นายกฯ ขอบคุณ ปชช.ร่วมมือแก้ปัญหาฝุ่นไฟป่า ทำสถานการณ์ภาคเหนือดีขึ้น เผยทำหนังสือประสานความร่วมมือ “ลาว-เมียนมา” แล้วขณะที่ มท.1 เร่งทำความเข้าใจเกษตรกรเรื่องการเผา หลังปัญหาหมอกควันลดลง ด้านแม่ทัพน้อยที่ 3 ระบุจุดความร้อน 9 จังหวัดภาคเหนือลดลงต่อเนื่องกว่าร้อยละ 91 หลังนายกฯ สั่งการให้คลี่คลายปัญหาภายใน 7 วัน 
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือว่า ได้รับรายงานทุกวัน สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งขึ้นลงตามสถานการณ์นอกประเทศด้วย และวันนี้ได้ทำหนังสือไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง สปป.ลาว เมียนมา ให้แก้ปัญหาตรงนี้ ทหารกับทหารก็ติดต่อกัน ระดับพื้นที่ก็ติดต่อกัน มีการหารือกับเจ้าหน้าที่เมียนมา และมอบอุปกรณ์ทำงานร่วมกัน 
    "เพราะแก้ปัญหาทำเพียงประเทศเดียวก็แก้ไม่ได้ เพราะมาจากข้างนอกด้วย ก็ต้องช่วยกัน สิ่งสำคัญคืออยากจะฝากขอบคุณประชาชนทุกจังหวัดที่ช่วยกัน และรับมาตรการที่ผมสั่งการไป ดำเนินการไปอย่างดีที่สุด และขอให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในสถานที่จริง ถ้าใครไม่เคยเข้าไปจะไม่รู้ว่าลำบากแค่ไหน ดังนั้นก็ขอให้ระมัดระวังกันด้วย บางพื้นที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกองทัพบก นำเจ้าหน้าที่ลงไปในจุดที่เกิดไฟไหม้และนำน้ำเข้าไปดับ  และได้แนะนำไปว่าพื้นที่ไฟไหม้เยอะ เจ้าหน้าที่เข้าไปไม่ได้เพราะอันตราย ให้ใช้วิธีสร้างแนวกันไฟแทน และขอบคุณหลายหมู่บ้านที่ตั้งอาสาสมัครขึ้นมาช่วย ส่วนคนที่จุดไฟก็ต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว เพราะถือว่าไม่ถูกกฎหมาย แต่บางทีเจ้าหน้าที่จุดตามหลักวิชาการคือ จุดดักหน้าเพื่อไม่ให้ลามเข้ามาในหมู่บ้าน ตรงนี้ต้องแยกแยะให้ออก เขาสอบสวนได้ไม่ต้องกังวล เท่าที่ทราบแนวโน้มดีขึ้น อย่างปฏิบัติการฝนหลวงบินขึ้นทำทุกวันถ้าความชื้นเหมาะสม 
    "อย่างเกษตรกรรม การเข้าไปรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้อง ที่บุกรุก ได้กำชับไปแล้ว ขอความร่วมบริษัทไปแล้ว ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่กล้าแตะต้อง จะไม่กล้าได้อย่างไร รัฐบาลก็ทำแบบนี้แหละ กำชับไปแล้ว อนาคตต้องเดินหน้าไปสู่สินค้าจีไอ ต้องตรวจสอบเป็นสินค้ามาจากพื้นที่ไหน ผิดหรือถูกกฎหมาย" นายกฯ กล่าว
    ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือว่า ความคืบหน้าจากที่มีจุดฮอตปอต หรือจุดที่เกิดความร้อนในวันที่ 2 เม.ย. ที่มีเกือบ 2,000 จุด ขณะนี้เหลือประมาณ 300 จุด ซึ่งพบว่าในหลายพื้นที่มีที่เกิดความร้อนลดลง ส่วนการบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชน ทุกหน่วยงานได้ช่วยกัน ทั้งการฉีดน้ำทำความสะอาดเพื่อดูแลพื้นที่เซฟตี้โซน และการแจกหน้ากากอนามัย 
    "การแก้ไขปัญหาในภาพรวมได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี แต่ยังมีประชาชนบางส่วนที่ทำการเผาป่าอยู่ ดังนั้นจึงต้องสร้างการรับรู้ และต้องใช้เวลาในสร้างความเข้าใจ เช่น ในด้านการเกษตร จะต้องนำตอซังข้าวไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการเผา" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว 
    ที่กองกำลังผาเมือง พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวระหว่างประชุมร่วมทุกฝ่ายในการติดตามคืบหน้าแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาคส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค สน.)สรุปผลการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ช่วง 2-9 เม.ย.62 พบว่าสถานการณ์จุดความร้อนลดลง ตามลำดับ กว่า 91% สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับที่น่าพอใจ 
    ที่ผ่านมามีการจัดกำลังเข้าปฏิบัติงานใน 9 จังหวัดภาคเหนือ 5,791 นาย เป็นกำลังทหาร 1,716 นาย, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ 1,045 นาย, เจ้าหน้าที่ตำรวจ 476 นาย, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 1,505 นาย และจิตอาสา 1,049 นาย มีการใช้อากาศยานในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประกอบด้วยอากาศยานกองทัพบก MI 17 จำนวน 4 เครื่อง, ฮท.212 จำนวน 1 เครื่อง (กองกำลังผาเมือง) โดยสามารถบินดับไฟได้ จำนวน 72 เที่ยว ปริมาณน้ำ 166,800 ลิตร มีพื้นที่ดับไฟ จำนวน 260 ไร่ และอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3 เครื่อง ใช้อากาศยานดับไฟใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 53 เที่ยว ปริมาณน้ำ 26,500 ลิตร, พื้นที่จังหวัดลำปาง 62 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 32,000 ลิตร และจังหวัดเชียงราย 50 เที่ยว ปริมาณน้ำ 25,000 ลิตร 
    นอกจากนี้ ทางศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาคส่วนหน้า ได้รับเครื่องเป่าลมจากกองทัพบก 30 เครื่อง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน คือจะต้องจัดทำแผนการควบคุมไฟป่าและหมอกควันร่วมกันอย่างบูรณาการ โดยยังคงให้จังหวัดเป็นหน่วยหลักจนถึงวันที่ 30 เม.ย.62 ทั้งนี้ แม่ทัพน้อยที่ 3 ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จิตอาสาในทุกพื้นที่ที่ได้ร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งทางศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้าพร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาเต็มที่.