เห็นภาพของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ไปให้กำลังใจจิตอาสาที่ร่วมกันพัฒนา ทำความสะอาดคูคลองหลอด ตลอดแนวตั้งแต่ท่าเรือวัดเบญจมบพิตร จรดท่าเรือตรงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าภูมิทัศน์โดยรอบต่างจากเมื่อปีที่แล้วเป็นอย่างมาก

                โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม ที่รายล้อมไปด้วยอาคารเก่า สไตล์วินเทจ สะพานข้ามคลอง และต้นไม้โบราณ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุรักษ์ดูแลไว้ โดยเฉพาะ “ต้นตะเคียน” ที่อายุหลายร้อยปี ผสมผสานกันเป็นองค์ประกอบอย่างสวยงามจนกลายเป็น “แลนด์มาร์ค” สำคัญ

                ทั้งนี้ แนวคิดในการปรับภูมิทัศน์ด้านหลังกระทรวงกลาโหม เริ่มมาตั้งแต่ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ามารับตำแหน่ง จนกระทั่งในพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เลียบพระนคร การเตรียมพื้นที่ให้แล้วเสร็จในช่วงพิธีสำคัญจึงได้เดินหน้าอย่างรวดเร็วด้วยพลังของจิตอาสา

                ต่อมามีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินี จิตอาสาหลายร้อยคนได้ลงพื้นที่ร่วมกันขุดลอกคูคลอง แบ่งเป็นจิตอาสาจากภาครัฐ 70% และจากภาคเอกชน 30%

                สำหรับแนวคิดโดยภาพรวมในการพัฒนาพื้นที่รอบคูเมืองในเกาะรัตนโกสินทร์ทั้งหมด จะทำเป็นโครงการระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการในระยะที่ 1 เท่านั้น ต่อไปจะเริ่มพัฒนาถนนริมคลองทั้ง 2 ฟากตลอดแนวรอบคูเมือง ทั้งการปลูกต้นไม้ ทำเป็นส่วนหย่อมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเดินชมทัศนียภาพ การรื้อโครงสร้างใต้พื้นคลอง โดยจะใช้วิธีโบกเป็นปูนซีเมนต์ใต้พื้นแทนดินโคลน  จัดทำระบบบำบัดน้ำเสียให้ น้ำในคลองใสอย่างแท้จริง แทนการใช้ระบบระบายน้ำในการบรรเทาค่าน้ำเสียเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ยังช่วยในเรื่องการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย

                จากนั้นเป็นการจัดระเบียบชุมชน ร้านค้า บริเวณดังกล่าวให้เหมาะสม สะอาดตา ไม่ทิ้งของระเกะระกะ ภายใต้แนวคิด “สงบ สว่าง สะอาด ปลอดภัย” เป็นพื้นที่ที่คนทั่วไป และนักท่องเที่ยวสามารถเดินได้อย่างอุ่นใจ 

                “ชาวบ้านชุมชนก็ยังอยู่ปกติ วิถีชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไป  อาหาร หรือสินค้าที่ขายอยู่เช่นไรก็ขายไปเช่นนั้น เพียงแต่ขอให้รักษาความสะอาดหน้าบ้านของท่าน แต่ที่เราต้องจัดระเบียบคือที่ขายของเก่าในช่วงกลางคืน บริเวณหน้าบ้านคน บางทีก็นำของโจรมาขาย หรือแม้กระทั่งทิ้งสิ่งปฏิกูลไว้หน้าบ้านคนเต็มไปหมด” พ.อ.วันชนะ สวัสดี ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุ

                หรือแม้กระทั่งหญิง-ชายที่ขายบริการ จากเดิมที่แฝงตัวใต้ต้นขนุน เรียกแขกให้เข้ามาใช้บริการรอบสนามหลวง ก็ไหลมารวมบริเวณด้านคลองหลอด และตรอกซอกซอยย่านถนน-ซอยย่อย ย่านแยกอัษฎางค์ หรือคนเร่ร่อน-ไร้บ้าน ที่ขณะนี้กรุงเทพมหานครได้ประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการเข้ามาแก้ไขปัญหา เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้พื้นที่พระบรมมหาราชวัง จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบให้เกิดความเหมาะสม

                โครงการทั้งหมดจะจัดทำเป็นโครงการระยะยาว ดำเนินการร่วมกันโดยสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกรุงเทพมหานคร ห้วงการดำเนินการประมาณ 3 ปีในการจัดสรรงบประมาณการพัฒนาในระยะต่อไป

                ซึ่งจะทำให้พื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะในคูคลองที่ต้องมีการขุด และทำพื้นคลองใหม่ ต้องใช้ระยะเวลาสำหรับหน่วยราชการที่คาดว่าจะต้องย้ายออกไปนอกเมืองเนื่องจากความแออัดก็คงเป็นกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังพิจารณาพื้นที่เพื่อก่อสร้างกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่รองรับ จากเดิมที่มีข่าวว่าเป็นที่ดินย่านคลองสาน แต่ก็มีตัวเลือกที่กรรมการพิจารณาเล็งอยู่ คือ พื้นที่ใกล้โรงเรียนมีนประสาทวิทยา อ.มีนบุรี จำนวนกว่าร้อยไร่

                เมื่อประกอบกับการเติบโตของเหล่าบรรดา “โฮสเทล” ที่รองรับ แบ็กแพ็กเกอร์โดยรอบ การกว้านซื้อ-เช่า กรรมสิทธิ์ของนายทุนรายใหญ่ระดับชาติโดยเฉพาะตึก EM.KATIB หัวมุมตรงข้ามสะพานช้างโรงสี ทำเลทองสุด ”ชิก” จากการจัดวางภูมิทัศน์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้เห็นภาพในอนาคตได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ต่างจากแลนด์มาร์คอื่นๆ  ของกรุงเทพฯ

                แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสการพัฒนาถนนเส้นราชดำเนินกลางในรูปแบบต่างๆ ทั้งถนน “ฌ็องเซลิเซ่” ฝรั่งเศส หรือการวาดภาพคลองหลอดเป็น “คลองเวนิส” ในอิตาลี หรือแม้กระทั่งคำปรารภของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ผุดไอเดียการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวในเชิงอัตลักษณ์ชุมชน เช่นเดียวกับเมือง cotswolds เมื่อเล็กๆ ในลอนดอน 

                คงต้องรอดูโฉมใหม่ของพื้นที่คูเมืองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ว่าจะปรับรูปโฉมไปอย่างไร!!.