กูรูเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์การกลับมาของสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ทำไม'ไก่-หงส์'ไปจิกกันใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก


เพิ่มเพื่อน    


10 พ.ค.62- ศาสตราจารย์ รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ศาสตราจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsun Thanapornpun ในหัวข้อ การกลับมาของสโมสรฟุตบอลอังกฤษ

สโมสรฟุตบอลอังกฤษห่างหายจากตำแหน่งชนะเลิศในฟุตบอลยุโรปเป็นเวลาหลายปี แต่ในฤดูการแข่งขัน ๒๕๖๑/ ๒๕๖๒ สโมสรฟุตบอลอังกฤษเข้าชิง UEFA Champions League ด้วยกันเอง ทั้งสองทีมต่างพ่ายแพ้คู่แข่งในนัดแรก แต่กลับมาชนะนัดหลังอย่างท่วมท้น (Peddy, 2019)

Liverpool FC ชนะ UEFA Champions League ครั้งสุดท้ายในปี ๒๕๔๘ (ดูภาคผนวกที่ ๓) ในฤดูการแข่งขัน ๒๕๖๑/๒๕๖๒ รอบ Semi-Final Liverpool FC พบกับ Barcelona SC ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลชั้นนำของโลกในปัจจุบัน ปรากฏว่า ในนัดแรก Liverpool FC แพ้ Barcelona SC ถึง ๓-๐ ที่บ้าน Barcelona SC ทั้งนี้ด้วยฝีเท้าของ Leonardo Messi นักฟุตบอลทีมชาติอาร์เยนตินา

แต่ครั้นกลับมาแข่งที่ Anfield Liverpool FC ชนะ ๔-๐ Lawrenson (2019) ระบุอย่างชัดเจนว่า บรรยากาศใน Anfield เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Liverpool FC ชนะ Lawrenson เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไอร์แลนด์ และเคยเล่นตำแหน่งกองหลังของ Liverpool FC ในทศวรรษ ๒๕๑๐ และ ๒๕๒๐ ในทันทีที่ กลับมาชนะ เสียงเพลง You’ll Never Walk Alone กระหึ่มสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้ง Anfield

Liverpool FC ก่อตั้งในปี ค.ศ. ๑๘๙๒ (เมื่อ ๑๒๖ ปีที่แล้ว ดูข้อมูลพื้นฐาน) เคยมีความเกรียงไกรในโลกฟุตบอลอังกฤษ แต่ถูกกลบรัศมีโดย Manchester United ในยุคที่ Sir Alex Ferguson (1941- ) เป็นผู้จัดการระหว่างปี ๒๕๒๙-๒๕๕๖

ในช่วงนั้น ความป็นปรปักษ์ระหว่างทีมทั้งสองปรากฏอย่างชัดเจน ไม่ว่าระหว่างผู้จัดการ ระหว่างผู้เล่น และระหว่างแฟนสโมสร

แต่ในแง่เกียรติคุณในยุโรปแล้ว Liverpool FC เหนือกว่า Manchester United มาก แม้ในปรัตยุบันสมัย Liverpool FC อยู่ในอันดับที่ ๔ (สถิติจนถึงปี ๒๕๖๑) ของสโมสรฟุตบอลที่ชนะ European Cup และ UEFA Champions League (ดูภาคผนวกที่ ๒) ในขณะที่ Manchester United อยู่อันดับที่ ๙ (UEFA.com) และในปีหน้า หมดโอกาสที่จะแข่งขันใน UEFA Champions League แล้ว

Liverpool FC ได้ถ้วยชนะเลิศในปี ๒๕๒๐, ๒๕๒๑, ๒๕๒๔, ๒๕๒๗ และ ๒๕๔๘ และได้รองชนะเลิศ ๓ สมัย ในขณะที่ Manchester United ได้ถ้วยชนะเลิศ ๓ สมัย (๒๕๑๑, ๒๕๓๒ และ ๒๕๕๑) และได้รองชนะเลิศ ๒ สมัย (ดูภาคผนวกที่ ๓ )

เท่าที่ผ่านมามีสโมสรฟุตบอลอังกฤษเพียง ๕ สโมสรที่ได้ถ้วยชนะเลิศยุโรป นอกเหนือจาก Liverpool FC และ Manchester United แล้ว ก็มี Nottingham Forest (๒ สมัย) Chelsea (๑ สมัย) Aston Villa (๑ สมัย) ดังรายละเอียดปรากฏในภาคผนวกที่ ๓

ผมคิดว่า นอกเหนือจากบรรยากาศใน Anfield แล้ว ยังมีอีกอย่างน้อย ๒ ปัจจัยที่ทำให้ Liverpool FC สามารถกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ได้อีก

ประการแรก บริษัทผู้เป็นเจ้าของ Liverpool FC คือ Fenway Sports Group (FSG) ซึ่งซื้อ Liverpool FC ในปี ๒๕๕๓ นอกจากเป็นบริษัทที่มีความสันทัดในการบริหารสโมสรกีฬาหลากหลายประเภทแล้ว ยังมีฐานการเงินอันแข็งแกร่ง ต่างกับ The Glazer Family ซึ่งซื้อ Manchester United ด้วยการกู้หนี้ยืมสินจำนวนมาก

Fenway Sports Group ซึ่งนำทัพโดย John W. Henry มีฐานธุรกิจอันกว้างขวาง ทั้งสโมสรกีฬาเบสบอล กีฬาแข่งม้า สวนสาธารณะ โรงละคร บริษัทดนตรี ฯลฯ

ในระยะแรกที่เข้าไปเป็นเจ้าของ Liverpool FC FSG ดำเนินการผิดพลาดที่มุ่งซื้อนักฟุตบอลราคาแพง ในเวลาต่อมา ใช้วิธีส่งแมวมอง (Football Scouts) หานักฟุตบอลฝีเท้าดี แต่ราคาไม่แพง นอกจากนี้ FSG ยังศึกษาวัฒนธรรมและชีวิตจิตใจของแฟนบอลลิเวอร์พูลอีกด้วย (Conn, 2019)

ประการที่สอง สปิริตนักกีฬาของ Jurgen Klopp Klopp เข้าไปเป็นผู้จัดการ Liverpool FC ในปี ๒๕๕๘ เขาไม่เคยโทษนักฟุตบอลในยามที่ลิเวอร์พูลแพ้ เขาแอ่นอกรับผิดชอบแตเพียงผู้เดียว แทกติกการเล่นที่เขานิยมชมชอบคือ ลุยลูกเดียว และด้วยแทกติกนี้ Liverpool FC จึงพ่ายแพ้Barcelona SC ในนัดแรก

เขาเปลี่ยนแทกติกการเล่นใหม่ในนัดที่สอง ด้วยการส่ง Trent Alexander-Arnold กองกลางวัยรุ่นเข้าไปประกบ Leonardo Messi และได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ (Hunter, 2019) การพัฒนานักฟุตบอลที่ยังไม่มีชื่อเสียง เป็นนโยบายของ FSG ประกอบกับ Klopp มีความเชื่อมั่นนักฟุตบอลฝีเท้าดี แม้จะไร้ชื่อเสียงก็ตาม

Tottenham Hotspur(ดูข้อมูลพื้นฐาน) แพ้ Ajax Amsterdam นัดแรก ๐-๑ ที่บ้านของ Ajax แต่ชนะในบ้านของตัวเอง ๓-๒ ทำให้หลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ UEFA Champions League กับ Liverpool FC ได้

นับเป็นครั้งที่สองที่สโมสรฟุตบอลอังกฤษชิงถ้วย UEFA Champions League กันเอง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๑ เมื่อ Manchester United ชนะ Chelsea ในมหานคร Moscow ประเทศ Russia

Tottenham Hotspur ด้อยกว่า Liverpool FC มาก เพราะไม่เคยได้ถ้วย UEFA Champions League หรือแม้แต่เข้าชิงเลย มิหนำซ้ำในฤดูการแข่งขัน ๒๕๖๑/๒๕๖๒ Tottenham Hotspur แพ้Liverpool FC ทั้งเหย้า ๑-๓ (วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๑) และเยือน ๒-๑ (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒)

การชิงชนะเลิศกำหนดจัดขึ้นที่สนาม Estadio Metropolitano นคร Madrid ประเทศ Spain วันเสาร์ที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ในการนี้ ทั้ง Liverpool FC และ Tottenham Hotspur ได้รับจัดสรรตั๋วเข้าชมทีมละ ๑๖๖๑๓ ใบเท่าๆกัน (BBC, 2019b)

Liverpool FC : ข้อมูลพื้นฐาน
ปีก่อตั้ง ค.ศ. ๑๘๙๒ 
สนาม Anfield
ความจุสนาม ๕๓,๓๙๔
เจ้าของ Fenway Sports Group 
ประธานสโมสรคนปัจจุบัน Tom Werner

Tottenham Hotspur FC: ข้อมูลพื้นฐาน
ปีที่ก่อตั้ง ค.ศ. ๑๘๘๒ 
สนามที่เล่น Tottenham Hotspur Stadium 
ความจุสนาม ๖๒,๐๖๒ 
เจ้าของ ENIC International Ltd 
(85.55%)
ประธานสโมสรคนปัจจุบัน Daniel Levy

บรรณานุกรม
BBC (2019a), “Ajax 2-3 Tottenham: Harry Kane Hopes 
to Be Fit for Champions League Final versus 
Liverpool”, BBC News (May 9, 2019).

BBC (2019b), “Champions League Final: Liverpool 
and Tottenham Each Allocated 16,613 Tickets”, 
BBC News (May 9, 2019).

BBC (2019c), “Tottenham Qualify for Champions 
League Final: How Social Media Reactes to 
Amazing Comeback”, BBC News (May 9, 2019).

Conn, David. “It Feels Like a New Dawn After the 
Storm, Say Liverpool Supporters”, The Guardian 
(May 8, 2019).

Hunter, Andy. “Wow Factor Puts Trent Alexander- 
Arnold Centre Stage for Liverpool”, The Guardian 
(May 8, 2019).

Johnston, Neil. “Ajax 2-3 Tottenham Hotspur”, BBC 
News (May 9, 2019).

Lawrenson, Mark. “Liverpool 4-0: Anfield Key to 
Champions League Fightback”, BBC News (May 8, 
2019).

Murray, Scott. “Ajax 2- Spur 3”, The Guardian (May 8, 
2019).

Peddy, Chris. “Tottenham and Liverpool: Greatest 
Champions League Comeback of All Time”, BBC 
News (May 9, 2019).

Taylor, Daniel. “Tottenham Comeback Stuns Ajax and 
Sets Up Final Against Liverpool”, The Guardian 
(May 8, 2019).

ภาคผนวกที่ ๑ ห้าชาติแรกที่ชนะเลิศ European Cup และ 
UEFA Champions
League
1. Spain Titles 18 Runner-up 11 Total 29
2. Italy 12 16 28
3. England 12 8 20
4. Germany 7 10 17
5. Netherlands 6 2 8

ภาคผนวกที่ ๒ ห้าอันดับแรกสโมสรฟุตบอลที่ชนะเลิศ European Cup และ UEFA Champions League

1. Real Madrid Titles 13 Runner-up 3
2. Milan 7 4
3. Bayern Munich 5 5
4. Liverpool 5 3
5. Barcelona 5 3

ภาคผนวกที่ ๓ สโมสรฟุตบอลอังกฤษที่ชนะเลิศ European 
Cup และ UEFA Champions League
1. Liverpool Titles 5 Runner-up 3 
Titles: 1977, 1978, 1981, 1984, 2005
2. Manchester United 3 2 
Titles:1968, 1999, 2008
3. Nottingham Forest 2 0 
Titles:1979, 1984. 
4. Chelsea 1 1 
Title 2012
5. Aston Villa 1 0 
Title1986. 
Leeds United 0 1 
No Titl
7. Arsenal 0 1 
No Title

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"