รุมสับกกต.แจกปาร์ตี้ลิสต์ ยํ้าขัดรธน.จ่อฟ้องทุกศาล


เพิ่มเพื่อน    

 ส.ส.เขตทยอยรายงานตัว 3 วัน 179 คน "บิ๊กตู่" ไม่พูดมาก โชคดีทุกคน ขณะที่หลายพรรคการเมืองรุมสับ กกต.ใช้สูตรปาร์ตี้ลิสต์ ขัดรัฐธรรมนูญ นักร้องจ่อฟ้องเพียบ อนาคตใหม่จ่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ ส่วน "ศรีสุวรรณ" ร้องศาลปกครอง 

    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันที่ 9 พฤษภาคม ยังคงมี ส.ส.แบบแบ่งเขตทยอยเข้ารับใบรับรอง ส.ส. เพื่อไปรายงานตัวที่สภา โดยยอดรวม 3 วัน มี ส.ส.แบบแบ่งเขตเข้ารับใบรับรองแล้ว 179 คน ในจำนวนดังกล่าว เป็นผู้ที่มาติดต่อขอรับใบรับรองในวัน 9 พ.ค. จำนวน 91 คน 
    ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 37 คน, เพื่อไทย 24 คน, ภูมิใจไทย 13 คน, ประชาธิปัตย์ 6 คน, อนาคตใหม่ 6 คน และประชาชาติ 5 คน ส่วน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเข้ารับใบรับรองวันนี้เป็นวันแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 61 คน ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 10 คน, อนาคตใหม่ 22 คน, ประชาธิปัตย์ 8 คน, ภูมิใจไทย 1 คน,  ชาติไทยพัฒนา 4 คน, ประชาชาติ 1 คน, เพื่อชาติ 2 คน, รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน, พลังท้องถิ่นไท 3 คน, รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 1 คน, พลังปวงชนไทย 1 คน, ประชาภิวัฒน์ 1 คน, ไทยศรีวิไลย์ 1 คน, พลังไทยรักไทย 1 คน, ครูไทยเพื่อประชาชน 1 คน, ประชาธรรมไทย 1 คน, ประชาธิปไตยใหม่ 1 คน และพลังธรรมใหม่ 1 คน
    สำหรับจังหวัดที่ยังไม่มี ส.ส.เข้ารับใบรับรองเลย มีจำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ตราด บึงกาฬ พระนครศรีอยุธยา พิจิตร แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร สิงห์บุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย อุทัยธานี อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ยโสธร และสตูล
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ก็เป็นเรื่องของ กกต. หน้าที่ของใครก็ของใคร ขอบคุณนะ โชคดีทุกคน 
    ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.ว่า การคิดคำนวณของ กกต.ที่คำนึงถึงพรรคเล็ก พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ พรรคเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เมื่อกฎหมายประเทศไทยเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร ก็ต้องดำเนินการตามอย่างเคร่งครัด จะไปตีความเจตจำนงไม่ได้
    "เราเห็นว่าวิธีคำนวณของ กกต.ตีความเกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้มีส่วนได้เสียต่อคะแนน ส.ส. เมื่อกฎหมายเขียนไว้ชัดว่าพรรคการเมืองจะมี ส.ส.เกินที่พึงมีได้ การที่พรรคเล็กซึ่งมีสัดส่วน ส.ส.ไม่ถึง 1 คน แล้วไปตีความให้กลายเป็นมีส.ส.ไม่ได้ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุไม่ได้รับรองการกระทำของ กกต. เมื่อ กกต.กระทำตีความเกินรัฐธรรมนูญก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทุกช่องทางที่กฎหมายกำหนดไว้" เลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
    นายราเมศ รัตนะเชวง รักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เจตนารมณ์ของมาตรา 91 และมาตรา 128 ตรงกัน คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องสะท้อนเสียงของประชาชน โดยจำนวนเสียงของประชาชนกำหนดจำนวน ส.ส.พึงจะมี ดังนั้น พรรคการเมืองใดมีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ส.ส.พึงมี ไม่มีสิทธิ์ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    "จากการคิดคำนวณของ กกต.ในครั้งนี้ คะแนนไม่ได้ตกน้ำ แต่ตกทะเลเป็นล้านคะแนน นี่คือสิ่งที่ต้องยอมรับว่ารับฟังไม่ได้โดยสิ้นเชิง"
    เขากล่าวว่า ในส่วนของประชาธิปัตย์สูญเสียกว่า 2 แสนคะแนน และพรรคการเมืองอื่นอีก ซึ่งรวมเป็นหลักล้านคะแนน ไม่ทราบว่าการคำนวณแบบนี้ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับใครหรือพรรคใด แต่ที่แน่ๆ คือประชาชนเสียคะแนนของเขาทันที ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย 
    นายราเมศกล่าวว่า กกต.เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเมื่อมีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ บุคคลที่ได้รับผลกระทบย่อมมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ ซึ่งในส่วนของพรรคผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 20-22 คือผู้เสียหายโดยตรง เราจึงต้องใช้กระบวนการต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ จะดำเนินการฟ้องดำเนินคดีกับ กกต. ทั้งในพรรคและในนามส่วนบุคคล หากมีความคืบหน้าจะแถลงต่อไป
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร และอดีต กกต. แถลงว่า การคำนวณที่ถูกต้องจะมี 16 พรรคการเมืองที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่จะมีเพียง 14 พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเกินกว่าจำนวน ส.ส.พึงมีและพรรคประชาชาติได้ ส.ส.เขตเท่ากับจำนวน ส.ส.พึงมี จึงไม่มีสิทธิได้ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 
    โดย 14 พรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 20 คน, พรรคอนาคตใหม่ 54 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 21 คน, พรรคภูมิใจไทย 13 คน, พรรคเสรีรวมไทย 11 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 5 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน,  พรรคเพื่อชาติ 5 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 คน, พรรคชาติพัฒนา 2 คน, พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน, พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และพรรคพลังชาติไทย 1 คน รวม 149 คน 
    เขาบอกว่า ผลที่เกิดขึ้นจากการคำนวณของตนที่ปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอนแตกต่างจาก กกต. ซึ่งพรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อนาคตใหม่หายไป 4 คน, พลังประชารัฐหายไป 2 คน, ประชาธิปัตย์หายไป 2 คน, ภูมิใจไทยหายไป 1 คน, เสรีรวมใจไทยและชาติไทยพัฒนาหายไปพรรคละ 1 คน
    ทั้งนี้ หากนำผลจากการคำนวณตามแนวทางของตนมาใช้ จะทำให้แต่ละพรรคได้ ส.ส.ทั้งสองระบบดังนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 117 คน, พรรคเพื่อไทย 136 คน, พรรคอนาคตใหม่ 84 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 54 คน, พรรคภูมิใจไทย 52 คน, พรรคเสรีรวมไทย 11 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 11 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน, พรรคประชาชาติ 6 คน, พรรคเพื่อชาติ 5 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 6 คน, พรรคชาติพัฒนา 3 คน, พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน, พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และพรรคพลังชาติไทย 1 คน รวม 498 คน
    "กกต.คำนวณตามมาตรา 128 ผิด ท่านหายไปหนึ่งขั้นตอน จะโดยตั้งใจหรือไม่ ไม่รู้ เพราะข้ามขั้นตอนในมาตรา 128(5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. คนที่มีส่วนได้เสียก็ต้องไปคิดว่าจะใช้สิทธิดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ในเอกสาร กกต.มี 14 หน้า ทำถูกแค่ 7 หน้า ได้คะแนนแค่ 50% ในการทำการบ้านข้อนี้ ทั้งที่มีคนแนะนำแล้วยังทำผิดสมควรได้คะแนนต่ำกว่า 50%" นายสมชัยกล่าว
    นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า การคำนวณสูตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันว่าติดตามมาตั้งแต่ตอนร่างกฎหมาย ตนก็ยังมองว่ามีปัญหา เพราะคำนวณแล้วพรรคชาติไทยพัฒนามีโอกาสจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 คน แต่ตอนนี้เหลือ 4 คน ก็ยอมรับตามนี้ การที่มีปัญหาตรงนี้ส่วนตัวคิดว่ากฎหมายลูกมีปัญหา แต่ที่ศาลชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าขัดรัฐธรรมนูญกฎหมายต้องเอาไปทำใหม่ การเลือกตั้งจะล่มสลาย ไปต่อไม่ได้ ดังนั้นไม่ขัดก็ไม่ได้แปลว่าสมบูรณ์ มันมีปัญหาภายใน ตอนนี้ก็ให้ผ่านไปก่อน พรรคเล็กๆ ก็เพื่อนกันทั้งนั้น
    นายนิกรกล่าวต่อไปว่า ต่อจากนี้ก็ต้องใช้สามัญสำนึกพิจารณาดูว่าจะเป็นอย่างไร สมมุติตนออกไปตั้งพรรค แล้วลงเลือกตั้งที่ จ.สงขลา เพียงจังหวัดเดียว ให้ได้เสียง 3 หมื่นเสียง ตนก็ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว มันมีผลทางการเมืองตามมาจากการตัดสินใจแบบนี้ ยอมรับว่าระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมครั้งนี้ ไม่เคยมีที่ใดใช้มาก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและก็มีปัญหาแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป กฎหมายลูกแก้ไขได้ แต่รัฐธรรมนูญแก้ยากมาก
    ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ส.ส.จากพรรคเล็กที่มาจากคะแนน 3 หมื่นกว่าคะแนน แต่พรรคใหญ่ ส.ส.คนหนึ่งต้องมีคะแนน 7 หมื่นกว่าคะแนน เราควรจะเรียก ส.ส.เหล่านี้ว่าอะไรดี  ส.ส.ประชารัฐ, ส.ส.เอื้ออาทร, ส.ส.เขย่ง หรือ ส.ส.โขยกเขยกดี การเลือกตั้งครั้งนี้ช่างสามารถบัญญัติคำใหม่ๆ แปลกๆ ไว้เยอะเลยทีเดียว กลัวคะแนนจากพรรคเล็กๆ 3 หมื่นคะแนนตกน้ำ ไม่ได้ ส.ส. แต่คะแนนจากพรรคใหญ่ที่ต้องตกน้ำไป พรรคละเป็นแสนหลายแสนคะแนนไม่คิด ขอให้ กกต.จงพึงระวังไว้ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า และไม่มีอำนาจใดคงอยู่ตลอดไป แม้วันนี้จะยังคงมีวัฒนธรรมลอยนวล แต่วันหน้ายังมี อย่างน้อยแม้ยังไม่มีใครทำอะไรได้ทางกฎหมาย แต่ในทางสังคม พวกคุณจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน
    นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ กกต.ประกาศใช้ ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคอยู่ระหว่างเตรียมคำร้อง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นเรื่องได้
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวของ กกต. ถือได้ว่าอาจเป็นการใช้สูตรหรือวิธีการคำนวณที่อาจจะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 91 แล้ว ยังอาจจะส่งผลต่อบริบททางการเมืองในอนาคตในระยะใกล้และไกลอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย เพราะจะทำให้เกิดพรรคการเมืองใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป ซึ่งไม่สอดคล้องกับการปฏิรูปการเมืองที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองจำนวนน้อยพรรค เพื่อเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน และอาจเข้าข่ายการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามที่กฎหมายบัญญัติได้
          สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในวันศุกร์ที่ 10 พ.ค.2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ชั้น 9 อาคารศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม. เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 231 (2) โดยเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองโดยไม่ชักช้าตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
     ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานและเลขาธิการ มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ขอเรียกร้องเพื่อให้ผลการเลือกตั้งตอบสนองเจตนารมณ์ของประชาชน ให้การเมืองมีเสถียรภาพพร้อมแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศชาติให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนี้
    1.กกต.พึงรีบดำเนินการจัดส่งสำนวนคดีเลือกตั้งตามที่มีผู้ร้องเรียนและคัดค้านการเลือกตั้งที่อาจไม่สุจริต เที่ยงธรรม ต่อศาลฎีกาโดยเร็ว ทั้งนี้ ควรก่อนการเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีขึ้นภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.
    2.ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ควรยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของ กกต.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่โดยเร็ว ทั้งนี้ อาจยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินอีกทางหนึ่งด้วยก็ได้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"