ต้องบอกว่า “ร้อนแรง” ยิ่งกว่าสภาพอากาศเดือนเมษายนเสียอีก หลัง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้แถลงอย่างยาวในพิธีวันสถาปนา “กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)” ครบรอบ 112 ปี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเลขอาถรรพ์หรือไม่ เพราะเลข 112 ก็ดันไปตรงมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และเป็นหนึ่งในประเด็น “ซ้ายตกขอบ” และ “ซ้ายจัดดัดจริต” ที่ “บิ๊กแดง” จัดหนักด้วย …๐ แต่ที่ “ขำไม่ออก” คือ ดูเหมือนบรรดาคนที่ออกมาสวนหมัดตอบโต้ “บิ๊กแดง” นั้น ก็มัก มุ่งไปที่วาทกรรมตอบโต้ “ขวาตกขอบ” แต่กลับไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงหรือตอบข้อสงสัยของ “พล.อ.อภิรัชต์” ที่พุ่งตรงไปยังคนที่ได้รับ “ทุนหลวง” หรือ “ทุนราชการ” แล้วกลับมามีแนวคิดทรยศเนรคุณ จะเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้เลยแม้แต่คนเดียว ...๐ และที่สำคัญ คนที่ออกมาตอบโต้นั้น ก็ ไม่ใช่คนที่ “บิ๊กแดง” พุ่งเป้าเสียด้วย แต่กลับเป็นพวก “วัวสันหลังหวะ” หรือ “กินบนเรือนขี้บนหลังคา” เพราะอาศัยแผ่นดินไทยทำมาหากินจนร่ำรวย เข้าสู่ถนนการเมืองได้ แต่กลับจะมารื้อบ้านโดยอ้างเรื่องความสากล!!! ที่น่า “ฉงน” เข้าไปอีกคือ “บิ๊กแดง” ยังประณามถึงนักธุรกิจที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมและยังเสวยสุขอยู่ในต่างประเทศ คอยยุแหย่และสร้างเรื่องให้แผ่นดินไทยที่ทำมาหากินจนเป็น “มหาเศรษฐี” ที่แม้ไม่เอ่ยชื่อก็รู้กันว่าหมายถึง “คนหน้าเหลี่ยม” แต่กลับไม่มีใครออกมาแก้ต่างแทนเลย แสดงว่าที่ “บิ๊กแดง” พูดนั้นก็เป็นของแท้แน่นอนใช่หรือไม่อย่างไร ...๐ แล้วที่ร้อนแรงไม่แพ้ “บิ๊กแดง” ก็คงหนีไม่พ้นบิ๊กแห่ง “อนาคตใหม่” ไล่ตั้งแต่หัวหน้าพรรค อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค โดยในส่วนของหัวหน้าพรรคคือเรื่องของการโอนหุ้น “บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด” ซึ่งแม้เจ้าตัวจะชี้แจงยิบยับ แต่ก็ยิ่งทำให้น่าสงสัย และ ทำให้ไพล่ไปคิดถึงกรณี “บกพร่องโดยสุจริต” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่โอนหุ้นสารพัดให้คนขับรถ-คนใช้อย่างไรอย่างนั้น ...๐ แต่กรณีของ “ธนาธร” ต่างออกไปเล็กน้อย เพียงโอนให้ “แม่” และล่าสุดก็มี “2 หลาน” เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ขาเมาธ์ก็ได้แต่วิจารณ์ว่า ทำไมมหาเศรษฐีเมืองไทยในระดับพันล้านหมื่นล้าน เวลาจะทำธุรกรรมอะไรจะต้องโอนหุ้นกันไปกันมาให้มึนงงไปด้วย ที่สำคัญการโอนหุ้นดังกล่าวยังเป็นกรณีที่บริษัทจะปิดตัวเสียอีก!!! พระเจ้าจอร์จ มันจะต้องทำให้ยุ่งยากทำไมถ้ามีความบริสุทธิ์ใจจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ “Blind Trust” ยังน่ามึนน่าฉงนขนาดนี้ ถ้าปิดลับขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะซ่อนอะไรไว้บ้าง ...๐ ส่วน “ปิยบุตร” เองก็อ่วมไม่ใช่ย่อย ซึ่งต้องเรียกว่า เป็น “วิบากกรรมเก่า” เมื่อครั้นแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ในยุคเป็น “กลุ่มนิติราษฎร์” นั่นเอง โดย “อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี” นักร้องชื่อดัง ได้ไปร้องกองปราบปรามฯ ตรวจสอบแล้ว งานนี้ก็น่าติดตามว่าระหว่างหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคใครจะไปก่อนกัน หรือ จะต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศ เหมือนคนที่อวยพรหลายคนในงานวันแต่งงานของ “ปิยบุตร” ที่มีทั้ง “ปวิน-จอม-จรัญ” ก็เป็นได้ ...๐ ที่น่าสนใจคือ “สันดานนักการเมือง”  ว่าด้วยการเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นนั้น ไม่ใช่มีเฉพาะนักการเมืองเขี้ยวลากดินเท่านั้น แต่ดูเหมือนผู้กำลังเข้าสู่ถนนการเมืองที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นเพียงแค่ “ว่าที่” เรื่องดังกล่าวก็เข้าเส้นเสียแล้ว ดูง่ายๆ “ธนาธร” ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เมื่ออำนาจมืดไม่ยอมปล่อยอนาคตใหม่” ในกรณีหมายเรียกของ สน.ปทุมวัน ทั้งที่หมายเรียกดังกล่าวเป็นเรื่องค้างเก่าตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งหากตำรวจดำเนินการในช่วงการเลือกตั้งก็ถูกกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้ง นี่เขาอุตส่าห์รอจนการเลือกตั้งเสร็จก็ยังไปด่าไปโวยเขาอีก ที่สำคัญลากโยงไปถึงเสียงเลือกตั้ง 6.3 ล้านเสียง อีก ที่สำคัญเป็นแค่ “หมายเรียก” แต่ธนาธรกลับตีโพยตีพายเหมือนจะตายซะอย่างนั้น ...๐ไม่ต่างจาก “ปิยบุตร” แต่ประการใด ซึ่ง น่าอนาถมากเสียอีก เพราะเป็นแค่ “หมายเรียกพยาน” ซึ่งเจ้าตัวก็อ้างถึงเสียงที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน 6.2 ล้านเสียงอีก อ้าว! มันเกี่ยวกับการเรียกไปเป็นพยานตรงไหนครับคุณน้อง แล้วที่พรรคพลังประชารัฐอ้างป๊อปปูลาร์โหวตในการหวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรียกว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับให้สัมภาษณ์โจมตีเขาสาดเสียเทเสีย แต่กรณี “ตัวเอง” ซึ่งเป็นการกระทำของตัวเองแท้ๆ กลับไปอ้างเสียงประชาชนซะฉิบ นี่หรือคนที่อวดอ้างว่าจะเป็นนักการเมืองยุคใหม่ที่จะมาสร้างอนาคต ...๐