โยน‘บิ๊กตู่’รื้อโผครม. พปชร.ฮึดขอกระทรวงหลักปชป.-ภท.ยํ้าต้องยึดดีลเดิม


เพิ่มเพื่อน    

 “ประยุทธ์” ยิ้มแก้มปริ ขอบคุณเสียงโหวตให้นั่งนายกฯ สมัย 2 ย้ำได้คะแนนเสียงจาก ส.ส.เกินครึ่งก่อนให้ ส.ว.หนุน วิษณุเปิดไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลใหม่ คาดไม่ลากยาวจบก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. “บิ๊กป้อม” ยัวะพ่อฟ้าบอกปล้นอะไร ไผ่ วันพอยท์ ซ้ำแค่เป็น “หมาก” ทำนึกว่าเป็นขุน สะพัด! รื้อโควตาใหม่หลังเห็นบทเรียน “ชวน” ทำหน้าที่ “สมคิด” ส่อไม่ไปต่อหากกระทรวงหลักหลุดมือ “ปชป.-ภท.” ย้ำต้องยึดดีลแรก พปชร.ต้องแก้ปัญหาเอง “เพื่อไทย” เตรียมดัน “สมพงษ์” ขึ้นแท่นผู้นำฝ่ายค้าน

    เมื่อวันพฤหัสบดี ยังคงมีความต่อเนื่องหลังจากมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เรื่องพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งผลการโหวตในช่วงค่ำได้มีมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนน 500 เสียง ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 251 เสียง และ ส.ว. 249 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้งรัฐสภา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ 244 เสียง และงดออกเสียง 3 คะแนน 
    ทั้งนี้ ในการประชุม ส.ว.เมื่อช่วงเช้า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้กล่าวก่อนเข้าสู่วาระประชุมว่า ขอบคุณสมาชิก ส.ว.ทั้ง 250  คน ที่ทำหน้าที่เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.อย่างพร้อมเพรียง แม้การประชุมจะใช้ระยะเวลายาวนาน 
ขณะเดียวกัน นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้ามายังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาดูความพร้อมสถานที่ในวันรับสนองพระบรมราชโองการ โดยคาดว่าจะใช้ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นสถานที่จัดพิธี และอาจใช้ห้องสีม่วงเป็นสถานที่กล่าวกับประชาชนหลังเสร็จสิ้นพิธี 
    สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ตั้งแต่เวลา 08.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ยังเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯ ตามปกติ โดยขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และเมื่อเวลา 10.30 น. พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์รับทราบผลการเลือกนายกฯ ของสมาชิกรัฐสภา โดยได้ขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และสมาชิกทั้ง 2 สภาที่ให้การสนับสนุน และทำให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย รวมทั้งขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนถึงวันนี้
    “นายกฯ ย้ำว่าคะแนนเสียงที่มากกว่านั้นได้มาจาก ส.ส.ก่อน แล้วค่อยรวมกับเสียงของ ส.ว.เป็น 500 คะแนน ซึ่งก็เป็นไปตามกติกาเดิม พร้อมทั้งยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน” พล.ท.วีรชนกล่าว
    พล.ท.วีรชนกล่าวอีกว่า นายกฯ ยังได้ขอบคุณ ส.ส.บางส่วน แม้ไม่สนับสนุน แต่ก็ได้ทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชนเต็มที่ โดยจากนี้ไปอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานด้วยเจตนารมณ์ที่คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชน ซึ่งยังมีปัญหาอีกมากมายที่รอการแก้ไข รวมทั้งนำบทเรียนในอดีตมาเป็นแนวทางในปัจจุบัน 
    และเมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกภักดีบดินทร์ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 ครั้งที่ 1/2562 ซึ่งระหว่างเดินนายกฯ ได้หยุดทักทายสื่อมวลชนและช่างภาพอย่างอารมณ์ดี มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมยกมือไหว้และกล่าวว่า "ขอบคุณทุกคนนะครับ" จากนั้นนายกฯ ได้เรียกขอเอกสารจากทีมงานนำมาโชว์ให้สื่อดู และกล่าวอีกว่า "ขอบคุณทุกคนนะครับ เดี๋ยวเอากระดาษนี้ไป นายกฯ พูดตามนี้ ขอไปประชุมก่อน ทุกอย่างก็เหมือนเดิมนั่นแหละ" 
“ป้อม”ยัวะปล้นบ้าอะไร
    สำหรับเอกสารที่นายกฯ ได้ยื่นให้สื่อดูนั้น เป็นข้อความที่นายกฯ ขอบคุณทั้งสองสภา ซึ่ง พล.ท.วีรชนได้ชี้แจง และหลังเสร็จสิ้นการประชุมในเวลา 16.05 น.ได้ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับการพิจารณาการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยได้แต่ยิ้มหวานให้เท่านั้น
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงบรรยากาศการโหวตเลือกนายกฯ ว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งก็ต้องว่ากันไป ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ถูกพาดพิงนั้น เป็นเรื่องปกติของการเมือง อย่าไปสนใจเรื่องการเมืองกันให้มาก อยากให้สนใจเรื่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการสกัดกั้นยาเสพติดมากกว่า 
    เมื่อถามว่า ภูมิใจแทน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ที่ได้เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่เจอ พล.อ.ประยุทธ์ และยังไม่ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดี
    ถามถึงกรณีนายธนาธรออกมาระบุว่าถูกปล้นชัยชนะ และเปรียบเป็นสภา  500 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าลองไปถามนายธนาธร เพราะไม่ได้เป็นคนพูด และไม่มองอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า แต่นายธนาธรเปรียบสภา 500 เหมือนโจร 500 พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คุณคิดไปเอง ก็ได้ 500 เสียงพอดี ปล้นบ้าอะไร
    ซักถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายในรัฐสภาว่าหากมีทหารมาเยี่ยมที่บ้านจะยิงใส่ เพราะมีปืนถูกกฎหมาย พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยิงไปเลย แล้วทำไมเขาถึงไม่ยิง ถามว่าตอนนี้มีใครไป ก็พูดไปเองทั้งนั้น
    เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังได้พาดพิงถึงเรื่องนาฬิกาหรู พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า มันจบไปแล้ว จะเอาอะไรอีก เรื่องนาฬิกาจะทำอย่างไรได้ เพราะฉันยืมเขามา
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงเสียง ส.ว.เทเสียงโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นหน้าที่ของเขา ไม่ว่าใครจะติฉินนินทาว่าร้ายอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนด ตรงกันข้ามที่เขาไม่โหวต เขาอาจจะผิดก็ได้ และที่พูดกันว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
นายวิษณุยังกล่าวถึงไทม์ไลน์การทูลเกล้าฯ ถวายเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่า สภาจะเป็นผู้นำรายชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งเร็วที่สุดน่าจะเป็นวันที่ 6 มิ.ย. จากนั้นก็สุดแล้วแต่จะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกลับลงมาเมื่อไหร่ และเมื่อมีโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่นายกฯ จะดำเนินการเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ สุดแล้วแต่เห็นสมควร ซึ่งคงต้องหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ หลังจากนั้นจะส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เลขาธิการ ครม.นำรายชื่อทั้งหมดไปตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
    เมื่อถามว่า ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์นี้ เราน่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่ประมาณปลายเดือนนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทั่วไปไม่ควรยาวนาน วันนี้เพิ่งวันที่ 6 มิ.ย. เหลืออีกตั้ง 24 วันก็น่าทำได้ แต่สิ่งที่ควรต้องทำไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลคงทราบแล้ว แต่หากต้องให้เกิดความรอบคอบ คือในระหว่างที่จะจัดตั้ง ครม. ซึ่งจะมาจากพรรคใด และใครไปอยู่ที่ไหนก็ตาม สิ่งที่ควรทำไปพร้อมๆ กันคือการยกร่างนโยบาย เพราะเมื่อไปถึงวันที่ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว หลังจากนั้นต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วัน ดังนั้นควรใช้เวลาช่วงนี้ ซึ่งยังไม่ได้นับหนึ่งมายกร่างนโยบายไว้ก่อน เตรียมไว้ และพอจัดตั้ง ครม.เสร็จ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็เอานโยบายที่จัดทำเสร็จแล้วมาปรับปรุงอีกไม่มากนัก แล้วเสนอ จากนั้นก็สามารถเดินหน้าเรื่อง 15 วันได้
    เมื่อถามว่า ช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์สามารถเข้าไปร่วมร่างนโยบายต่างๆ ได้เลยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า หากเป็นการเตรียมการก็ทำได้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้งดงามก็ควรรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาก่อน แต่การเตรียมการในช่วงนี้ สามารถทำได้ ซึ่งตอนนี้นายกฯ มีอำนาจเต็มจะดำเนินการแล้ว 
ถามถึงการทาบทามให้เป็นรัฐมนตรีต่อ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังครับๆ และเมื่อถามว่ามองเสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นอย่างไรจากนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ เราก็เห็นกันอยู่แล้ว คุณก็รู้เท่ากับตนเอง
พ่อฟ้าแค่หมากไม่ใช่ขุน
    ด้านเฟซบุ๊กของนายธนาธรได้โพสต์ในหัวข้อ “นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น” โดยย้ำว่า วันนี้เราไม่ได้พ่ายแพ้ เพียงแต่ชัยชนะของเราถูกปล้นไป เพราะกติกาที่ไม่เป็นธรรม แต่พวกเราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าท้ายที่สุดชัยชนะจะเป็นของประชาชน เผด็จการไม่สามารถต้านทานสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดไป ซึ่งการประชุมเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ทำให้ประชาชนเป็นสักขีพยานแล้วว่าพวกเขาจะต้องใช้ต้นทุนสูง และต้องทำตัวทุเรศทุรังขนาดไหนในการสืบทอดอำนาจ และในทางกลับกันครั้งนี้ พวกเราได้ต่อสู้อย่างจริงจังแค่ไหนเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเอง
    “ผู้ที่รักความเป็นธรรมและอยากเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น โปรดอย่าสิ้นหวัง นี่ไม่ใช่เวลาของการสิ้นหวัง เพราะเราจะยังเดินหน้ามุ่งทำงานการเมืองสร้างสรรค์อย่างแข็งขันต่อไป ไม่เช่นนั้นลูกหลานของเราก็จะเติบโตมาในสังคมที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีสิทธิเสรีภาพเช่นที่เป็นอยู่นี้ ดังนั้นจงอย่าส่งต่อสังคมเช่นนี้ให้ลูกหลานของเรา และสุดท้ายนี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น เราจะสู้ไปด้วยกัน” เฟซบุ๊กนายธนาธรโพสต์
    นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงวาทกรรมการปล้นชัยชนะของคุณธนาธร ว่าไม่มีใครปล้นหรอก เพราะถ้าวันนี้ เสียงฝั่งฝ่ายค้านปัจจุบันชนะจะไม่มีการส่งชื่อคุณธนาธรแน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยจะส่งคนของเขามา  คุณธนาธรจึงเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ไม่ใช่ขุน วันนี้ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยไม่ได้ชอบสิ่งนี้เท่าไหร่ เพราะคุณธนาธรคือคู่แข่งโดยตรงของพวกเขา เพราะฐานเสียงเดียวกัน ไม่มีใครเอาลูกเค้ามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเค้ามาอม แล้วไม่หวังอะไร
    นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวถึงกรณีนายธนาธรระบุถูกปล้นประชาธิปไตยว่า ไม่ทราบหมายความว่าอย่างไร ปล้นตอนไหน ถ้าเกิดคนกล่าวหานายธนาธรว่าที่ได้มาเยอะแยะทำอะไรมา อย่างนี้ไม่ได้หรอก การเมืองต้องไม่มากล่าวหากันเลื่อนลอย ว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกา เลือกนายกฯ เปิดเผยชัดเจน
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรค พท. กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯ ว่ารู้สึกแปลกใจมากที่สุด ตั้งแต่ทำงานร่วมกับ ส.ว.มาหลายสมัย เพิ่งเห็น ส.ว.ทั้ง 250 คนลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ครบทุกคนชนิดไม่มีแตกแถวแม้แต่เสียงเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสภาสูง ซึ่งสิ่งที่สังคมคลางแคลงใจ และอาจคิดว่า ส.ว.ต้องเป็นกลางนั้น เชื่อว่าประชาชนวันนี้เข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า เก้าอี้นายกฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ช่วงชิงเอามาจนได้สะท้อนความบิดเบี้ยวทางการเมือง ซึ่งเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร จัดเป็นชัยชนะที่ไม่ขาวสะอาดและขาดความสง่างาม ต่อให้ได้คะแนน 500 เสียง ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นนายกฯ ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งคือ คะแนนเสียงจาก ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และคะแนนอีกครึ่งหนึ่งก็ได้มาจากบรรดา ส.ส.ปัดเศษ ซึ่งไม่ใช่ผู้แทนที่ประชาชนส่วนใหญ่ลงคะแนนให้
ด้านนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การเลือกนายกฯ เป็นไปตามกติกาที่ออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญประชาชนต้องยอมรับในกติกาในรัฐธรรมนูญด้วย ทำให้กลไกนั้นเดินต่อไป ส่วนที่ว่าเดินต่อไปแล้วจะเกิดปัญหาอะไรก็ต้องไปแก้กันในสภา ซึ่งการเลือกนายกฯ ทุกฝ่ายได้แสดงบทบาทของทุกฝ่ายได้เต็มที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มให้การเมืองไทยและระบบ สิ่งสำคัญคือการทำให้ประเทศกลับสู่ระบบปกติ
โยน'บิ๊กตู่'ชี้ขาดโควตา
“วันนี้สังคมไทยต้องอดทนกับสิ่งเหล่านี้ แม้ไม่พอใจในกติกา แต่กติกานี้ก็ผ่านกระบวนการ ดังนั้นคิดว่าต้องเดินต่อ และการจัดตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างมาก เมื่อมีนายกฯ แล้วสัดส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะการเมืองก็ขึ้นอยู่กับการต่อรองอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญอยากเห็นว่าการต่อรองเพื่อการทำงานให้บ้านเมืองได้ดีขึ้น” นายวุฒิสารกล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวการจัดตั้งรัฐบาลได้กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง หลังจบการโหวตนายกฯ โดยเฉพาะการจัดสรร ครม. โควตารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ซึ่งในดีลแรกที่ ปชป.ได้กระทรวงพาณิชย์, เกษตรฯ และการพัฒนาสังคมฯ ส่วน ภท.ได้คมนาคม, สาธารณสุข และท่องเที่ยวฯ นั้น แกนนำพรรคยังยืนยันเงื่อนไขเดิม ใช้ระบบพรรคการเมือง โดยผู้บริหารพรรคจะเป็นผู้เจรจาพูดคุย แล้วเอาเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และจะมีการแถลงความชัดเจนจากนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. ในเร็วๆ นี้ 
“หากคุยกันไม่ลงตัว และ 2 พรรคยังยืนยันคำเดิมที่จะยึดดีลแรก พรรคจะโยนสิทธิ์ขาดให้ พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาความเหมาะสมด้วยตัวเอง เพราะได้เรียนรู้จากการสูญเสียเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้กับ ปชป. ที่ทำให้การประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ ถูกถล่มอย่างหนัก หากยังเสียโควตากระทรวงสำคัญๆ อย่างพาณิชย์, คมนาคม และเกษตรฯ อีก จะทำให้การทำงานของรัฐบาลลำบาก”
มีรายงานข่าวอีกว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังมองว่าหากโควตายังเป็นแบบนี้ ไม่เหลือกระทรวงเกรดเอไว้เลย อาจทำงานไม่ได้ และปัญหาเรื่องสุขภาพอาจเป็นเหตุผลทำให้นายสมคิดตัดสินใจไม่ร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ในสมัยที่ 2 ต่อก็ได้ 
“แกนนำ พปชร.จะหารือกันในวันที่ 7 มิ.ย. ซึ่งมองว่ายังมีเวลาในการพูดคุยกับพรรคร่วมถึงโควตา ที่ขณะนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่ลงตัว โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุต้องเป็นของพรรคหลัก ส่วนเก้าอี้ไหนที่ลงตัวแล้วอาจส่งให้นายกฯ พิจารณาไปก่อน โดยได้วางไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ไม่ให้เกินวันที่ 13 มิ.ย.” รายงานระบุ
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าว พปชร.จะดึงกระทรวงเกษตรฯ กลับมา ว่าการกำหนดกระทรวงหรือจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่ กก.บห. โดยพรรคได้มอบให้หัวหน้าและเลขาธิการพรรคเป็นผู้ดำเนินการ โดยหากไม่ได้กระทรวงตามที่ได้ไปหาเสียงไว้ ก็ถือเป็นความเสียหายในภาพรวม แต่ส่วนตัวคงไม่มีอะไร
    “ก็ต้องยอมรับว่ามีทั้งคนผิดหวังและสมหวัง ก็ว่ากันไป ซึ่งเพิ่งเริ่มนับหนึ่ง และไม่มีการรับปากกัน เพิ่งจะเริ่มต้น และนายกฯ จะเป็นผู้พิจารณาท้ายสุด” นายสมศักดิ์ตอบถึงกรณีอาจไม่ได้ดูแลกระทรวงเกษตรฯ 
ปชป.-ภท.ยันยึดดีลเดิม
นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรค พปชร.ยอมรับว่า การจัดโควตารัฐมนตรีใหม่มีโอกาสเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นแนวทางหนึ่ง ขึ้นอยู่กับ กก.บห. ถ้าพรรคร่วมคุยกันไม่จบ คิดว่าสุดท้ายคงต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเคาะรายชื่อ เพราะถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรค ปชป.คิดว่าเป็นประเด็นรองๆ เพราะการแก้ปัญหาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดีน่าจะต้องมาก่อน  
     ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ต้องถาม พปชร. เพราะเขาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจเป็นเรื่องภายในของพรรคเขาก็ได้ แต่พรรคขอเรียนว่ามีข้อยุติแล้ว ดังนั้นคงเป็นไปตามนั้น ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าจะเป็นไปตามที่ได้คุยกัน
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. มองเรื่องนี้ว่า ต้องถามไปยังพรรค พปชร.ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะไม่เป็นธรรมกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นที่โหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนถือคติว่า อ้อยเข้าปากช้าง ผีถึงป่าช้าแล้วยังไงไม่ฝังก็เผา อยากให้แกนนำ พปชร.ทบทวนเรื่องนี้ ให้ข้อตกลงเป็นข้อตกลง สัญญาเป็นสัญญา หากบิดพลิ้ว บิดเบือน เปลี่ยนแปลง และยึดคืนจะไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ รวมทั้งจะทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินด้วยความยากลำบาก
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวพร้อมหัวเราะในเรื่องนี้ว่า ดีจะได้ขอเพิ่ม แต่วันนี้ยังไม่มีใครพูดเป็นอย่างอื่น เพราะเราได้พูดไปแล้ว ว่าต้องการเข้าไปทำงานเพื่อเดินหน้าในนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน เราจะพยายามเข้าไปทำงานในด้านที่เรามีฝีมือ ทั้งนี้ จากวันที่ตกลงกันกับพรรค พปชร.จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
“จะยอมถ้าทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แต่การเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนได้ทั้งสองฝั่ง เพราะทุกอย่างมีสองด้าน เชื่อว่าพรรค พปชร.จะไม่เอากรณีนายสิริพงศ์มาเป็นข้อต่อรอง และเชื่อว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่การต่อรอง เราต้องการทำให้บ้านเมืองเดินหน้า โดยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย ใครทำไม่ดีก็ไปว่ากันในสภา เช่นเดียวกับใครขี้โกงก็ลากไส้กันในสภา เพราะเวทีเปิดแล้ว” นายอนุทินกล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 10 พรรคการเมืองนั้น ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 10 พรรคมามอบให้กับนายสรศักดิ์ โดยมีมติมอบให้นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นผู้ประสานงานของกลุ่ม 10 พรรคการเมือง เพื่อให้การทำงานร่วมกันในรัฐสภามีความเป็นเอกภาพ
พร้อมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน
    ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กว่า 7 พรรคจะหารือในอาทิตย์ถัดไป เพื่อสรุปสิ่งที่เกิดขึ้น และดูว่าจะร่วมมือทำงานต่อไปอย่างไร เพราะต้องเป็นฝ่ายค้านในสภา โดยเฉพาะในกรณีผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งหัวหน้าพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ ส่วนกระแสข่าวที่มีชื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายสมพงษ์เป็นผู้มีอาวุโส มีความเหมาะสมหลายประการ มีศักยภาพสามารถประสานงานกับส่วนต่างๆ ได้ แต่สุดท้ายท้ายต้องหารือกันอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นก็ต้องมีการประชุมสามัญประจำปีภายในพรรคเพื่อตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ต่อไป อย่างช้าไม่เกินเดือน ก.ค.หรือ ส.ค.นี้
    ด้านนายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคได้วางตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ ไว้พร้อมแล้ว ทั้งบุคคลที่จะร่วมยกร่างข้อบังคับการประชุมสภา รวมถึงผู้นำฝ่ายค้าน ทันทีที่สภามีกรอบเวลาการทำงานที่ชัดเจน พรรคจะประชุมเพื่อเลือก กก.บห.และหัวหน้าพรรคทันที ส่วนที่มีข่าวจะนั่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ กก.บห. แต่ก็มีความพร้อม เพราะเดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว เป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำได้หมด
    นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวถึงการทำงานต่อไปว่า จะมีความเป็นเอกภาพเหมือนกับโหวตเลือกนายกฯ โดยได้ย้ำตั้งแต่ต้น เป็นคนรักษาคำพูด คำไหนคำนั้น จุดยืนทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ การเป็นบุคคลสาธารณะและมาทำงานการเมือง ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ว่าคิดอะไรอยู่.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"