ประยุทธ์โอ่ไทยพร้อมนำอาเซียน


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ฟื้นความเชื่อมั่นผู้นำธุรกิจอาเซียน ยันรัฐบาลใหม่มีแน่ สัญญาเป็นนายกฯ ที่เรียบร้อยขึ้น พอใจค้ามนุษย์ไทยรั้งเทียร์ 2 "ประวิตร" สั่งเดินหน้าต่อหวังขยับขึ้นเทียร์ 1 คุมเข้ม รปภ.อาเซียนซัมมิต

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรม Waldorf Astoria ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่ชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาในการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 (The Fifth Bloomberg ASEAN Business Summit - ABS) เนื่องในโอกาสการประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน ครั้งที่ 5 หัวข้อ “The Future of Thailand and ASEAN” ซึ่งถือเป็นเวทีแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเปิดตัวและแสดงวิสัยทัศน์ต่อนักลงทุนต่างประเทศ หลังรับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วิสัยทัศน์ประเทศไทยนั้น มีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้าน ที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปสู่ความก้าวหน้าพร้อมกับภูมิภาค ปัจจุบันเหตุการณ์ในประเทศมีเสถียรภาพ โดยไทยได้ก้าวพ้นสถานการณ์ความไม่สงบ มีความปรองดอง และสามารถแก้ปัญหาคั่งค้างที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น การประมงผิดกฎหมาย การปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เป็นต้น 
และที่สำคัญต่อประชาชนชาวไทยมากก็คือ การที่เราได้ผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วไปตามกระบวนการประชาธิปไตยด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตามโรดแมปที่กำหนด ซึ่งช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ และตนยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้ทำหน้าที่นายกฯ ต่อ และจะพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อสืบสานนโยบายพัฒนาประเทศ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งที่อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่จุดยืนที่จะสนับสนุนกระบวนการของอาเซียนให้ก้าวหน้าต่อไปจะคงเดิม
นายกฯ กล่าวว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา ดัชนีเศรษฐกิจต่างๆ ของไทยบ่งชี้ว่า สถานการณ์ในประเทศดีขึ้นมาก เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 4.1 ถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 ปี มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ระดับ 2.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 3.8 ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 ปีเช่นกัน สำหรับภาคการท่องเที่ยวก็เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทยถึง 38 ล้านคน ในปี 2561 เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านคนจากปีก่อนหน้า และปีนี้คาดว่าเราจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน นอกจากนี้ เสถียรภาพด้านต่างประเทศยังแข็งแกร่ง สะท้อนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง และเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูงเป็นอันดับ 12 ของโลก ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายในการพัฒนาประเทศมีความต่อเนื่อง ประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้น เพื่อเป็นกรอบในการทำงานและนำพา 
ขอใจเย็นมีรัฐบาลใหม่แน่
“เรามีความพร้อมทั้งในแง่พื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี เสถียรภาพทางการเมือง ที่นำไปสู่ความต่อเนื่องของนโยบาย ซึ่งรัฐบาลใหม่ก็พร้อมสานต่อนโยบายที่ได้วางรากฐานไว้ ขอให้ใจเย็นๆ รัฐบาลใหม่เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว วันนี้ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ ผมก็เป็นคนหนึ่งในรัฐบาลใหม่ ผมพูดอะไรก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว จึงขอให้ภาคเอกชนเชื่อมั่น และใช้ประโยชน์จากโอกาสและความพร้อมของไทยและอาเซียน ในการขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกฯ ได้กล่าวหยอกล้อกับผู้ร่วมสัมมนาว่า ความจริงวันนี้ไม่ได้อยากพูดยาว แต่ก็อยากคุย เพราะไม่ได้พูดคุยมาหลายวัน ก่อนหน้านี้คุยกันแต่เรื่องปัญหา หลังจากนี้จะเป็นนายกฯ ที่เรียบร้อย เรื่องอะไรไม่สำคัญก็จะไม่ตอบ
    ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความพร้อมข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการจราจรการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย.2562 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมกันนี้ได้กำชับตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการอำนวยความสะดวกการจราจรและการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญอย่างสมเกียรติ พร้อมสืบสวน หาข้อมูล ด้านการข่าว กลุ่มเคลื่อนไหวที่อาจกระทบต่อการประชุมในทุกมิติ รวมไปถึงการหามาตรการในการป้องกันเหตุต่างๆ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ สร้างช่องทางรับรู้ ข้อมูลเส้นทางการจราจร ที่สามารถใช้หลีกเลี่ยง เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนาย ทุกภาคส่วน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เรียบร้อย อย่างเต็มกำลังความสามารถ
    ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างดีที่สุด และพยายามทำให้ปลอดภัยที่สุด
    ที่ศูนย์สื่อมวลชน โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยท์ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้ความสำคัญในมติข้อตกลงของการประชุมครั้งนี้อย่างมาก โดยต้องการให้นโยบายต่างๆ ที่จะได้จากการหารือและข้อตกลงร่วมกัน นำไปสู่การปฏิบัติได้จริงในอนาคต โดยเฉพาะความมั่นคง อาชญากรรมข้ามชาติ เพราะมีผลต่อเสถียรภาพของประเทศและภูมิภาค ซึ่งจำเป็นต้องเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกชาติ ให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมรองรับต่อทุกสถานการณ์ เช่น ปัจจุบันที่มีสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับอาเซียน ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องทบทวนอุปสรรคเพื่อลดจุดอ่อนและช่องว่างของแต่ละประเทศ สร้างความเข้มแข็งมากขึ้น
    โดยการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ เป็นปีแรกที่ริเริ่มปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งไทยในฐานะประธานอาเซียนจะมีการผลักดันในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรม เชื่อมโยงดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมระหว่างเทคโนโลยีระหว่างกันในภูมิภาค นอกจากนี้ นายกฯ มีความตั้งใจผลักดันอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนมีศักยภาพต่อเนื่อง นับเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจกับโลกและเอเปก ซึ่งไทยหวังที่จะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวภายในปีนี้ 
          รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมจะมีการรับรองปฏิญญา 4 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ.2562 ร่างวิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน และร่างเอกสารมุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก โดยประเทศไทยให้ความสำคัญและจะผลักดันการลดขยะพลาสติกในภูมิภาค หลังพบเป็นปัญหาที่มีในทั่วโลก ดังนั้น การประชุมครั้งนี้ จะต้องได้ข้อตกลงด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน เพื่อนำเสนอในที่ประชุมกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ หรือจี 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นต่อไป
    “สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ในภาพรวมยังไม่มีความกังวล โดยทุกฝ่ายได้บูรณาการทำงานด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ส่วนในช่วงเย็นวันนี้ จะมีการซักซ้อมการแสดงต่างๆ ที่จะให้การต้อนรับผู้นำอาเซียนที่เดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้” พล.ท.วีรชนระบุ
พอใจค้ามนุษย์ไทยเทียร์ 2
    วันเดียวกัน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2562 (TIP Report 2019) โดยในปีนี้ไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ในเทียร์ 2 ซึ่งเป็นการคงอันดับเดิมจากปี 2561 ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติของไทย โดยรัฐบาลไทยมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนากรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพิ่มพูนประสิทธิภาพการทำงานของทุกส่วนราชการที่รับผิดชอบ และจะแก้ไขสิ่งที่ยังบกพร่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขจัดการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบและปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด
    พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ พอใจสถานการณ์การค้ามนุษย์ ประจำปี 2562 ของไทย ที่อยู่ในระดับเทียร์ 2 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว สะท้อนว่าสหรัฐตระหนักถึงความมุ่งมั่นพยายามของไทย ซึ่งมีความคืบหน้าหลายอย่างที่รัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลใหม่จะยังเดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    พล.ท.วีรชน?กล่าวว่า? นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายทั้งข้าราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม เราจะต้องทำงานหนักต่อไป ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการสอบสวนคดีพิเศษ อัยการสูงสุด ฯลฯ เพราะบางพื้นที่ยังพบปัญหาอยู่ รวมทั้งยินดีรับฟังข้อเสนอแนะของสหรัฐและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป? 
    พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ยังไม่หมดเป็นเทียร์ 1 ซึ่งเรากำลังดำเนินการอยู่ แต่ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ และต้องทำต่อไปตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยได้กำชับไปยังทุกหน่วยงานให้เร่งรัดดำเนินการ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"