"ภูป่าเปาะ" ฟูจิเมืองเลย


เพิ่มเพื่อน    

(พระอาทิตย์ตกยามเย็น)

    "ภูป่าเปาะ" ตั้งอยู่ในบ้านผาหวาย อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ "ฟูจิเมืองเลย" นั่นแหละ เป็นหนึ่งในหมุดหมายของนักท่องเที่ยวที่หวังไปชมความงามยามเช้า สายหมอกปกคลุมภูหอ ภูเขาที่มีลักษณะยอดปลายตัด คล้ายกับภูเขาไฟฟูจิยามาในประเทศญี่ปุ่น
    มีโอกาสคณะเดินทางมาที่ภูป่าเปาะกับทางมูลนิธิกาญจนบารมีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากได้ชื่อว่าฟูจิเมืองเลยแล้ว ที่นี่ยังเป็นชุมชนเข้มแข็งสืบสานแนวพระราชดำริ” ซึ่งชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูป่าเปาะ (องค์กรสวัสดิการชุมชน) ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของชาวชุมชนบ้านผาหวาย รวมตัวกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ฐานทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าและลดความขัดแย้งกับหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนสถานะมาสู่ผู้ดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนช่วยกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และต่อยอดสู่การพัฒนาด้านอาชีพสร้างงานสร้างรายได้ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวบ้านในพื้นที่

(ผู้ใหญ่บุญลือ พรมมาลา)

    นายบุญลือ พรมมาลา ผู้ใหญ่บ้านผาหวายและประธานชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูป่าเปาะ เล่าว่า กว่าที่นี่จะถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีตชาวบ้านยังทำมาหากินกับป่า ทำการเกษตร หาของป่า แต่เมื่อมีการประกาศให้ที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตป่าสงวนแห่งชาติภูค้อ-ภูกระแต และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ก็เริ่มมีความขัดแย้งกัน เมื่อชาวบ้านเข้าไปหารายได้จากป่าไม่ได้ก็เริ่มออกจากหมู่บ้าน เหลือแต่คนเฒ่าคนแก่ เด็กเล็ก จนตนเข้ามารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ก็เริ่มหาแนวทางในการแก้ปัญหา

(ผ้าพันคอ สินค้าจากฝีมือชาวบ้าน)

    “กระทั่งในปี 2554 ได้พัฒนาภูป่าเปาะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมเริ่มหาทุนในการทำถนนในการขึ้นไปชมภูป่าเปาะ และมีนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเที่ยวในปี 2557 ชาวบ้านเริ่มเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ในปัจจุบัน  มีกลุ่มแม่บ้านในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกิดขึ้นกว่า 10 กลุ่ม ทั้งผ้าทอย่าม เสื้อสมุนไพร ขนม ฯลฯ มีรถอีแต๊กนำเที่ยวกว่า 60 คัน มีโฮมสเตย์ มีมัคคุเทศก์โดยคนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่และชาวบ้านมีความสัมพันธ์กันเหมือนพี่น้อง ช่วยกันดูแลรักษาป่า และที่สำคัญคือ คนที่ย้ายออกไปจากหมู่บ้านก็เริ่มกลับเข้ามายังถิ่นกำเนิดด้วย ในปีนี้ก็อาจจะมีการคิดทำกิจกรรมเพิ่มขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาในหมู่บ้านมากขึ้น” ผู้ใหญ่บ้านผาหวายเล่า

(ดอกไม้ริมทางชวนชม)

    ก่อนแสงแดดจะอ่อนแรงเรารีบนั่งรถอีแต๊กของชาวบ้านไปชมพระอาทิตย์ตกที่ภูป่าเปาะ เสียค่ารถเพียงคนละ 60 บาท จุดชมวิวบนภูมีทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน ระหว่างนั่งรถไปยังจุดแรกก็ชมวิวข้างทางไปพลางๆ ไกด์ที่มาด้วยบอกว่าถ้ามาในช่วงหน้าหนาวถนนสองฟากฝั่งจะถูกประดับไปด้วยดอกหญ้าสีขาว และดอกดาวกระจายสีเหลืองซึ่งเป็นดอกไม้ท้องถิ่นเต็มไปหมด แต่น่าเสียดายที่เรามาในช่วงหน้าร้อน ดอกไม้เลยผลิดอกให้เห็นบ้างประปราย สักพักก็มาถึงจุดชมวิวแรก จุดนี้มองเห็นภูหอตั้งอยู่เบื้องหน้าได้ชัดเจน แต่อาจจะไม่ได้มุมที่กว้างมากนักเพราะจุดที่จะชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดไกด์บอกว่าจะต้องเป็นจุดที่ 2 และ 4

(ภูเขาเปาะจุดที่2 ก็ชมพระอาทิตย์ได้สวยๆ)

    ไปต่อยังจุดที่ 2 ที่ห่างกันไม่มากนัก ตรงจุดนี้ทำให้เราได้ความรู้สึกใกล้และมองเห็นภูหอได้ชัดขึ้น เห็นสภาพป่าบริเวณด้านล่างเดี๋ยวจะไม่ทันแสงเย็น เรามุ่งหน้าต่อไปยังจุดที่ 3 จุดนี้จะได้เห็นภูหอแค่บางส่วน แต่หากหันหลังกลับมาก็จะมีวิวภูเขาให้ชม ไกด์บอกว่าหากมองดูดีๆ จะเห็นภูเขามีรูปร่างคล้ายกับผู้ชายและผู้หญิง แต่มองเท่าไหร่ก็ดูไม่ออกเสียที แต่คนอื่นๆ ก็เห็นเป็นรูปร่างตามที่ไกด์บอกกันทุกคน ถึงจะมองไม่ออกแต่ก็ต้องขอบอกว่ามันสวยมากจริงๆ

(วิวบนยอดภูป่าเปาะจุดที่ 4)

    เดินขึ้นไปยังจุดที่ 4 ต้องมีการเตรียมตัวเล็กน้อย ดื่มน้ำเตรียมร่างกายให้พร้อม ใครเป็นโรคหอบ โรคหัวใจ โรคความดัน หรือมีโรคประจำตัวที่อาจจะกำเริบในระหว่างเดินไปยังจุดที่ 4 ที่ต้องเดินเท้าประมาณ 250 เมตร ก็ห้ามฝืนตัวเองเด็ดขาด ส่วนชาวคณะก็มีบางส่วนที่ขอนั่งรออยู่ด้านล่าง ส่วนใครที่อยากชมพระอาทิตย์และวิว 360 องศา ก็อยู่ในกลุ่มผู้พิชิตยอดภูป่าเปาะ ระหว่างทางเดินก็ไม่ได้เดินยาก มีราวให้จับอยู่ตามไหล่ทางที่มีชั้นบ้าง บางจุดก็เรียกเสียงหอบได้เหมือนกัน ไม่กี่อึดใจเราก็มาถึงจุดที่ 4 คุ้มจริงๆ ที่ได้ตัดสินใจเดินขึ้นมาบนนี้ ได้เห็นชัดมาก และยังได้เห็นยอดเขาภูหินร่องกล้า ภูหอ ภูหลวง ภูกระดึง ภูผาจิต ภูผาม่าน สวนหินผางาม และเขาค้อด้วย
    พวกเราใช้เวลานั่งดื่มด่ำแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน สักพักก็ตัดสินใจลงไปเก็บภาพพระอาทิตย์ยังจุดที่ 2 อีก เพราะตรงจุดนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีมุม 360 องศา แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งอยู่ใกล้ภูหอเลย ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีก มีผลิตภัณฑ์จากฝีมือของชาวบ้านให้เลือกซื้อในราคาน่ารัก เลยได้ย่ามมา 1 ใบ สีสันสดใส ราคา 100 บาท อีกอย่างใครที่มาแล้วห้ามพลาดอาหารเมนูไฮไลต์ หลามปลาช่อน เขาบอกว่าถ้าไม่ได้กินเหมือนมาถึงแค่ครึ่งทาง เหมือนคณะของเราที่อดลิ้มรส เพราะต้องรีบไปทำภารกิจต่ออีก แต่คราวหน้าจะต้องกลับมาซ้ำและกินเมนูไฮไลต์ให้ได้เลย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"