ทางรอดของรัฐบาล ‘ปริ่มน้ำ’ จับตา​ 'ไม้เด็ด'​ สะกดสหพรรค-สหก๊วน


เพิ่มเพื่อน    

 

              อาการน่าเป็นห่วง สำหรับ รัฐบาลบิ๊กตู่ 2/1 เพราะนอกจากเสียงของฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาลจะปริ่มน้ำแล้ว ยังต้องเจอปัญหาความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรค

                โดยเฉพาะปรากฏการณ์ที่ถูกค่อนแคะว่า แย่งชามข้าว กันในพรรค อันมีสาเหตุมาจากการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้แต่ละมุ้งไม่เป็นที่ถูกใจ

                จากก๊วนสามมิตร กับก๊วน กปปส. ที่ปล่อยข่าวล่อกันแย่งกระทรวงพลังงาน มาถึง 10  ส.ส.ภาคใต้ในนามกลุ่มด้ามขวานไทย ที่ไม่พอใจ เหตุไม่ได้รับการจัดสรร ทั้งที่ช่วยกันโค่นเสาไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์มาได้ถึง 13 ที่นั่ง

                ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มอีสานบน นำโดยนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ตัดพ้อต่อว่า เหมือนลูกเมียน้อย ทั้งที่โกยคะแนนป๊อปปูลาร์ให้พรรคได้ร่วม 2 ล้านเสียง แต่ไม่มีเก้าอี้รัฐมนตรีให้ทำงาน

                 แม้ที่สุด "มือประสานสิบทิศ" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ที่รับอาญาสิทธิ์ “สายตรง” ของพี่น้อง 3 ป. จะจัดการให้เรียบร้อยได้อีกครั้ง แต่มันก็เป็นสนิมเกิดแต่เนื้อในตนให้เห็นแล้ว

                ลำพังประสานพรรคร่วมรัฐบาลที่มีถึง 18 พรรค ว่าเหนื่อยแล้ว “บิ๊กตู่” ยังต้องมาเหนื่อยกับลูกเสือ ลูกตะเข้ ในพรรค ที่รับเอามาเลี้ยงอีก

                ตามสภาพการณ์ เซียนการเมืองเริ่มประเมินอายุรัฐบาลสั้นลงเรื่อยๆ จากแรกๆ 1 ปี ตอนนี้เย้ยหยัน 6 เดือน ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว

                โดยมีการหยิบยกกรณี รัฐบาลสหพรรค สมัย “อาจารย์หม่อม” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่เป็นนายกรัฐมนตรีเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นต้นแบบรัฐบาลผสมหลายพรรค มาเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบัน

                ด้วยความที่พรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวนมาก ขณะที่พรรคกิจสังคมมีเพียง 18 เสียง สุดท้ายเกิดปัญหาแก่งแย่งผลประโยชน์ “อาจารย์หม่อม” ยื้อไม่ไหว สุดท้ายประกาศยุบสภาฯ ทั้งที่เพิ่งบริหารประเทศมาได้ไม่ถึงปี

                ส่วนยุคนี้ นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ได้เป็นเอกภาพ ยังงอแงนู่นงอแงนี่ออกมาบ่อยๆ ทั้ง 10 พรรคเล็ก ตลอดจนกรณีล่าสุดของพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยของนายดำรง พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ยึกยักเรื่องกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้ตามสัญญา

                “บิ๊กตู่” ยังต้องเจอปัญหา “สหก๊วน” ในพรรคพลังประชารัฐเอง ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ หลายก๊วน หลายกอ หลายมุ้ง หลายกลุ่ม หลายก้อน ซึ่งกวาดต้อนกันเข้ามาอีก

                เรียกว่า ศึกนอกก็ตั้งท่า ศึกในก็ว้าวุ่น จนฟันธงกันว่า การเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นใหม่ในไม่ช้า หรือไม่ก็ยึดอำนาจตัวเองกันอีกรอบ

                แต่อย่างไรก็ดี ยังมีบางส่วนในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้คิดแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องเสียงปริ่มน้ำ ที่ไม่คิดว่าจะสร้างปัญหาได้เท่าไหร่ สุดท้ายน่าจะเอาตัวรอดกันได้

                กลุ่มก๊วนต่างๆ ภายในพรรค แม้จะออกอาการฟาดงวงฟาดงาแย่งชามข้าวกันจนภาพลักษณ์สะเทือน คนอกหักที่ออกมาขู่ว่า จะทบทวนการร่วมงานในอนาคตอย่างไรก็ไม่กล้าไปไหนในตอนนี้

                หลายคนมีคดีความเป็นชนักปักหลัง ขณะที่องค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นโครงข่ายอำนาจที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางกำลังเอาไว้หมดแล้ว

                หากจะชิ่งก็ต้องวัดใจกันว่า คุ้มหรือไม่

                อีกจุดสำคัญคือ ผลงานรัฐบาล ที่แม้ตอนนี้กระแสรัฐบาลไม่ค่อยจะสู้ดี แต่ ส.ส.ในพื้นที่ยังรอจุดเปลี่ยน โดยเฉพาะอภิมหาโปรเจ็กต์ที่เคยหาเสียงกันเอาไว้ว่าจะทำ ทั้งค่าแรง การช่วยเหลือเรื่องปัจจัยการผลิต และสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ ฯลฯ

                ตอนนี้ ส.ส.ต่างจังหวัดหลายแห่ง ลุ้นยังให้แต่งตั้งรัฐบาลเสร็จเร็วๆ เพื่อจะผลิตนโยบายเหล่านี้เป็นรูปธรรม หวังกระชากกระแสกลับมา

                เพราะหากทำได้จริง อย่างน้อยชาวบ้านก็จับต้องเป็นรูปธรรมได้ เรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ฝีมือได้สำหรับคนหาเช้ากินค่ำ และเกษตรกร จะมองข้ามเรื่องเผด็จการหรือประชาธิปไตยไป

                ฝั่งแกนนำรัฐบาลชี้ว่า นี่คือจุดตัดสินอายุรัฐบาลที่แท้จริง

                ขณะที่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ที่มองกันว่า “บิ๊กตู่” น่าจะคุมลำบาก เพราะนักการเมืองทั้งหลายที่เข้ามาหวังใช้เก้าอี้รัฐมนตรีถอนทุนและต่อยอดฐานเสียงในอนาคต ซึ่ง “บิ๊กตู่” คงไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า จัดการเหมือนใช้มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการ เนื่องจากต้องคำนึงถึงเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล

                ประเด็นนี้อาจไม่ยากอย่างที่คิด หากดูเรื่องการจัดตั้ง “รัฐบาลบิ๊กตู่ 2/1” ในครั้งนี้ ที่แม้ดูวุ่นวาย แต่มีสัญญาณบางอย่างปรากฏอยู่

                โดยเฉพาะเรื่องภาพลักษณ์ ที่แน่นอน “บิ๊กตู่” ไม่กล้าขยับปรับเปลี่ยนโผคณะรัฐมนตรีมาก ดังที่ยอมรับออกมาว่า ก็ประชาชนเป็นคนเลือกมาจะให้ทำอย่างไร ทว่า ก็ยังมีบางรายชื่อที่ถูก “ตีตก” หรือ “ไม่ผ่าน” การพิจารณาเหมือนกัน

                ตามคิวที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีอำนาจอีกคน ผลักดันให้เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในโควตาพรรค แต่สุดท้ายมีชื่ออยู่ในบัญชีดำ อดนั่งเสนาบดี จนต้องส่งน้องไปดำรงตำแหน่งแทน

                เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่แม้จะทำผลงานได้เข้าตาผู้มีอำนาจ กวาด ส.ส.ภาคเหนือเข้าพรรคเป็นสิบๆ คน แต่ก็รู้ตัวดีว่า มีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ สละไม่นั่งตำแหน่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จนต้องส่งน้องชายอย่างนายอัครา พรหมเผ่า เข้าไปเป็นแทนเช่นกัน

                ทั้งที่ “เสียงปริ่มน้ำ” แต่ก็มีรายการ “ตีตก” แคนดิเดตรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล เป็นอีกสิ่งที่บ่งบอก ไม่ใช่เอาใครก็ได้มาเป็นรัฐมนตรี

                ก่อนหน้านี้อาจจะเคยได้ยินเรื่องสัญญาณ รัฐบาลชุดนี้เน้นภาพลักษณ์ การที่นายชาดาไม่ผ่านเครื่องเอกซเรย์ประวัติ และ ร.อ.ธรรมนัส หลบไม่นั่งรัฐมนตรีเอง น่าจะตอกย้ำให้เห็น “มูลความจริง”

                ขณะเดียวกัน เริ่มมีการปล่อยข่าวออกมากันสักระยะหนึ่งว่า การทำงานของรัฐบาลชุดนี้จะมี “ทีมงานเฉพาะกิจ” ตามประกบเป็นตาสับปะรดกันทุกกระทรวง ไม่ให้นักเลือกตั้งอาชีพงุบงิบ ถอนทุนกันโฉ่งฉ่าง จะทำอะไรแบบวัฒนธรรมเดิมๆ ไม่ได้ในยุคนี้

                นักการเมืองจะขยับตัวกันยากขึ้น ถือเป็นที่รู้กันยุคนี้ ไม่ใช่แค่ “บิ๊กตู่” ที่ไม่โอเคกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน อย่างที่เห็นผลการกระทำกันมาแล้ว ขนาด “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เด็กในคาถา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่อนาคตสดใส เข้าใกล้เก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่รอมร่อ ยังดำดิ่งเป็นแค่ข้าราชการประจำเพียงแค่ข้ามคืน

                เสียงรัฐบาลอาจดูกระท่อนกระแท่น แต่ก็ยังมีช่องทางให้เดิน โดยเฉพาะหากผลงานจับต้อง และสะกดนักการเมืองให้อยู่ในร่องในรอยได้.

           ทีมข่าวการเมือง

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"