'ปิยบุตร'งัดทั้งใบเสร็จทางด่วนยันตั๋วเครื่องบินฟอกขาว'พ่อฟ้า'โอนหุ้นถูกต้อง


เพิ่มเพื่อน    

22 เม.ย.62- ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แถลงกรณีการถือหุ้นในบริษัท วีลัค-มิเดีย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคว่า  เมื่อมีคนไปแจ้งคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) พรรคอนาคตใหม่รวมถึงนายธนาธรได้เตรียมหลักฐานเพื่อชี้แจงต่อกกต.ตามกระบวนการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก กกต. และเห็นว่ามีการเผยแพร่ข่าวว่าสำนักงานกกต. อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องนี้อยู่และบางสำนักได้เขียนข่าวขอให้กกต.มีมติให้ทันในวันที่ 9 พ.ค. ทำให้มีแรงกดดันไปที่กกต.มากขึ้น และสื่อสำนักนั้นยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าว กกต.ว่าวันนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการช่วยตรวจสอบที่กกต.ตั้งขึ้นมา และจะมีมติในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้

"พรรคกังวลใจว่าการพิจารณาของกกต. อาจขัดกฎหมายที่การพิจารณาจะต้องรับฟังทุกฝ่าย ไม่ใช่การพิจารณาเพียงเอกสารคำร้องที่สื่อรายงานเพียงอย่างเดียว คงจะไม่เกิดความเป็นธรรม นอกจากนี้ก่อนที่นายธนาธรจะเดินทางไปยุโรปได้เตรียมเอกสารและได้มอบอำนาจให้ตัวแทนทีมกฎหมายของพรรคไปยื่นเอกสารที่ กกต.และขอโอกาสเข้าไปชี้แจงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก กกต."

นายปิยบุตร กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 ห้ามไม่ให้ผู้สมัคร ส.ส. ถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน รวมถึงเมื่อเป็นส.ส.แล้ว ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ห้ามถือครองหุ้นเฉพาะตอนที่ได้รับตำแหน่งส.ส.แล้ว ซึ่งตนมองว่าข้อห้ามควรมีตอนที่มีอำนาจแล้ว เพราะตอนเป็นผู้สมัครไม่มีใครทราบว่าจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เมื่อกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ต้องปฏิบัติตาม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เข้าไปครอบงำสื่อ ซึ่งนายธนาธรก็เตรียมตัวในเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี และขออย่าสับสนปนเปตามสื่อบางสำนักรายงาน ว่าการถือครองหุ้นเป็นการเข้าไปแข่งขันกับสัมปทานของรัฐ

"การโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรเสร็จสิ้นเสร็จตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2562 ซึ่งมีเอกสาร เช็คขีดคร่อมการชำระค่าหุ้น ใบหุ้น และตราสารโอนหุ้น ที่แสดงว่ามีการโอนหุ้นจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 ระบุว่าการโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์ด้วยการลงรายมือชื่อ ของผู้โอน ผู้รับโอน และพยาน ซึ่งแสดงว่ามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว และในมาตรา 1129 วรรค 3 ระบุว่า หากจะให้การโอนหุ้นจะมีต่อบุคคลภายนอก จะต้องมีการจดแจ้งในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการดำเนินการโอนหุ้นของนายธนาธร และภรรยา ไปยังนางสมพร ได้มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 นายธนาธรจึงไม่ได้ถือหุ้นนี้อีกต่อไป"

เลขาฯพรรค อนค. กล่าวว่า กรณีสื่อบางสำนักยังพยายามขุดคุ้ยและระบุว่า ในวันที่ 8 ม.ค.นายธนาธร ไม่ได้ร่วมประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ข้อเท็จจริงคือ ในช่วงเช้านายธนาธรยังคงลงพื้นที่ในจังหวัดบุรีรัมย์ และเดินทางกลับมากรุงเทพด้วยรถตู้ในช่วงบ่าย และมีหลักฐานในเสร็จ easy  pass ในการเดินทางในช่วงเวลา 15.00 น. และนายธนาธรมีภารกิจเดินทางสนามบินดอนเมืองต่อไปยังนครศรีธรรมราช ในวันที่ 9 มกราคม ดังนั้นหลักฐานทั้งหมดนี้แสดงว่า ช่วงเช้าปราศรัยและช่วงบ่ายเดินทางกลับมาร่วมประชุม ข้อเท็จจริงนี้หวังว่าสื่อคงมีใจที่เป็นธรรมและกระจ่างชัด ไม่ควรที่จะตั้งข้อสงสัยอีก

จากนั้นในวันที่ 14 มกราคม 2562 นางสมพรได้โอนหุ้นให้กับนายทวีและนายปิติ (นายเอและนายบี) ซึ่งเป็นหลานชายของนางสมพร เพื่อต้องการให้เข้ามาดูแลกิจการและติดตามหนี้สินจากลูกหนี้ค้างชำระ ตามที่ฝ่ายบัญชีของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด  แนะนำว่า หนี้ค้างชำระน่าจะมีการติดตามทวงคืนได้ ยังไม่ให้ปิดบริษัท ทำให้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด  กลับมามีผู้ถือหุ้น 10 คน ต่อมาในวันที่ 18 มี.ค. น.ส.รวิพรรณ ได้ลงนามลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท และให้มีผลในวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งมีการประชุมผู้ถือหุ้นโดยมีวาระ เรื่องแจ้งการลาออกของนายทวีและนายปิติ แจ้งการถือครองหุ้น และมีมติเลิกกิจการบริษัท เนื่องจากฝ่ายบัญชีพบว่า หนี้ที่มีอยู่เป็นหนี้ NPL หรือหนี้เสีย กว่า 11 ล้านบาท จึงตัดสินใจมีมติปิดบริษัท 

จากนั้นในวันที่ 21 มี.ค. นายทวีและนายปิติ รวมถึงผู้ถือหุ้นอีก 3 คน ได้โอนหุ้นคืนให้กับนางสมพรให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารบริษัท ทำให้เหลือหุ้นเพียง 5 คน และวันที่ 21 มี.ค. ทางบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้นำเอกสารไปยื่นต่อกรมธุรกิจการค้า ตาม มาตรา 139 วรรค 2 ที่กำหนดให้ยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นปีละ 1 ครั้ง ภายหลังจากการประชุมสามัญในวันที่ 19 มี.ค.2562 

"เรื่องนี้ควรจบตั้งแต่ 8 มกราคม ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจอีกแล้ว  แต่ในเมื่อยังสืบสาวราวเรื่อง พรรคก็ต้องชี้แจงต่อ และในการตามสืบเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเอกชนไปได้ แต่ในเมื่ออยากจะตรวจสอบก็เอาไปดูกัน และพยานหลักฐานก็ชัดเจนทั้งหมด มีข้อสงสัย ของสื่อบางสำนักและผู้สนใจ ว่า โอนหุ้นเสร็จในวันที่ 8 มกราคม แต่ไปยื่นวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งสมัครส.ส.ไปแล้ว ขอบอกว่า การโอนหุ้นมีผลทางกฎหมายไปหมดแล้ว เป็นเพียงขั้นตอนการแจ้ง ไม่เกี่ยวกับการถือหุ้นของนายธนาธรเลย ประเด็นปัญหาเรื่องนี้ไม่ควรจะบายปลายขนาดนี้" 

ถามว่า เกรงว่า กกต.จะประวิงเวลาในการตรวจสอบจนไม่สามารถรองรับสถานะ ส.ส. ของ นายธนาธร ในวันที่ 9 พ.ค. หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า หากพิจารณาด้วยจิตใจเป็นธรรม เมื่อเห็นหลักฐานการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. เห็นแค่นี้ต้องมีมติทันทีแล้วว่า เรื่องนี้ไม่มีมูล จากหลักฐานต่างๆครบถ้วน และไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่ต้องตั้งคณะกรรมการช่วยตรวจสอบ นอกจากนี้การที่ทางคณะกรรมการดังกล่าวไปขอหลักฐานตามหน่วยงานๆ ตามที่ปรากฎออกมาเป็นข่าว แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยังไม่ได้รับโอกาสชี้แจงเลย ทั้งที่เรื่องนี้ควรจบไปตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเราต้องขอความเป็นธรรมในการนำเอสารหลักฐานจากทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพิจารณาด้วย 

ซักว่า ได้เผื่อใจไว้หรือไม่ว่า นายธนาธร อาจไม่ได้เป็น ส.ส. นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่เคยกังวล หากบ้านเมืองนี้ปกครองกันโดยยึดกฎหมาย และความยุติธรรมอย่างแท้จริง หากองค์กรที่ชื่อว่าเป็นองค์กรอิสระ เป็นอิสระอย่างแท้จริง ตนมั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางทำอะไรได้ อย่างไรก็ตกแน่นอน

ถามต่อว่า หากกกต.มีมติออกมา เป็นใบส้ม จากกรณีดังกล่าว ทางพรรคจะดำเนินการอย่างไนต่อไป นายปิบุตร กล่าวว่า เรามั่นใจ ว่า กกต.เป็นธรรม เช่นเดียวกับเอกสารหลักฐานทั้งหมด เรียนง่ายๆว่า ให้สื่อมวลชนไปถามผู้เชี่ยวชาญที่เขียนกฎหมายหุ้นส่วน ปัญหาคือ ที่ผ่านมามีสื่อบางสำนักเสนอข่าวนี้อยู่ฝ่ายเดียว เนื้อหาข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีอะไรเยอะ แค่พาดหัวคนละแบบกันในแต่ละวัน จนคนสับสนว่าเรื่องนี้คือเรื่องอะไร แต่เราก็แน่ใจว่าจะไม่โดนใบส้มอะไรทั้งสิ้น
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"