะใช่ การทำรัฐประหารครั้งนี้น่าจะเป็นความตั้งใจในการเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศมากกว่าที่จะเข้ามาแสวงอำนาจ) กล่าวหาว่าท่านเป็นเผด็จการเพราะมีมาตรา 44 เป็นอาวุธในการจัดการกับคนที่ไม่เห็นด้วย (แท้ที่จริงแล้ว ท่านไม่ได้ใช้มาตรา 44 อย่างฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด ท่านใช้กับกรณีที่เร่งด่วนรอไม่ได้ หรือกับคนเลวที่ดื้อ ไม่มีสำนึกในการจะพิจารณาตัวเอง) การที่ท่านตอบรับพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้กลายเป็น “การสืบทอดอำนาจ” (ไม่น่าจะใช่เพราะพรรคพลังประชารัฐลงเลือกตั้งตามกติกาของรัฐธรรมนูญ และเสนอชื่อท่านเป็นนายนกรัฐมนตรีก็เป็นไปตามกติกาของรัฐธรรมนูญ ถ้าหากจะสืบทอดอำนาจก็ไม่จำเป็นต้องให้มีการเลือกตั้งก็ได้)

หากพวกเราจะสังเกตดีๆ คนของพรรคพลังประชารัฐไม่ค่อยมาร่วมดีเบตกับพรรคอื่นๆ เท่าใดนัก เพราะพิธีกรหลายคนชอบถามเรื่องที่เป็นวาทกรรมข้างต้น คือคำว่า รัฐประหาร เผด็จการ สืบทอดอำนาจ เป็นการเปิดประเด็นให้พรรคพลังประชารัฐโดนรุมกินโต๊ะ แทนที่การดีเบตจะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายของแต่ละพรรค กลายเป็นการเปิดประเด็นให้เกิดวิวาทะที่พรรคพลังประชารัฐตกเป็นจำเลย แต่ละพรรคก็รุมกันอย่างรุนแรง ประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ชอบดูความขัดแย้งก็จะนิยมชมชื่นรายการแบบนั้น ในที่สุดหลายๆ รายการทำกัน เหมือนจับมือพรรคพลังประชารัฐเอามือไพล่หลังให้พรรคอื่นรุมต่อยรุมเตะอย่างเมามัน และการรุมครั้งนั้นก็กระเทือนถึงลุงตู่ เพราะวาทกรรมต่างๆ เหล่านั้นมาจากมิติต่างๆ ของลุงตู่ เช่น ลุงตู่เป็นทหารจะต้องเป็นเผด็จการ เพราะลุงตู่เข้ามาไม่ถูกวิธีตามครรลองประชาธิปไตย ลุงตู่ไม่มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป ลุงตู่เข้ามาไม่ถูกวิธีตามครรลองประชาธิปไตย ดังนั้นควรยุติได้แล้ว ถ้าหากอยู่ต่อก็คือการสืบทอดอำนาจ นี่แหละที่บอกว่าลุงตู้ติดกับดักปรองดอง ไม่ยอมให้เหตุผลที่แท้จริงของการที่ท่านจำเป็นต้องทำรัฐประหาร ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องพูดความจริง อย่ายอมเป็นจำเลยของวาทกรรม

                ท่านต้องทำให้คนมองเห็นว่าการทำรัฐประหารของท่านในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้นมีความจำเป็นอย่างไร ต้องทำให้คนเข้าใจว่าท่านไม่ได้ทำรัฐประหารเพื่อการแสวงหาอำนาจ แต่จำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศที่ไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยครรลองของประชาธิปไตยที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งนี้เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยในเชิงพฤติกรรม แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาเป็นรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งก็ตาม

                *มีการโกงกินหลายเรื่อง ศาลตัดสินแล้วก็มี ที่ยังอยู่ในศาลก็มี

                *พวกเขาไม่เคารพศาล ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล

                *พวกเขาไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

                *โครงการรับจำนำข้าวมีการโกง และมีความเสียหายหลายแสนล้าน

                *พวกเขามีความพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนทำผิดกฎหมายอาญา

                *ประชาชนไม่พอใจจึงออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกแต่เขากลับยุบสภา

                *การชุมนุมยืดเยื้อและเริ่มมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บล้มตาย

                *รัฐบาลถือว่ามาจากการเลือกตั้ง ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของผู้ชุมนุม

                *เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองถึงขนาดมีความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศ

                *มีบุคคลในซีกรัฐบาลหลายคนมีพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน มีความผิดตามมาตรา 112

                ทั้งหมดนี้ท่านต้องเล่าให้ประชาชนเห็นความจำเป็นในการทำการรัฐประหารที่ไม่ใช่การมาแสวงหาอำนาจ แต่มาแก้ไขปัญหาของประเทศที่วิถีตามครรลองประชาธิปไตยแก้ไขไม่ได้

                นอกจากจะอธิบายเหตุผลในการทำรัฐประหารแล้ว ท่านต้องไม่ยอมให้คนมากล่าวหาท่านว่าท่านอยู่มา 5 ปี ไม่มีผลงานและทำให้ประเทศชาติเสียหาย เรื่องนี้เป็นผลมาจากความอ่อนด้อยด้านการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่างๆ ที่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ผลงานของหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อประชาชนไม่รับรู้ผลงานของรัฐบาลท่าน จึงเป็นโอกาสของคู่ต่อสู้ที่จะนำเอามาโจมตีท่านว่า 5 ปีไม่มีผลงาน วันนี้ท่านจะแพ้ชนะเรายังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ที่ผ่านมาการติดกับดักปรองดองทำให้ท่านกลายเป็นจำเลยสังคมโดยวาทกรรมของคู่ต่อสู้ บทความนี้อาจจะออกมาช้าไป แต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่ากับดักปรองดองของลุงตู่ทำให้คู่ต่อสู้จับลุงตู่เป็นจำเลยสังคมด้วยวาทกรรม. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"