‘ทีมแพทย์’ชี้อาการป่วยแบบ'น้ำตาล เดอะสตาร์'ไม่เคยเจอมาก่อน


เพิ่มเพื่อน    

 

          คณะแพทย์ จากโรงพยาบาลศิริราช นำโดย  ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมด้วย รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ แพทย์สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ และครอบครัวของ น้ำตาล-บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือ น้ำตาล เดอะสตาร์ 5 ร่วมแถลงถึงอาการป่วยของน้ำตาลที่ยังมีอาการโคม่าอยู่

            โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์  เผยว่า  "เมื่อวานทางศิริราชได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาลสมุทรสาคร ตั้งแต่เมื่อวานตอนเวลาประมาณ 08.15 นาที ว่าคุณน้ำตาลมีอาการเลือดออก อาเจียนเป็นเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก และเลือดที่ออกมาทำให้เข้าไปอุดตันทางเดินอากาศหรือทางเดินหายใจ จนกระทั่งทำให้หัวใจมีการหยุดเต้นและมีการกู้ชีพถึง 2 ครั้ง ทั้งที่บ้านกับที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร หลังจากนั้นพอมีการประสานงานมาทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลเอง ก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร

          ในการดำเนินการเวลานั้นเราจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยพยุงการของหัวใจและปอดที่เรียกว่าเอคโม่ เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพราะถ้าเคลื่อนย้ายโดยไม่ใส่เครื่องพยุงมาผมเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นในขณะการเดินทาง หลังจากที่มาถึงศิริราชก็มาที่ห้องไอซียู  ได้มีการให้ยา มีการปรับเปลี่ยนยา และให้เครื่องเอคโม่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการแก้ไขความไม่สมดุลของสารต่างๆ ในกระแสเลือดอยู่ในระดับหนึ่ง

 

 

          ซึ่งในช่วงต้นตลอดระยะเวลาของเมื่อวานนั้น สภาพคนไข้ยังไม่พร้อมพอจะไปตรวจอะไรเพิ่มเติม ถ้าชีพจรทุกอย่างยังไม่ดี การเคลื่อนย้ายคนไข้ไปตรวจอะไรต่างๆ ก็อาจจะเป็นอันตราย แต่หลังจากที่ดำเนินการเป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อวานตอนค่ำๆ ชีพจรต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น สัญญาณชีพต่างๆ ก็เริ่มคงที่ เลือดที่ออกจากท่อหายใจเราก็ไม่เห็นแล้ว จนกระทั่งเมื่อเช้า เมื่อทุกอย่างคงที่เรียบร้อย เราก็ได้นำคุณน้ำตาลไปตรวจเพิ่มเติม โดยการไปเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ทั้งที่ปอดและที่สมอง

          เหตุผลที่ต้องทำที่สมองด้วยก็เพื่อต้องการจะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่สมองหรือเปล่า ในขณะเดียวกันสภาพก่อนหน้านี้จากเกร็ดเลือดที่ต่ำลง สารที่ทำให้เลือดแข็งตัวลดลง จะเกิดอะไรขึ้นกับสมองหรือเปล่า อันนี้คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ ส่วนเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่ปอด ก็เพื่อจะดูว่ามีรอยรั่วอะไรหรือเปล่าที่เป็นสาเหตุของเลือดออก  ผลตรวจเช้านี้ก็มีสรุปออกมาว่า สมองมีอาการบวมค่อนข้างมากทีเดียว ไม่มีเลือดออกในสมองให้เห็น ขณะเดียวกันในปอดมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการที่หัวใจมีอาการหยุดเต้น การขาดเลือดสมองเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ไม่สามารถเห็นรอยโรคอะไรที่เป็นสาเหตุของเลือดออกที่ชัดเจนจากการเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ในปอด

          ณ วันนี้ ตอนนี้ เราก็นำคุณน้ำตาลกลับมาอยู่ห้องไอซียู ซึ่งก็ให้ยาอยู่ กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขความผิดปกติในเลือด ซึ่งขณะนี้ยังมีความผิดปกติอยู่ ทยอยแก้ไขอยู่ อย่างที่สองตัวเอคโม่ที่ใช้อยู่มันทำงานได้ค่อนข้างดี เลือดที่ออกตอนนี้ไม่เห็น แต่เนื่องจากเรายังไม่รู้สาเหตุว่าเลือดออกจากอะไร นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเฝ้าพึงระวังอยู่

          การประเมินการทำงานของสมองในเวลานี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ เพราะเมื่อไหร่ที่สมองบวม ผมต้องขออธิบายแบบนี้นะครับ คนทุกคนที่เมื่อไหร่หัวใจหยุดเต้น สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ขาดออกซิเจนไป ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสมองคือการบวมน้ำ ซึ่งการบวมน้ำนี้มันจะเป็นมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง จากนั้นก็จะค่อยๆ ลดลง เราจะประเมินว่าสมองทำงานอะไรอยู่บ้างก็ต้องรอหลังจากที่สมองยุบลง ฉะนั้นในเวลานี้ยังไม่สามารถประเมินการทำงานของสมองได้อย่างเต็มที่ จากนี้ผมก็ขอติดตามในส่วนตรงนี้ต่อไปก่อน

 

 

          คือเวลามีเลือดออกแบบนี้ เราพยายามหา ซึ่งโรคพวกนี้ เป็นสิ่งที่เจอน้อยมาก เจอไม่บ่อย ก็ไม่อยากเรียกว่า 1 ในล้าน คือเอาเป็นว่ามันเจอน้อยมากก็แล้วกัน เพราะตอนนี้เรายังไม่ว่าโรคอะไร แต่ที่เราเจอบ่อย เช่น เส้นเลือดที่ผิดปกติ ที่เป็นก้อน แต่เรามองไม่เห็น พอไม่เห็น เรารู้อย่างเดียว เลือดที่ออก บอกอย่างตรงไปตรงมาคือเส้นเลือดแตก แต่เป็นเส้นเลือดจากอะไร ตรงนี้เรายังไม่รู้

          ถ้าเราประคับประคองในช่วงตรงนี้ ถ้าสมองยุบตัวลงแล้ว เราก็จะสามารถประเมินได้อย่างเต็มที่ ขั้นตอนต่อไป ถ้าคนไข้ผ่านพ้นระยะวิกฤตตรงนี้ไป เช่น เลือดไม่ออกในช่วงวิกฤตตอนนี้ เราก็จะไปสู่ขั้นตอนสืบค้น ว่าอะไรทำให้เลือดออก แล้วสามารถรักษา คือการรักษาจุดเลือดออก มันทำได้ทั้งที่ไม่ต้องผ่าตัดก็ได้ อาจจะใช้วิธีการใส่สาย คือถ้าเรารู้ว่าออกจุดไหน เราก็เลื่อยสายเข้าไปอุดได้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ แต่ถ้าไปทำตอนนี้ผมว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะชีพจรอะไรต่างๆ เพิ่งกลับมา คนไข้ยังไม่อยู่ในสภาพที่จะไปทำอะไรมากๆนานๆ นอกไอซียู

          แต่ ณ วันนี้ สัญญาณชีพคงที่แล้ว แล้ววันนี้ในเวลานี้ เราไม่เห็นเลือดออกมาในท่อทางเดินหายใจ ถึงแม้ว่าตอนนี้เลือดจะถูกฟอกโดยเครื่องอยู่ข้างนอก แต่การที่ไม่มีเลือดออกมา เราก็หวังว่าปอดจะกลับมาทำงาน ผมไม่อยากให้คาดการณ์อะไรในเชิงบวกมากเกินไป แต่ก็ไม่อยากพูดในเชิงลบ ตอนนี้เราดูวันต่อวัน เราเฝ้าระวังในสิ่งที่เราระวังอยู่ ถ้าคุณน้ำตาลฟื้นขึ้นมา จากอาการที่สมองบวมจะส่งผลอะไรไหมตอนนี้ยังเร็วเกินไป ผมพูดตรงๆ นะ เวลาไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง เซลล์สมองจะถูกทำลาย อันนี้เป็นเรื่องปกติ

          ถามว่าจะทำงานได้มากน้อยแค่ไหน ณ ตอนนี้เรายังสรุปไม่ได้ ตอนนี้เรารู้แค่ว่าบวมขนาดนี้ ต่อให้สมองดี บวมแบบนี้ก็ไม่รู้ตัวหรอก ก็ต้องรอให้ยุบบวมซะก่อน ถึงจะแยกได้ว่าที่ไม่รู้ตัวตอนนี้เพราะสมองบวม หรือว่าเนื้อสมองถูกทำลายไปแล้ว จากการขาดเลือดไปเลี้ยง รอให้เราแห้เรื่องบวม ให้มันยุบลงแล้วก็ประเมินสมองอีกหนึ่งครั้ง  มีอีกประเด็นหนึ่งคือ ปริมาณเลือดที่มีการตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรสาครนั้น เกร็ดเลือดไม่ได้ต่ำ ในโซเชียลมีบางคนบอกว่าเป็นไข้เลือดออกหรือเปล่า อันนี้ไม่เหมือนนะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นเลือดที่ออกจะสัมพันธ์กับการที่เกร็ดเลือกต่ำ แล้วโดนทั่วไปจะไม่ออกแค่จุดเดียว เราอาจจะเห็นเลือดออกที่อื่นอีกเช่นผิวหนัง แต่อันนี้ไม่มี

 

 

            ในส่วน รศ.นพ.ปรัญญา  ได้เผยว่า  "ตนได้รับการติดต่อให้ไปใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจ หรือเอคโม่ ซึ่งมีหน้าที่ทำงานแทนปอดและหัวใจ ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร กรณีของคุณน้ำตาลเท่าที่ประเมินปัญหาใหญ่อยู่ที่ปอดไม่ใช่หัวใจ คือหัวใจของคุณน้ำตาลต้องใช้ยากระตุ้นก็จริง แต่สาเหตุที่หัวใจหยุดเต้นเกิดจากปอดไม่สามารถแบกเปลี่ยนอากาศได้ เพราะเลือดที่ไหลออกมาลงไปอุดหลอดลมทั้งสองข้าง จนไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้

          สิ่งที่ต้องทำคือต้องนำเอาเลือดจากร่างกายของคุณน้ำตาลออกมาแลกเปลี่ยนอากาศข้างนอก เอาออกซิเจนเข้าไปแล้วเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งต้องใช้เครื่องเอคโม แปลตรงๆ ก็คือปอดเทียม แต่เพื่อความเข้าใจเราขอใช้คำว่าเครื่องพยุงปอดและหัวใจ ตอนนี้ในกรณีของคุณน้ำตาล เครื่องนี้ทำงานแทนปอดอย่างเดียว ส่วนหัวใจอยู่ได้ด้วยยากระตุ้น

          เมื่อตนไปถึงโรงพยาบาลสมุทรสาครพบว่าคุณน้ำตาลมีภาวะความเป็นกรดในเลือดสูง จากทั้งกรดที่ร่างกายผลิตแล้วไม่สามารถขับออกได้ และแก๊สที่เป็นของเสียของร่างกายที่ไม่สามารถขับออกได้เลย ค่าปกติอยู่ที่ 40 แต่ของคุณน้ำตาลอยู่ที่ 80 เราพิจารณาว่าจำเป็นจะต้องใส่เครื่องนี้เพื่อนำเลือดออกมาฟอกด้านนอก พอใส่เครื่องแล้วเราก็มั่นใจมากขึ้นว่าการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยปลอดภัยขึ้น แต่โรงพยาบาลสมุทรสาครไม่สามรถดูแลเครื่องนี้ได้ ต้องเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลใหญ่ๆ หรือโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเท่านั้น จึงทำการย้ายคุณน้ำตาลมาที่หอผู้ป่วย โรงพยาบาลศิริราช โดยใช้รถพยาบาลแบบพิเศษ หรือ โมบาย ไอซียู ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลกรุงเทพ

          พอมาถึงศิริราชเราได้เริ่มปรับยา เพราะคืนแรกที่มาถึงความดันของคุณน้ำตาลก็ยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องแก้ไขทุกอย่าง จนทุกอย่างนิ่งจึงได้เริ่มทำการตรวจวินิจฉัยว่าเลือดออกมาจากจุดไหนแต่ก็ยังไม่พบ ตรวจดูว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนแค่ไหน จากการตรวจร่างกายตอนนี้ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ สมองยังบวมอยู่ ต้องรอให้สมองยุบก่อนค่อยประเมินซ้ำอีกครั้ง  

 

 

          ต้องยอมรับว่าลักษณะอาการป่วยแบบนี้เป๊ะเลยเราไม่เคยเจอ แต่ลักษณะเช่นไอเป็นเลือดมากๆ อันนี้เคยเจอ หรืออาเจียนเป็นเลือดมากๆ เราก็เคยเจอ แต่ภาพรวมของเคสนี้คือการมีเลือดออกเข้าไปในหลอดลมทั้งสองข้างจนกระทั่งต้องใช้เครื่องเอคโม่มาช่วย ซึ่งถามว่าเราเคยเจอเคสลักษณะแบบนี้ไหม คือไม่เคยครับ การรักษาตอนนี้คือ ปอดก็รอฟื้นตัวจากการที่เขาสำลักเลือดทั้งสองข้าง ระหว่างที่ปอดยังฟอกเลือดไม่ได้ ก็ต้องใช้เครื่องเอคโม่ไปก่อน ส่วนสมองก็รอให้หยุดบวม ตอนนี้ก็ใช้ยาช่วย แล้วก็ดูระดับเกลือแร่ว่าอย่าให้ผิดปกติ ส่วนเรื่องเลือดออก ตอนนี้เราก็ได้แต่เฝ้าระวัง คอยดูความเข้มข้นของเลือด ถ้าเมื่อไหร่มีสัญญาณว่ามันตกลงไป คือบางครั้งมันก็จะไม่เห็นร่องรอย

          ปอด 2 ข้างของคุณน้ำตาลยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนแก๊สได้ดี ทั้ง 2 ข้าง จึงต้องใช้เครื่องนี้ช่วยแลกเปลี่ยนแก๊สไปก่อน ส่วนเรื่องปอดแตก คือจริงๆ เราไม่เคยพูดถึงเลย แต่ว่าตามข่าวที่ทราบมาว่า คุณน้ำตาลมีอาการปอดแตกด้านขวา ก็คือมีลมรั่วจากเยื่อหุ้มปอด ทำให้ปอดยุบ จำเป็นต้องใส่สายระบายลม อันนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ก่อนหน้านี้ที่ผมจะไปพบคุณน้ำตาล คาดว่าปอดแตกเกิดจากการใส่ท่อหายใจ แล้วพยายามบีบเพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปในปอด แต่เนื่องจากว่ามีเลือดอยู่ในนั้นเยอะ เลยทำให้ความดันในปอดมันขึ้นสูงมาก ก็เหมือนลูกโป่งที่มันสูงเกินไป ทำให้มันแตกได้ จริงๆ สิ่งนี้พบไม่บ่อย

          ส่วนที่บอกว่าคุณน้ำตาลหยุดหายใจไป 30 นาที คือจริงๆ ไม่ใช่หยุดหายใจไป 30 นาที แต่ใช้เวลาปั๊มหัวใจไป 30 นาทีนะครับ แต่ในระหว่างที่ปั๊มหัวใจไป 30 นาทีกว่าจะฟื้นมาได้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า ออกซิเจนที่เข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่เหตุผลที่หัวใจหยุดเต้น คือร่างกายขาดออกซิเจนนะครับ"

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"