ขอแสดงความยินดี...


เพิ่มเพื่อน    

 ก็เป็นอันว่า...เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนนายร้อย จปร. หรือโรงเรียน คสช. ก็แล้วแต่จะว่ากันไป สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของรัฐสภา เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา หรือเป็นอันว่า...ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านสามารถนอนมา โดยไม่ต้องนิมนต์พระมาสวดนำหน้า อาศัยเสียงของ ส.ส.และ ส.ว. จำนวน 500 เสียง ก็เอาชนะคู่แข่งที่ได้แค่ 244 เสียง ไปแบบธงไชย แมคอินไตย์ หรือแบบเบิร์ดๆ สบายๆ...

                                                         ----------------------------------------------------

                คือในจำนวนเสียง 500 เสียงนั้น...ถ้าหากหัก-ลบ-กลบ-หนี้ หรือหักจำนวน ส.ว. วุฒิสมาชิก ออกไปจำนวน 249 เสียง ไม่ครบจำนวนเต็ม 250 ก็ยังเหลือจำนวน ส.ส.หรือจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกตั้งล้วนๆ ไม่ได้ฉุดลากกระชากถู มาจากที่ไหน อีกถึง 251 เสียง เฉือนชนะฝ่ายตรงข้ามในระดับเส้นยาแดงผ่าสิบหก หรือผ่าสามสิบสอง หรือชนะไปถึง 7 เสียงด้วยกัน ดังนั้น...ยังไงๆ ก็คงต้องถือเป็นชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด สมศักดิ์ศรี สมราคา ไม่ได้เป็นเพราะไป ปล้น ใครต่อใครเขามา อย่างที่พวกปากหอย ปากปู พวกปากเล็บงาม พยายามจะพูดให้เป็นไปในแนวนั้น...

                                                       ---------------------------------------------------------

                และต้องถือเป็นรอยรัก โดยปราศจากรอยมลทิน ซะอีกต่างหาก...ต่อกรณีที่ไม่ได้ปรากฏร่องรอยของ สเน็ก บาร์ค หรือบรรดางูเห่าและงูไม่เห่าทั้งหลาย ไม่ว่าที่ลือๆกันว่าตัวละ 120 ล้าน หรือเหมารวม 10 ตัว ปาเข้าไปถึง 300 ล้าน ต่างก็ไม่ได้คิดจะเลื้อยไป-เลื้อยมา แสดงฤทธิ์ แสดงเดช แบบประเภทนาคีมีพิษเพี้ยงสุริโยแต่อย่างใด มีก็แต่ประเภทพิษน้อยหยิ่งโยโสแมงป่อง ที่ลุกขึ้นมาชูแต่หางเองอ้า อวดอ้าง-ฤทธี ไปตามเรื่อง ตามราว หรือตามความเป็นประชาธิปไตยที่เชื่อๆ กันว่า สามารถนำไปอม ดม หยอด สอด เสียบ ได้ทุกเรื่อง ทุกราว นั่นแล...

                                                           --------------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...การเฉือนชนะไปได้ประมาณ 7 เสียงใน สภาล่าง นั้น คงต้องถือว่ายังเป็นไปในระดับ ปริ่มน้ำ   หรือไม่ถึงกับพ้นน้ำไปมากมายซักเท่าไหร่ คืออยู่ๆ แถวๆ จมูก แถวๆ ปากนั่นแหละ ไม่ได้ลดลงไปถึงระดับหัวนม หรือระดับสะเอว ที่พอจะช่วยให้ปลอดโปร่งโล่งใจได้แบบสบายๆ การประคับประคองสถานะนายกรัฐมนตรี สถานะความเป็นรัฐบาล ด้วยจำนวนเสียงในระดับนี้ มันเลยไม่เพียงแต่ต้องอาศัยความสามารถ อาศัยศิลปะ ลีลา แบบชนิดประณีตและละเอียดอ่อนเอามากๆ แต่ยังต้องอาศัยศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุจริตธรรม และ ขันติธรรม อย่างชนิดมิอาจเบี่ยงเบน บิดเบน ไปเป็นอื่นได้เลย...

                                                            ----------------------------------------------------

                หรือพูดง่ายๆ ว่า...ต้องหาทางสะสมและเพิ่มพูน สิ่งที่เรียกว่า ความชอบธรรมทางการเมือง อย่างเป็นกิจการและอย่างเป็นกระบวนการ ไม่อาจปล่อยให้มันลดน้อย ถอยลง หรือต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล การจัดหน้า จัดตารัฐมนตรี ว่าใครจะอยู่กระทรวงไหน ต่อกระทรวงไหน ใครที่ควร เขี่ยผ้าห่มปิดหน้า ใครที่ควรเปิดเผย นำไปออกงาน ใครที่ควรเอ่ยปากเว้าวอนให้กลับไปเลี้ยงหลาน และใครที่ควรวิงวอนให้อาสาและเสียสละ แรงกาย แรงงาน เพื่อเข้ามาช่วยชาติ ช่วยกอบกู้บ้านเมือง ภายในช่วงระยะผ่าน อันจะช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี...

                                                             -------------------------------------------------------

                นอกเหนือไปจากนั้น...ยังต้องหาทาง ปรับอารมณ์ ตัวเอง ไม่ให้วี้ดๆ หวิวๆ ไม่ให้คิดจะยกโพเดียมไปทุ่มหัวใครต่อใครแบบแต่ก่อน อะไรที่เคยแว้บๆ แว้ดๆ อาจต้องหาทางสะกดกลั้น ด้วยการหันไปท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์ของ ป๋าเปรม รัฐบุรุษและประธานองคมนตรีผู้เพิ่งวายชนม์ไปไม่นาน นั่นก็คือต้อง แน่งๆ...อย่าแหลงไหร เอาไว้มั่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้ที่พร้อมจะยั่วยวน กวนส้นตีน ไม่ต่ำกว่า 244 รายในสภาฯ จะไปนอตหลุด นอตหลวม เป็นสกรูเกลียวหวานมิได้โดยเด็ดขาด มีแต่ต้องอมปาก อมลิ้น ไปจนกระทั่งอมเลือด หรือพร้อมที่จะกลืนเลือดลงคอไปเลยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่...

                                                             ----------------------------------------------------------

                ด้วยเหตุเพราะ ทางออก และ ทางรอด สำหรับชาติบ้านเมือง นับแต่นี้เป็นต้นไป...มันคงแทบไม่เหลือช่อง เหลือจังหวะ หรือกระทั่งเหลือเวลาพอที่จะวนกลับไปสู่ทางออกแบบเก่าๆ หรือ วงจร แบบเก่าๆ อย่างที่เรียกๆ กันว่า วงจรอุบาทว์ อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งการหาทางออกและทางรอด ภายใต้ความเป็นประชาธิปไตย ที่มีแต่ต้อง ยุบสภาฯ แล้วหันไปเลือกตั้งกันใหม่นั้น ถ้าหากไม่อาศัยศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และสุจริตธรรมทั้งหลาย โอกาสที่จะถูก เผาไทย หรือต้องเจอกับ อนาคตไหม้ ก็ย่อมต้องมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น และนั่นก็แทบไม่ต่างอะไรไปจาก ทางตัน ที่ต้องหาทางผ่า กันอีกไม่รู้กี่ยก ต่อกี่ยก...

                                                              ------------------------------------------------------------

                ดังนั้น...เอาเป็นว่า นอกจากต้องขออนุญาตแสดงความยินดี และส่งความปรารถนาดี มายังท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เอาไว้ ณ ที่นี้ ยังต้องขออนุญาตอำนวย อวยพร ขอให้ยึดมั่นใน ธรรมะ เพื่อนำมาซึ่งความเป็นไปตามพุทธภาษิตที่ว่า ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง  หรือ ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม นั่นแล หรือเพื่อไม่ให้ต้องออกไปในแนว... ไปดีเถอะนะ...พี่ขออวยพร ให้เจ้าไปดี ลืมสิบหกปีเสียเถิดนะน้อง อะไรประมาณนั้น...

                                                             ----------------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก William Blake... The strongest poison ever know came from Caesars laurel crown. ยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด มาจากมงกุฎประดับช่อดอกไม้ของซีซาร์เอง...

                                                              ----------------------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"