149 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ เข้าทาง "พปชร.” ดีลตั้ง รบ.-รอมติพรรค ปชป.


เพิ่มเพื่อน    

 

สุดท้ายแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ตัดสินใจใช้สูตรคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ด้วยสูตรพรรคการเมืองที่แม้จะได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คนหรือ 71,000 คะแนน ก็ให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

ส่งผลให้การประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของ กกต.เมื่อวันพุธที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีพรรคการเมือง ได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อรวมกันทั้งสิ้น 26 พรรค แยกเป็นดังนี้

พรรคพลังประชารัฐ 18 คน, พรรคอนาคตใหม่ 50 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 19 คน, พรรคภูมิใจไทย 12 คน, พรรคเสรีรวมไทย 10 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 4 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน, พรรคประชาชาติ 1 คน, พรรคเพื่อชาติ 5 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4 คน, พรรคชาติพัฒนา 2 คน, พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน, พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน, พรรคพลังชาติไทย 1 คน

ส่วนพรรคการเมืองที่ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส.ส. 1 คน หรือกว่า 7 หมื่นคะแนน ที่ได้รับการจัดสรร ส.ส. พรรคละ 1 คน มีทั้งสิ้น 11 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม รวมหมดทั้งสิ้น 149 รายชื่อ

ผลที่ออกมาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลของขั้วพลังประชารัฐกุมความได้เปรียบเหนือพรรคเพื่อไทยมากขึ้น หากสุดท้ายดีลการเจรจาต่อรองรวมเสียงตั้งรัฐบาลที่แกนนำพลังประชารัฐ รวมถึงระดับ พลเอก ในขั้วอำนาจ คสช. ได้ติดต่อทาบทามพรรคขนาดเล็กๆ ไว้หลายสัปดาห์แล้ว ไม่ว่าจะเป็น พลังท้องถิ่นไท ของชัชวาลย์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน ที่แนบแน่นกับสมคิด จาตุศรีพิทักษ์-พรรครักษ์ผืนป่าฯ ของดำรงค์ พิเดช อดีตสมาชิก สปช. สายบิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคเล็กที่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคละหนึ่งเก้าอี้ ทุกอย่างลงตัวตามที่ได้คุยกันไว้ แม้อาจจะมีบางพรรคแตกแถวไปบ้าง แต่หากดูจากจำนวน ส.ส.ระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ที่พรรคการเมืองสายขั้วพลังประชารัฐ ซึ่งแกนนำพรรคและแกนนำ คสช.ไปดีลเอาไว้ ทั้งภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนา-รวมพลังประชาชาติไทย ผสมกับพรรคเล็กที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์พรรคละหนึ่งเก้าอี้ ย่อมทำให้แกนนำพลังประชารัฐและบิ๊กรัฐบาล คสช. มั่นใจมากขึ้นว่ารอเป็นรัฐบาลชัวร์แล้ว และน่าจะเอาชนะเพื่อไทยได้ตั้งแต่ยกแรกใน ศึกเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเกือบๆ ปลายเดือน พ.ค.

แน่นอนว่า การตัดสินใจของ กกต.ที่ใช้สูตรให้พรรคได้ต่ำกว่า 7 หมื่นคะแนน ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ทำให้เสียงของพลังประชารัฐและแนวร่วมบางส่วนก็หายไปเช่นกัน โดยเฉพาะ ซุป'ตาร์ ที่ก่อนหน้านี้มีชื่ออาจได้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคแนวร่วมขั้วพลังประชารัฐ อย่าง มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 19 ของพลังประชารัฐเอง หรือ ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร ที่อยู่อันดับ 20 ของประชาธิปัตย์ อดเข้าสภาฯ จากสูตรของ กกต.

ทว่าผลทางการเมืองที่ได้มันคุ้มค่าและเข้าทางพลังประชารัฐมากกว่า เพราะทำให้พรรคแนวร่วมเพื่อไทย เสียงหายไปหลายเก้าอี้ โดยเฉพาะ อนาคตใหม่ ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โควตาปาร์ตี้ลิสต์หายไปจากเดิมที่เคยคาดการณ์กันไว้ร่วม 7 เก้าอี้ เช่นเดียวกับพรรคเสรีรวมไทย ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จากที่เคยคาดว่าจะได้ 11 ก็เหลือ 10 คน แต่ทำให้พรรคแนวร่วมของขั้วพลังประชารัฐทั้ง 11 พรรคเล็ก และพลังท้องถิ่นไท-รักษ์ผืนป่าฯ ได้เพิ่มมาพรรคละหนึ่งเก้าอี้

ทุกอย่างจึง Open game ลงล็อก เข้าทางพลังประชารัฐมากกว่าฝ่ายขั้วเพื่อไทยในศึกชิงตั้งรัฐบาล

ด้วยเหตุนี้ แม้ กกต.จะประกาศรับรองผล-รายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไปแล้ว แต่ฝ่ายขั้วเพื่อไทย-อนาคตใหม่ ไม่ยอมง่ายๆ ลูกติดพัน หวังเอาผิด กกต.และเตะสกัดการตั้งรัฐบาลของขั้วพลังประชารัฐยังจะมีตามมาต่อเนื่อง

เห็นได้จากปฏิกิริยาตอบโต้ทางการเมืองอย่างรวดเร็วของขั้วเพื่อไทย ที่ออกแถลงการณ์ทันทีในช่วงหัวค่ำวันที่ 8 พ.ค. หลัง กกต.รับรองรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์

โดยแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยที่คัดค้านวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ กกต.ระบุตอนหนึ่งว่า

           "พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวมา ของ กกต.ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. การดำเนินการดังกล่าวของ กกต.เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และจะใช้ช่องทางดำเนินการตามกฎหมายต่อ กกต. ในทุกช่องทางที่จะทำได้ต่อไป"

ขณะที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ขู่ไปถึง กกต.ว่า หากพรรคการเมืองเสียหายโดยตรง มีว่าที่ ส.ส.แล้วไม่ได้เป็น ส.ส. ก็สามารถอาศัยช่องทางตามกฎหมายฟ้องร้อง กกต.ได้ เพราะการที่ กกต.จะใช้สูตรพรรคได้ต่ำกว่า 71,000 คะแนนได้ ส.ส. ทำให้พรรคอนาคตใหม่เสียที่นั่ง ส.ส.ไปประมาณ 7-8 ที่นั่ง

พรรคฝ่ายประชาธิปไตยก่อนหน้านี้รวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 251 เสียง หากใช้สูตร 27 พรรค จะทำให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหลือประมาณ 240 กว่าเสียงท่าทีเลขาธิการพรรค อนค.ที่เริ่มยอมรับสภาพการเตรียมเป็นพรรคฝ่ายค้าน

ปฏิกิริยาอาการของ เพื่อไทย-อนาคตใหม่ ที่แม้จะยอมรับสภาพแล้วว่า โอกาสจะรวมเสียงเกิน 250 เสียง ยิ่งใกล้เปิดประชุมสภาฯ นัดแรก เพื่อเลือกประธานสภา โอกาสก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็น่าจะพยายามเตะสกัดพลังประชารัฐให้ได้มากที่สุด

ดังนั้น แม้ กกต.จะปิดจ๊อบแรก รับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ไปแล้ว แต่เรื่องคงไม่จบง่ายๆ ฝ่าย 7 เสือ กกต. นับจากนี้ ก็เตรียมตั้งป้อมเคลียร์การใช้อำนาจของตัวเองให้ดี หลังเพื่อไทย-อนาคตใหม่ยืนยันจะเดินหน้าเอาผิด กกต.

ขณะที่การตั้งรัฐบาล เมื่อทุกอย่างดูจะเข้าทางพลังประชารัฐพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการตั้งรัฐบาลและคัมแบ็กกลับมาเป็นนายกฯ กระนั้น การแถลงจับมือตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ หลังมั่นใจว่ารวมเสียงได้เกิน 250 เสียง คงต้องรอมติพรรคสีฟ้า-ประชาธิปัตย์ ที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะประชุมลงมติตัดสินใจเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ หลัง 15 พ.ค. ที่ได้ตัวหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรรค อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งดูแล้ว ความเป็นไปได้ที่ ปชป.จะแถลงร่วมรัฐบาล มีสูงกว่าที่จะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"