Effect หากธนาธรไม่รอด รุนแรง-สะเทือน อนค.


เพิ่มเพื่อน    

    ต้องติดตามกันว่า คำชี้แจงเพื่อเคลียร์ตัวเองอย่างเป็นทางการของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งจะกลับมา 25 เม.ย.นี้ ต่อกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาธนาธร หลัง กกต.เห็นว่ามีหลักฐานเบื้องต้นฟังได้ว่า ธนาธรเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จำนวน 675,000 หุ้น อันเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 42 (3) อันเป็นกระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง

  เบื้องต้น ธนาธร สื่อสารผ่านการโพสต์คลิปในเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนเดินทางกลับถึงไทยหนึ่งวัน ระบุตอนหนึ่งว่า

"ทุกคนไม่ต้องห่วง เพราะยังมีกำลังจิตกำลังใจที่แข็งแรง สปิริตยังเข้มแข็ง ไม่ใช่แค่ผม แกนนำพรรคและชาวอนาคตใหม่ทุกคนยังเชื่อในความบริสุทธิ์ของพวกเรา และเชื่อว่าคดีนี้เป็นความมุ่งหวังที่จะทำลายกันทางการเมือง เราจะขอเดินหน้าสู้คดีด้วยความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ

คาดหมายกันว่า หลังธนาธรกลับมา ก็คงใช้เวลาหารือพูดคุยกับแกนนำพรรคอนาคตใหม่บางส่วน และที่สำคัญการคุยกับฝ่ายกฎหมายและทนายความส่วนตัว เพื่อดูเอกสารที่ กกต.แจ้งข้อกล่าวหา และศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแก้ข้อกล่าวหา เพื่อคุยกรอบกว้างๆ ว่า จะสู้คดีอย่างไร จะเดินทางไปชี้แจงกับ กกต.ในวันไหน จะเป็นสัปดาห์นี้เลยหรือจะเป็นสัปดาห์หน้า จากนั้นธนาธรคงมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อขอบคุณแฟนคลับ-ผู้ให้กำลังใจ และแถลงเคลียร์ตัวเองต่อสาธารณชนต่อไปว่า การครอบครองหุ้น-การโอนหุ้นดังกล่าวของตนเอง ในบริษัทวีลัคฯ ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และจะมีแนวทางการต่อสู้อย่างไรต่อจากนี้ ส่วนชี้แจงแล้วจะฟังหรือไม่ขึ้น ก็อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณา เพราะปมปัญหาดังกล่าวธนาธรและคนพรรคอนาคตใหม่ มีการชี้แจงแล้วหลายรอบ

บนการจับตามองว่า ผลลัพธ์สุดท้ายของคำร้องที่ให้สอบหุ้นธนาธรดังกล่าว หากธนาธรแจงไม่เคลียร์ จน กกต.อาจจะให้ ใบส้ม หรือใบแดงชั่วคราว มีอายุ 1 ปี ที่เป็นอำนาจใหม่ของ กกต. จากเดิมที่มีแค่ใบเหลือง-ใบแดง ที่จะมีผลทำให้ธนาธรอดเข้าสภา หลัง 9 พ.ค. และจากนั้น กกต.ก็จะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป เพื่อให้ศาลพิจารณาสำนวนและสั่งให้เปลี่ยนใบส้มเป็นใบแดง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว ธนาธรจะได้โอกาสสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

กรณีของธนาธรมีการกางข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะอยู่ใน พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. หลักๆ ก็คือ มาตรา 132 ที่เป็นเรื่องของ ใบส้มโดยบัญญัติว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้าคณะกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนของ กกต. เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทําการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทํา สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทําการดังกล่าว หรือรู้ว่ามีการกระทําดังกล่าวแล้วไม่ดําเนินการเพื่อระงับการกระทํานั้นให้ กกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครที่กระทําการเช่นนั้นทุกรายไว้เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปี นับแต่วันที่ กกต.มีคําสั่ง

และในมาตราเดียวกันยังบัญญัติอีกว่า ถ้าการกระทําของบุคคลตามวรรคหนึ่ง ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมืองหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลยหรือทราบถึงการกระทํานั้นแล้วมิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการดําเนินการเสนอคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น โดยหากศาลมีคําสั่งให้ยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ให้ศาลมีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นด้วย ในตอนท้ายยังบัญญัติอีกว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดแล้ว ให้คณะกรรมการพิจารณาดําเนินการให้มีการดําเนินคดีอาญาแก่ผู้สมัครหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้นั้นด้วย

นอกจากนี้ยังมีในมาตรา 151 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.ที่บัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งฯ ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี

จะเห็นได้ว่า หากธนาธรไม่รอด กกต.ให้ใบส้ม ต้องพ้นจากการเมือง-การเลือกตั้ง ส.ส.ไปหนึ่งปี เรื่องยังไม่จบแค่นั้น แต่ยังมี Effect ทางข้อกฎหมายตามมาอีกเป็นขบวนทั้งเรื่องคดีอาญาของตัวเอง กรณีรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิลงสมัคร เพราะโอนหุ้นหลังวันสมัครรับเลือกตั้ง ที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังลงสมัคร และความเสี่ยงที่อนาคตใหม่จะโดนยุบพรรค และกรรมการบริหารพรรคอาจโดนตัดสิทธิการเมืองตามธนาธรไปด้วย

ดังนั้น เส้นทางการสู้คดีของธนาธรจึงแบกทั้งอนาคตของตัวเอง และความเสี่ยงของพรรคอนาคตใหม่ที่ตัวเองสร้างมากับมือด้วย รวมถึงความเสี่ยงของลูกทีมที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ที่จะโดนตัดสิทธิการเมืองและถูกดำเนินคดีอาญาพ่วงตามธนาธรไปด้วย

ด้วยเหตุนี้ ธนาธรจึงอยู่ในสภาพเป็นเดอะแบก ของอนาคตใหม่ ที่ต้องสู้ยิบตาให้ตัวเองรอดพ้นในคำร้องเรื่องนี้ไปให้ได้ เพื่อให้ตนเองและพรรคอนาคตใหม่ อยู่บนถนนการเมืองได้อีกต่อไป ส่วนเรื่องอนาคต ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่ จะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลของขั้วเพื่อไทยหรือไม่ เชื่อได้ว่า ธนาธร-อนค.คงไม่มองไกลไปถึงขั้นนั้นแล้ว เพราะลำพังอนาคตตัวเอง ก็ไต่อยู่บนเส้นลวด มีความเสี่ยงสูงที่อาจไปไม่ถึงดวงดาว อดเข้าสภา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"