บรมราชาภิเษก


เพิ่มเพื่อน    

  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลขาธิการพระราชวังเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร มายังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พร้อมเสด็จฯ ทรงนมัสการพระแก้วมรกต ถวายบังคมพระบรมอัฐิ-พระอัฐิที่หอพระธาตุมณเฑียร มหามงคลพระสังฆราชทรงจุดเทียนชัยประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พสกนิกรใส่เสื้อเหลืองเฝ้าฯ รับเสด็จ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง 

    เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.54 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปตั้งแต่ง ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง
    การนี้ เจ้าพนักงานเตรียมการตั้งแต่งที่หมู่พระมหามณเฑียร มีพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย กับตั้งแต่งสถานที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และที่โรงพิธีพราหมณ์ ณ ศาลาสหทัยไว้พร้อม 


    พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล  จากธรรมาสน์ศิลาไปยังเกยประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเชิญประดิษฐานบนพระราชยานกง สำหรับพระราชยานกงทำด้วยไม้แกะสลักปิดทอง ประดับผ้าที่ฐาน มีกงสำหรับวางแขนและพนักพิง เป็นพระราชยานแบบประทับห้อยพระบาท มีคานหามสองคานกับแอกและลูกไม้สำหรับหาม ใช้คนหาม 8 คน ใช้สำหรับทรงในเวลาปกติ และการเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนราบในครั้งนี้ ใช้สำหรับประดิษฐาน พระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
    จากนั้นเวลา 10.05 น. เคลื่อนพระราชยานกงเข้าสู่ริ้วขบวนเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร ที่ตั้งริ้วรอยาตราขบวน โดยมีการจัดกำลังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนนำริ้ว และส่วนพระราชยาน มีการแต่งกายตามโบราณราชประเพณี มีเครื่องสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ ในราชสำนัก เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นรามาธิบดี แล้วยาตราไปตามถนนหน้าศาลาสหทัยสมาคม เลี้ยวตามถนนจักรีจรัญเข้าประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนอมรวิถี จากนั้นพระราชยานกงเทียบเกยหน้าประตูทวารเทเวศรรักษา รวมระยะทาง 220 เมตร


    ต่อมาเวลา 10.15 น. พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรลงจากพระราชยานกง เข้าทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วขึ้นไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ตั้งอยู่ริมผนังด้านตะวันออกเป็นที่ประดิษฐานเครื่องบรมราชาภิเษกหมวดต่างๆ ได้แก่ หมวดสิ่งสักการะพระพุทธรูปสำคัญ, หมวดพระเจ้า, หมวดพระราชสิริ,หมวดเครื่องพระมุรธาภิเษก, หมวดเครื่องต้น, หมวดเครื่องพิชัยสงคราม, หมวดพระแสง, หมวดเครื่องสูง และหมวดเครื่องราชูปโภค ที่ตั้งแต่งอยู่ในพระแท่นมณฑล เตรียมการเพื่อการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกวันที่ 4 พ.ค. ฤกษ์เวลา 10.09-12.00 น. ภายในพระบรมมหาราชวัง สำหรับพระสุพรรณบัฏ  ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ถือเป็นหมวดพระราชสิริ
    กระทั่งเวลา 16.12 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 


    รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จฯ ไปยังพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนพระมหามงคล 1 คู่ ตั้งอยู่บนธรรมาสน์ศิลา, เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างธรรมาสน์ศิลา ด้านพระด้านพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ เทียนเท่าพระองค์ในตู้ข้างธรรมาสน์ศิลา ด้านพระพุทธเลิศหล้านภาไลย จากนั้นทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ เสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย 


    เวลา 16.36 น. รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่พระทวารเทเวศรรักษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ เข้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี,  สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์  อัครราชกุมารี, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ประทับรอ โดยมีคุณพลอย ไพลิน เจนเซน, คุณเดวิด วีลเลอร์ และคุณสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าฯ รับเสด็จ


    เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 45 รูป ที่จะเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งบนอาสน์สงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว ทรงจุดเทียนชนวนจากโคมไฟฟ้า ทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ด้านทิศตะวันออก เทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ด้านทิศตะวันตก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารรัชกาลที่ 1-9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร พ.ต.อ.ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม มหาดเล็กเชิญพระแสงดาบคาบค่ายตามเสด็จ เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 30 รูป ที่จะเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งบนอาสน์สงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณเรียบร้อยแล้ว 
ถวายบังคมพระบรมอัฐิฯ


    จากนั้นเสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิรวม 22 พระโกศ ได้แก่ สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1, สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี, พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  รัชกาลที่ 2, สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี, พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3, สมเด็จพระศรีสุลาลัย, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4, สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี,   พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6, พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7, สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9, สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร, สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพ็ชรบุรีราชสิรินธร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 


    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกจากหอพระธาตุมณเฑียร เข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ แล้วทรงยืนประเคนพัดรองที่ระลึกฯ แด่รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะจนครบ 95 รูป จากนั้นเสด็จไปพระแท่นมณฑล ทรงจุดเทียนชนวนจากโคมไฟฟ้า ทรงจุดเทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ข้างพระแท่นมณฑลด้านทิศเหนือ ทรงจุดเทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ข้างพระแท่นมณฑลด้านทิศใต้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงรับการถวายเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระอาสน์ ทรงศีล สมเด็จพระสังฆราช ถวายศีลจบ 


    เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราช ทางพระทวารเทวราชมเหศวร ไปที่ตู้เทียนชัย ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย 
    เวลาพระฤกษ์ 16.19-18.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมเทียนชัย ทรงรับเทียนชนวนจากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงจุดไฟจากโคมไฟฟ้า ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน แล้วทรงถวายเทียนชนวนแด่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงรับเทียนชนวนแล้วบริกรรมคาถา แล้วทรงจุดเทียนชัยในตู้เทียนชัย แล้วถวายคืน   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับเทียนชนวนแล้วพระราชทานคืนจากพนักงานพระราชพิธี สมเด็จพระสังฆราช ทรงเทียนชัย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา จุดเทียนชัย ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ 


    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราชทางพระทวารเทวราชมเหศวร สมเด็จพระสังฆราชกลับไปประทับอาสน์สงฆ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับพระราชอาสน์ที่เดิม ในการนี้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเทียนชนวน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหยิบเทียนชนวนจุดไฟจากโคมไฟฟ้า ซึ่งเจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุดให้ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธีเชิญไปจุดบูชาพระมหาเศวตฉัตร 10 แห่ง ได้แก่ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย, พระที่นั่งไพศาลทักษิณ, พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท, พระที่นั่งอนันตสมาคม, พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท, พระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน 2 องค์, ปราสาทเทพบิดร, ห้อง ว.ป.ร.พระที่นั่งอัมพรสถาน, พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเชิญไปจุดบูชาที่ปูชนียสถานสำคัญ 9 แห่ง ได้แก่ หุ่นพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 (ห้องภูษามาลา), เทวสถานพระอิศวร โบสถ์พราหมณ์, เทวสถานพระนารายณ์ โบสถ์พราหมณ์, เทวสถานพระพิฆเนศวร โบสถ์พราหมณ์, เทวรูป ณ หอเชือก กรมศิลปากร, พระหลักเมือง ศาลหลักเมือง, พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี เจ้าหอกลอง เจ้าเจตคุปต์, เทวรูป ณ หอแก้วพระภูมิ ข้างกำแพงพระที่นั่งบรมพิมาน และเทวรูป ณ ตึกดิน อยู่ในโรงเรียนสตรีวิทยา 


    เจ้าพนักงานศุภรัต อาราธนาพระปริตร พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยืนบนอาสนะลาดผ้าขาวด้านซ้ายพระสยามเทวาธิราชท้ายอาสน์สงฆ์ด้านตะวันออก คล้องด้ายสายสิญจน์ซึ่งโยงมาจากยันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อ่านประกาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจบ เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ 30 รูป และในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อถึงบทเสกน้ำพระพุทธมนต์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนที่ฝากรอบพระกริ่ง จากนั้นเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญครอบพระกริ่งไปตั้งที่หน้าสมเด็จพระสังฆราช เสด็จฯ ไปทรงประเคนครอบพระกริ่งแด่สมเด็จพระสังฆราช ประทับพระราชอาสน์ที่เดิม เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ที่พระหัตถ์ด้วยพระมหาสังข์พิธีพราหมณ์ ถวายใบมะตูมทรงทัด ขณะนี้พราหมณ์เป่าสังข์


    พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณทูลเกล้าฯ ถวายใบสมิต ใบมะม่วง 25 ใบ 1 ช่อ เป็นใบไม้ป้องกันภยันตราย ทรงรับแล้วทรงปัดพระองค์แล้วพระราชทานคืน พราหมณ์เป่าสังข์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณทูลเกล้าฯ ถวายใบสมิต ใบทอง 32 ใบ 1 ช่อ เป็นใบไม้ป้องกันอุปัทวันตราย ทรงรับแล้วทรงปัดพระองค์แล้วพระราชทานคืน พราหมณ์เป่าสังข์ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ถวายใบสมิต ใบตะขบ 96 ใบ 1 ช่อ เป็นใบไม้ป้องกันโรคันตราย ทรงรับแล้วทรงปัดพระองค์แล้วพระราชทานคืน พราหมณ์เป่าสังข์ เสด็จฯ ไปทรงประเคนผ้าไตรและย่ามที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ แล้วทรงยืนประเคนผ้าไตรและย่ามที่ระลึกฯ แด่รองสมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ จนครบ 95 รูป ซึ่งเดินเข้ามารับจนหมด เสด็จฯ ไปประทับพระราชอาสน์ที่เดิม พระสงฆ์ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง


    จากนั้นเสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเงิน เทียนทองบูชาสยามเทวาธิราช ทรงกราบ เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะเทวดารักษาพระมหาเศวตฉัตร และทรงจุดเทียนที่บัตรเทวดานพเคราะห์ ทรงคม เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งภัทรบิฐ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะเทวดารักษาพระมหาเศวตฉัตร ทรงคม เสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งภัทรบิฐไปยังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เข้าพระทวารท้องพระโรงหน้า ด้านตะวันตก ผู้ที่จะถวายน้ำอภิเษกในวันรุ่งขึ้น และโหรหลวงประจำทิศ เข้าประจำที่รอบพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ระหว่างนั้นผู้ที่จะถวายน้ำอภิเษกจุดเทียนบูชาพระแท่นอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ โหรหลวงจุดเทียนปักที่ขันสาครแล้วมานั่งสวดบูชาเทวดานพเคราะห์ประจำทิศ กับผู้ที่จะถวายน้ำอภิเษก เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 5 รูป ขึ้นนั่งบนพระแท่นราชบรรจถรณ์ ในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เรียบร้อยแล้ว


    สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เข้าห้องบรรทมในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่บนพระแท่นราชบรรจถรณ์ ทรงกราบ ประทับพระราชอาสน์ ณ ห้องกลาง ทรงสวมพระมหามงคล ทอดถวายไว้บนโต๊ะ พระสงฆ์ 5 รูปซึ่งนั่งบนแท่นราชบรรจถรณ์เจริญพระพุทธมนต์ เฉลิมพระราชมณเฑียรจบ ทรงเปลื้องพระมหามงคลแล้ว พระสงฆ์ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ บนพระแท่นราชบรรจถรณ์ เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าพระแท่นมณฑล และที่หน้าพระสยามเทวาธิราช เสด็จลงจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จฯ ไปทรงกราบพระพุทธรูปที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนเงิน เทียนทอง เครื่องบูชากระบะมุก ณ พระแท่นสวดภาณวาร พระสงฆ์นั่งปรกและสวดภาณวารตลอด  เสด็จฯ ออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทางพระทวารเทเวศรรักษา ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 
ปชช.พร้อมใจใส่เสื้อเหลือง


    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม บริเวณข้างพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองมาเฝ้าฯ รอรับเสด็จในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก  บางคนถือพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับเปล่งเสียงทรงพระเจริญกันอย่างกึกก้อง
    ทั้งนี้ ในวันที่ 4 พ.ค. เวลา 11.00 น. กองทัพเรือจะเชิญเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ออกจากอู่หมายเลข 1 อู่ทหารเรือ ธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ไปจอดเทียบท่าราชวรดิฐ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างเพื่อเป็นการถวายเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศตามโบราณราชประเพณี และจอดเทียบท่าจนถึงวันที่ 6 พ.ค.2562 โดยกองทัพเรืออำนวยความสะดวกประชาชนในการชมและถ่ายภาพเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ณ บริเวณสนามหญ้าข้างพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยในแต่ละวัน ดังนี้ วันที่ 4 พ.ค. เวลา 12.00-20.00 น. ระหว่างพระราชพิธีออกมหาสมาคม เวลา 14.00 น. ประชาชนสามารถอยู่ในสนามหญ้าข้างพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยด้วยอาการสงบ
    วันที่ 5 พ.ค. ระหว่างเวลา 12.00-19.30 น. โดยตั้งแต่เวลา 19.30 น. กองทัพเรือจะเชิญประชาชนไปรอเฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จฯ เลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราสถลมารคในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ โดยริ้วขบวนจะผ่านท่าราชวรดิฐเวลาประมาณ 21.00 น. และวันที่ 6 พ.ค. เวลา 12.00-20.00 น. ระหว่างพระราชพิธีเสด็จออก ณ สีหบัญชร เวลา 16.30 น. ประชาชนสามารถอยู่ในสนามหญ้าข้างพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เพื่อชมและถ่ายภาพเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โดยสามารถเข้าชมได้ครั้งละ 250 คน
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค.62 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และร่วมกิจกรรมที่แต่ละจังหวัดจัดขึ้น โดยทุกคนจะร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทยอย่างพร้อมเพรียงกัน 
    พล.ท.วีรชนกล่าวว่า นายกฯ ย้ำว่าขณะนี้การเตรียมการพระราชพิธีทุกอย่างพร้อมแล้ว และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนจำนวนมากที่จะเดินทางไปร่วมเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ทั้งในเรื่องความปลอดภัย การจราจร การแพทย์ อาหาร น้ำดื่ม และห้องสุขา ให้ดีที่สุดและเพียงพอต่อความต้องการ ส่วนผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางก็สามารถรับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีสำคัญนี้ได้ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
    "นายกฯ ปลาบปลื้มใจที่เห็นทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และจิตอาสา พร้อมใจกันจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยทุกหมู่เหล่ารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 สถาบันหลักของชาติ ในนามของรัฐบาลและพสกนิกรชาวไทย ขอถวายพระพรแด่องค์พระประมุขของชาติให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สถิตเป็นมิ่งขวัญของแผ่นดินไทยสืบไป" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ขณะที่ในเวลา 18.00 น. สถานีโทรทัศน์ทุกสถานี ได้เผยแพร่วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติรูปแบบใหม่ มีความยาว 1 นาที 16 วินาที 
    นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เผยแพร่วีดิทัศน์ประกอบเพลงชาติรูปแบบใหม่ผ่านสถานีโทรทัศน์ทุกสถานีในเวลา 18.00 น. โดยวีดิทัศน์ดังกล่าวจะมีเนื้อหาของภาพที่แสดงถึงพลังและความรู้สึกรักชาติแบบสมัยใหม่ของชายหญิง ต่างจากอันเดิมที่มีภาพการสู้รบ และยังเพิ่มภาพพลเรือน เกษตรกร ชาวประมง ผู้นำศาสนา เพื่อให้เห็นความรักชาติในทุกมิติ รวมถึงความมีวินัยของเด็กนักเรียน 
    "มีการเปลี่ยนรูปภาพประกอบวีดิทัศน์และปรับทำนองเพลงให้มีพลังและรู้สึกถึงความรักชาติ ไม่ให้แข็งเหมือนทำนองเดิม แต่ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหาเพลงชาติ สำหรับหน่วยงานเอกชนและภาครัฐที่จะต้องใช้เพลงชาติ สามารถนำวีดิทัศน์ไปใช้ได้เลย" นางพัชราภรณ์กล่าว
    ปลัดสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะมีการเปลี่ยนรูปจากพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ซึ่งจะมีการทำขึ้นใหม่ทันที.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"