คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไร้ความหมาย  "ธนาธร" เข้าห้องประชุมสภาทำหน้าที่ ส.ส.อภิปราย    ส.ส.พลังประชารัฐโวยลั่น ประเดิมเปิดฉากประท้วงเดือด สุดท้ายเป็นไปตามแผนสร้างบทฮีโร่ ได้พูดสมใจ เพื่อไทย-อนาคตใหม่นำทีมแหกข้อบังคับชูสามนิ้ว ตบมือลั่น จน "กำนันชัย" เบรกไม่ใช่โรงละคร

    เมื่อวันเสาร์ เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ มีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 เป็นครั้งแรก โดยมีนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว มีองค์ประชุมทั้งหมด 494 จาก 497 คน 
    ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายชัยแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส.ว. และนำ ส.ส.ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง ก่อนให้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อตาม มาตรา 101 (6) และมาตรา 98 (3) ของรัฐธรรมนูญ 2560
    จากนั้นนายธนาธรได้ลุกขึ้นพยายามจะใช้สิทธิ์กล่าวแสดงความคิดเห็น ทำให้สมาชิก ส.ส.หลายรายไม่พอใจต่างยกมือประท้วง และสถานการณ์เริ่มวุ่นวาย โดย ส.ส.หลายคนจากพรรคประชารัฐ เช่น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ตะโกนสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ให้นายธนาธรพูด โดยนายชัยพยายามไกล่เกลี่ย 
    จนสุดท้ายนายธนาธรได้กล่าวจนจบประโยคว่า “ผมรับทราบและขอยุติการทำหน้าที่ของ ส.ส.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย” ก่อนเดินไปสวมกอดกับนายปิยบุตรและเดินออกจากที่ประชุม ท่ามกลางส.ส.พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย ที่ลุกขึ้นยืนปรบมือ ชูสามนิ้ว และแสดงความยินดีดังกึกก้องที่ประชุม จนนายชัยต้องระบุให้หยุดได้แล้ว นี่ไม่ใช่โรงละคร 
    ภายหลังจากนายธนาธรออกจากที่ประชุมแล้ว ส.ส.พลังประชารัฐยังติดใจลุกขึ้นประท้วงตำหนิการทำหน้าที่ของนายชัยอย่างต่อเนื่อง  
เคลื่อนไหวนอกสภา
    ต่อมานายธนาธรแถลงภายหลังออกจากห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งว่า ตนได้กล่าวลาในที่ประชุมและยุติบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส. แต่ขอยืนยันว่าการเป็นตัวแทนของประชาชนไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างเดียว 
    เขากล่าวว่า จะใช้เวลานี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน เข้าไปพบปะพูดคุยรับฟังปัญหา เพื่อนำไปให้ ส.ส.ในพรรคของตนตั้งกระทู้อภิปรายในสภา และจะใช้เวลานี้ศึกษาปัญหาของประชาชน และขยายแนวคิด อุดมการณ์ แนวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจเจตนาที่ดีของพรรคที่มีต่อสังคม จะทำงานต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่ท้อถอย ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานในสภาก็จะไม่ไปไหน ทำงานกับประชาชนต่อไป ตนจะรอวันนั้นสักวันหนึ่งตนจะกลับมา
    เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตอบว่า ไม่เสียใจ ต้องยอมรับว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ มีอำนาจในทางนิติบัญญัติ แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องพิธีกรรมและเวลา
    "ดังนั้น ในช่วงนี้ที่ผมยังไม่สามารถมีอำนาจนิติบัญญัติได้ เราจะรณรงค์เรื่องสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความไม่เป็นประชาธิปไตย และความไม่เป็นธรรมของรัฐธรรมนูญ 2560 ผมย้ำมาหลายครั้งว่าอยากสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้เป็นพรรคที่เข้มแข็ง และยืนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและประชาชนได้ในระยะยาว จึงไม่มีความท้อถอย ไม่เสียใจ จะเดินหน้าต่อไป"
    ถามว่า แนวร่วม 7 พรรคการเมืองยังมีความหวังจะได้ชัยชนะในการเลือกประธานสภาฯ อยู่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนคิดว่ามีแนวโน้มที่ดี 244 เสียงของ 7 พรรค จะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน จึงไม่ง่ายที่จะคว่ำเสียงของทั้ง 7 พรรค ส่วนเรื่องจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ว่ากันทีละสมรภูมิ วันนี้เอาตำแหน่งประธานสภาฯ ก่อน คงต้องแยกส่วนกัน
อนาคตใหม่ไม่ใช่แค่ธนาธร
    ถามอีกว่า หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวในนามพรรคการเมืองหรือภาคประชาชนบนท้องถนน นายธนาธร ตอบว่า ตนยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เราเชื่อมั่นว่าการได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่ดีที่สุด สงบสุขที่สุด คือการกระทำผ่านรัฐสภา เราเชื่อมั่นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มาตั้งพรรคการเมือง 
    เราต้องการดึงศรัทธาของประชาชนกลับมาที่รัฐสภาอีกครั้ง เพราะถ้าประชาชนไม่ศรัทธา และมองว่ารัฐสภาแก้ปัญหาไม่ได้เมื่อไหร่ ประชาชนก็จะไปเรียกร้องให้กองทัพเข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยในประเทศไทย จึงถูกมองว่าเป็นต้นตอของปัญหา ส่วนการรัฐประหารและการแทรกแซงจากกองทัพ เป็นทางออก เราต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะรัฐสภาเป็นที่ที่ทรงเกียรติ และเหมาะสมที่สุดที่จะแก้ปัญหา พาประเทศกลับไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้นเราจะต่อสู้ให้สุดทาง และยังไม่หมดหวัง
     “นี่เป็นวินาทีที่จะพิสูจน์ว่าอนาคตใหม่ไม่ใช่แค่ธนาธร ไม่มีธนาธรอยู่ในสภา พรรคอนาคตใหม่ก็จะทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเข้มแข็ง แล้วเราจะพิสูจน์ให้เห็น” นายธนาธรกล่าว
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคต่างๆ ในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก สะท้อนให้เห็นความด้อยคุณภาพของ ส.ส เอื้ออาทร หรือ ส.ส.จากการปัดเศษ ทั้งๆ ที่ได้คะแนนเสียงไม่ถึง 70,000 คะแนน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่เมื่อได้เข้าสภาแล้ว กลับทำหน้าที่ไม่สมศักดิ์ศรี โดยยอมรับหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับกฎระเบียบในการประชุม 
    “แสดงว่าตอนที่แปะข้อความบนป้ายหาเสียงว่าขอเข้าสภาเพื่อใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งและยุติการเมืองบนท้องถนนนั้น เป็นเพียงการหลอกประชาชนเท่านั้น เพราะเมื่อได้เข้าสภาจริงๆ กลับเล่นเกมยื้ออำนาจเพื่อให้สภาเกิดภาพความวุ่นวาย แสดงว่าไม่ได้เห็นเวทีสภาเป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ อย่างที่ปากพูด เมื่อประชาชนเห็นพฤติกรรมของนักการเมืองเหล่านี้ คงเห็นแล้วว่า ส.ส.เอื้ออาทร และ ส.ส.จากพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการเหล่านี้เหาะเข้าสภาเพื่อรับใช้ใคร”
หมายความว่าไงคะ  
    ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อไปว่า ในส่วนของ ส.ส ของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคได้กำชับและสนับสนุนการเตรียมการของ ส.ส.อย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้ทันที เพื่อไม่ให้เสียเวลาของสภา ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ซึ่งสมาชิกพรรคทุกคนก็ได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ซึ่งพรรคก็มีความพอใจในบทบาท ส.ส.ของเรา
    อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ฝ่ายที่อ้างว่าตัวเองเป็นฝ่าย ประชาธิปไตย หมายความว่าไงคะ เพราะว่าจริงๆ แล้ว พรรคการเมืองอื่นๆ เขาก็มาจากกระบวนการเลือกตั้งเหมือนกัน 
    ใครจะเป็นนายกฯ เขาจะโหวตกันตามระบบรัฐสภา โดยตัวแทนจากประชาชน หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยเหมือนกันนั่นแหละ 
    ต่อไปนี้ก็จะมีฝ่ายรัฐบาลทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป และมีฝ่ายค้านไว้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป ส่วนพรรคใครจะทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง บอกเลย ไปไม่รอดหรอก ตายห่-หมดแน่นอน.