"พ.ร.บ.คอมพ์"เครื่องมือผู้มีอำนาจเตะตัดขาคู่แข่ง?


เพิ่มเพื่อน    

    หลังปิดหีบเลือกตั้งนับคะแนนเสร็จ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ คะแนนเสียงมหาชน (ป๊อปปูลาร์โหวต) พรรคพลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21 ที่นั่ง ส่วน ส.ส.เขต 97 ที่นั่ง รวม 118 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 7,920,630 คะแนน ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วน ส.ส.เขต 137 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 57 ที่นั่ง ส่วน ส.ส.เขต 30 ที่นั่ง รวม 87 ที่นั่ง 
           พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ต่างอ้างสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาล “พปชร.” อ้างเสียงจากประชาชนทั้งประเทศที่ให้มาอันดับ 1 ส่วน “พท.” อ้างตัวเลข ส.ส.อันดับ 1 ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงจังหวะทาบทามพรรคการเมืองที่เหลือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่เป็นไปได้ยาก ณ ตอนนี้เป็นแค่รัฐบาลเสียงปริ่ม ซึ่งตัวแปรตามมาคือ ใบเหลือง ใบแดง ที่มีการร้องเรียน งัดหลักฐานเพื่อเอาผิดคู่แข่ง ซึ่งดูๆ แล้วเป็นไปได้หลายเขตที่อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่
        เช่นเดียวกันกับศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย การจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) หลังปิดหีบ ตำรวจทั่วประเทศรายงานผลการกระทำความผิดทั้งหมด 49 คดี ทั้งซื้อเสียง ขายสิทธิ์ ฉีกบัตร ก่อกวน ไม่รวมกับของ กตต.ที่รับเรื่องเอง ซึ่งในคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้า กกต.จะนำคดีไปทำเองสามารถทำได้ เพราะอำนาจอยู่ที่ กกต. ตำรวจเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตาม คดีไหนที่ กกต.เห็นควรให้ตำรวจทำ พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้อง
        นอกจาก ศลต.ตร.ที่ตั้งขึ้นมาในการดูแลความปลอดภัยการเลือกตั้งและรักษาความสงบเรียบร้อย ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ที่มี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าศูนย์ และมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) รองหัวหน้าศูนย์ ที่เป็นผู้ขับเคลื่อน เฝ้ามอนิเตอร์จับตาผู้กระทำความผิดทางโซเชียลทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง
        นับว่า เป็นมือเป็นไม้ให้รัฐบาล ถึงแม้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะออกมายืนยันว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์ไม่ได้สนองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการเฝ้าจับตาการกระทำความผิดของทุกคน-ทุกพรรคการเมือง แต่เริ่มการหาเสียงเลือกตั้ง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้แจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การนำเข้าเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ กับ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แชร์ข่าว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐตรีฝ่ายความมั่นคง จิบกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบหลวง ทางเฟซบุ๊กส่วนตัว และมีคนแชร์ต่ออีก 6 คน ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพ์ทั้งหมด โดยให้การปฏิเสธ พร้อมแนะนำให้ตำรวจออกจากร่มเงาทางการเมืองของเหล่า “ท็อปบู๊ต”   
        ให้หลังปิดหีบวันเดียว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รอง ศปอส.ตร.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. จับกุมผู้ต้องหา 9 คน ร่วมกันแชร์ข่าว “ปลดด่วน 2 กกต. สลับรถขนบัตร...อัปยศที่สุดประเทศไทยยัดบัตรผี 600,000 ใบ สลับรถในโรงรถ ปธ.ชี้อาจมีเลือกตั้งใหม่” ในภายใต้ภาพข่าวปลอมนั้น มีรูปนายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี และนายปกรณ์ มหรรณพ เจ้าหน้าที่ กกต.ที่ถูกกล่าวอ้าง จนสร้างความสับสนให้กับประชาชนที่เสพข่าวทางโซเชียล จะด้วยจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่ หวังรายได้จากยอดไลค์หรือยอดแชร์ “บิ๊กโจ๊ก” เตือนไปยังประชาชนเสพข่าวอย่างมีสติ ตรวจสอบแหล่งที่มาของข่าวสารก่อนแชร์หรือส่งต่อ 
        ล่าสุดระหว่างรอการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ ถึงคิวของ ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย หรือ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาชาติ ที่โพสต์เฟชบุ๊กและทวิตเตอร์ “กกต.เตรียมแถลงแจกใบแดงว่าที่ ส.ส. 45 เขต พรรคเพื่อไทย 28 เขต อนาคตใหม่ 15 พลังประชารัฐ 2 เลือกตั้งซ่อม 21 เม.ย. ทำให้ตอนนี้พลังประชารัฐมี ส.ส.เป็นอันดับ 1 จำนวน 115 เสียง เพื่อไทยมี ส.ส. 111 เสียง” ทำให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 บก.ปอท. ดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนที่เจ้าตัวเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนพร้อมให้การปฏิเสธ
        แน่นอนว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐต้องสนองนโยบายของรัฐบาล ผู้มีส่วนได้เสียหรือกองเชียร์ฝั่งตรงข้ามจึงมองว่าเป็นการ เตะตัดขา ด้วยตัวบทกฎหมาย จ้องเล่นงานเฉพาะฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้พ้นทางเดินหรือพยายามทำให้ยุ่งเข้าไว้ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้สะดวกยิ่งขึ้น จะด้วยสารพัดเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ย้ำมาตลอดว่า การบังคับใช้กฎหมาย ไม่ได้เลือกข้าง ศปอส.ตร.เฝ้าติดตามการกระทำความผิดทางโซเชียล ไม่ได้เฝ้าจับตากลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ยืนยันไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร ฝากไปยังประชาชนที่เสพข่าวหรือรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเลือกตั้งมีข่าวเท็จข่าวปลอมออกมาจำนวนมาก ให้ตรวจสอบถึงแหล่งที่มาก่อนแชร์ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี และอาจตกเป็นผู้ต้องหาได้โดยไม่รู้ตัว
        พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับล่าสุดเมื่อปี 61 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกฎหมายฉบับนี้ พล.ท.พงศกร รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ติงว่ามีปัญหาต้องทบทวนทำการแก้ไข เพราะในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรืออเมริกา การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับไซเบอร์มีจุดประสงค์เพื่อให้อำนาจต่อภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันป้องกันการโจมตี ไม่เกี่ยวกับการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือจับประชาชน   
        ต้องดูกันต่อไปว่า ถ้าใครเป็นผู้ที่มีอำนาจทางการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐผู้สนองนโยบายรัฐบาล กฎหมายฉบับนี้จะถูกนำมาใช้อย่างไรหรือแค่เขียนเสือให้วัวกลัว!!!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"