พรรคพี่แม้วป่วนหนัก!4 อดีตผู้สมัครส.ส.บุกยื่น'กกต.'ยุบทิ้ง-ถอดหัวหน้าพรรคพ้นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์


เพิ่มเพื่อน    

31 พ.ค.62 -  ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​  4 อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังปวงชนไทย ประกอบด้วยนายสุทัศน์  สัตย์แสง , นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ,  พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ พวงแก้ว และนายชัยพร  ชัยฤทธิ์  ในฐานะเป็นตัวแทนอดีตผู้สมัคร 269 คน ยื่น กกต.ขอให้ยุบพรรคพลังปวงชนไทย และเพิกถอนการเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อของนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรค   

ในหนังสืออ้างว่ามีการหลอกลวง และจูงใจให้ลงสมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค โดยสัญญาจะให้เงินสนับสนุนเขตละ 2 ล้านบาท หากมีเสียงตอบรับดีจะได้รับเงินเพิ่มอีก จึงทำให้ไปเร่งหาสมาชิกพรรคและ จัดตั้งสาขาพรรค โดยสำรองค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินอีกทั้งยังถูกขับออกจากพรรค รวมถึงถูกฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท   

"ดังนั้นเห็นว่านายนิคม ไม่เหมาะสมที่จะเป็น ส.ส. ในฐานะตัวแทนของประชาชน เพราะเริ่มต้นก็มีพฤติกรรมบิดเบี้ยว ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมั่นใจในหลักฐานที่ยื่นต่อ กกต.ว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคได้"

น.ส.จีรนันท์  จันทวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 เชียงราย กล่าวว่านอกจากตนเป็นผู้สมัครแล้ว ยังเป็นผู้จัดหาสมาชิกพรรคมาลงสมัครด้วย เนื่องจากเชื่อถือ เพราะมีชื่อพล.อ.ชัยสิทธ์ ชินวัตร  เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยเชื่อใจเพราะรักตระกูลชินวัตร แต่กลับถูกบางฝ่ายนำมาหลอกให้ประชาชนได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยกรรมการบริหารพรรคบางคนเรียกรับเงินค่าหัวคิวจากนายชุติเดช นฤมิตสุวิมล จำนวน 50,000     บาท เพื่อแลกกับสิทธิกับการเป็นผู้สมัคร แต่นายชุติเดช มีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถลงสมัครได้ ก็ไปขอเงินคืน แต่กลับถูกปฎิเสธ  จึงแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน   

นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคใต้  เปิดเผยว่าตนเองมีหน้าที่จัดหาสมาชิกพรรคมาเป็นผู้สมัคร โดยบางคนสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.).ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.  

ขณะที่นายสุทัศน์  สัตย์แสง  ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่านายนิคมอ้างว่ามีบริษัทที่จะสนับสนุนทางการเงินพรรค 4 พันแห่ง ซึ่งจะของบบริษัทละ 1 ล้านบาท เพื่อเป็นงบหาเสียง พร้อมอ้างว่าสนิทสนมกับนายทักษิณ ชินวัตร และตนเองมีอาชีพขายทองคำ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เมื่อทวงถามกลับบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่าย พร้อมกันนี้เห็นว่านายนิคมเข้าข่ายมีความผิดเช่นเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ NB.TV ขึ้นภายในสำนักงานใหญ่ของพรรค และบริษัทบุญวิเศษ คอปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด โดยนายนิคมเป็นเป็นประธาน และมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการด้านสื่อสารมวลชน   จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่านายนิคม เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อหรือผู้ถือหุ้นสื่อหรือไม่     

พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ พวงแก้ว  ระบุว่าส่วนตัวเป็นผู้ออกค่าจ่ายในการดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรค หาสมาชิกพรรค และค่าใช้จ่ายหาเสียง เมื่อไปทวงถาม กลับถูกขับออกจากพรรค เพราะอ้างว่าทำให้พรรคเสียหาย   ซึ่งมายื่น กกต.วันนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม  ซึ่งการขับออกจากพรรค นายนิคมไม่นึกถึงวันที่ขับรถไปเชิญตนเองเข้าร่วมงานที่จังหวัดนครพนม

 “นายนิคม เป็นคนที่  วุฒิภาวะไม่เพียงพอเป็นหัวหน้าพรรค ต้องกลับไปตั้งสติใหม่ และไม่มีความเหมาะสมจะเป็น ส.ส. แค่ปัญหาสมาชิกพรรคก็ดูแลไม่ได้ จะไปบริหารประเทศและดูแลประชาชนได้อย่างไร บุคคลเหล่านี้หาสมาชิกพรรคให้ แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ แต่คะแนนเขตทั้งหมด ไปรวมให้นายนิคม ได้เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อเพียงหนึ่งเดียว ”   พ.ต.ท.หญิง ศิวนาถ กล่าวทิ้งท้าย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"