ปลุก'DNAอาเซียน' บิ๊กตู่กระตุ้น10ชาติสมาชิก/'ธนาธร'เพ้อโชว์วิชั่น


เพิ่มเพื่อน    


    "ประยุทธ์" เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ปลุกดีเอ็นเอ 10 ชาติสมาชิก ร่วมมือสร้างความเข้มแข็ง-ต่อต้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ในภูมิภาค พร้อมผุด DELSA คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกล "ธนาธร" โผล่โพสต์เฟซฯ โชว์วิสัยทัศน์แก้ปัญหาอาเซียน บอกต้องยกระดับคุณภาพชีวิตและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ปชช.
    ที่โรงแรมดิแอทธินีโฮเทลแบงค็อก อะลักซ์ซูรีคอลเล็คชั่นโฮเทล ถนนวิทยุ วันที่ 23 มิ.ย. เวลา 09.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 อย่างเป็นทางการ มีผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกร่วมพิธี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและชื่นมื่น มีการแสดงการขับร้องเพลง The ASEAN Way เพลงประจำชาติอาเซียน บรรเลงเครื่องดนตรีจาก 10 ชาติสมาชิก
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดการประชุมว่า เนื้อร้องจากเพลง The ASEAN Way ท่อนที่ว่า We dare to dream, we care to share คือ เรากล้าฝัน เรายินดีแบ่งปัน สะท้อนถึงเส้นทางตลอด 5 ทศวรรษของอาเซียนได้ดีที่สุด เพราะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 52 ปีที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ที่พระราชวังสราญรมย์ ถือเป็นจุดกำเนิดของอาเซียน คงมีน้อยคนที่จะคาดคิดว่า ด้วยความกล้าที่จะฝันในวันนั้น อาเซียนพัฒนาจากสมาคมเล็กๆ ของ 5 ชาติสู่ประชาคมที่เหนียวแน่นของ 10 ประเทศ และด้วยความกล้าที่จะฝันจากรุ่นสู่รุ่น เราเติบโตเป็นประชาคมที่เป็นปึกแผ่น มีสันติภาพและมั่นคง มีกฎกติกา เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก และมีความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกสาขาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอาเซียนทุกคน
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราร่วมทุกข์ ร่วมสุข ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคสงครามเย็นจนถึงปัจจุบัน ในวันที่เราประสบกับวิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจในเอเชีย อาเซียนคือพลังสำคัญที่จับมือกับมิตรประเทศฟันฝ่าอุปสรรค และสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว 
    "ผู้นำอาเซียนจะร่วมกันประกาศการเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจิสติกส์ฉุกเฉิน สำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน (DELSA) และการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนเป็นองค์กรของอาเซียนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของอาเซียนในการบริหารจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งในยุคที่มีการแข่งขันทางการค้า การเมืองระหว่างประเทศเข้มข้นขึ้น ปัญหาการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดเปลี่ยนแปลงชีวิตมากขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำลายระบบนิเวศให้เสื่อมโทรม หากไม่มีอาเซียน แต่ละประเทศจะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้โดยลำพัง เชื่อมั่นว่าพลังของอาเซียนที่เข้มแข็งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะช่วยให้ก้าวผ่านทุกความท้าทาย และสามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคนรุ่นหลังได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
'บิ๊กตู่' ปลุก DNA อาเซียน
    นายกฯ กล่าวว่า ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ไทยจะสานต่อข้อริเริ่มของประธานอาเซียนในปีที่ผ่านๆ มา และขับเคลื่อนการดำเนินงาน รับมือกับความท้าทายและได้ประโยชน์จากอาเซียนใน 3 มิติสำคัญคือ มั่นคงขึ้น ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มั่งคั่งขึ้น และยั่งยืนขึ้น  
    “ผมจึงขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนทุกท่านทั้งในห้องนี้ และพวกเราชาวอาเซียนทุกท่าน ปลุกดีเอ็นเอความเป็นอาเซียนในตัว และร่วมแรงร่วมใจ จับมือกันให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้า เพื่อวางรากฐานให้ประชาคมอาเซียนมุ่งไปสู่การเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติโดยแท้จริง” นายกฯกล่าว
    ต่อมาเวลา 13.45 น. พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมสุดยอดสนับสนุนการดำเนินการของไทยในการสร้างความยั่งยืนให้อาเซียนในทุกมิติ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ อาทิ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันระหว่างประเทศนอกภูมิภาค เป็นต้น ซึ่งตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา อาเซียนได้ดำเนินการตามแนวคิดหลักและก่อให้เกิดความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน การสร้างอาเซียนที่เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อเพิ่มคุณค่าทางยุทธศาสตร์ให้กับอาเซียน และให้เกิดเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
    "อาเซียนเห็นพ้องว่าปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาที่สร้างผลกระทบในวงกว้างต่อชีวิตความเป็นอยู่และสุขอนามัยของประชาชน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและทรัพยากรทางทะเล ที่ประชุมจึงได้รับรองปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน ที่แสดงเจตนารมณ์ของอาเซียนที่มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาขยะทะเลอย่างจริงจังและยั่งยืน โดยสนับสนุนนวัตกรรม แนวคิด รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัย การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
    นายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความตระหนักรู้และอัตลักษณ์ของอาเซียนในระดับประชาชนเป็นหนึ่งในวาระการดำเนินงานที่สำคัญของเรา ผู้นำอาเซียนได้รับรองแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียน 2562 และจะมีการดำเนินการกิจกรรมตลอดทั้งปี รวมถึงการจัดตั้งเครือข่ายสมาคมอาเซียนในประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของไทย นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า อาเซียนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งสมัชชารัฐสภาอาเซียน เยาวชน และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และย้ำความสำคัญของประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
    นอกจากนี้ ผู้นำทุกประเทศเห็นพ้องร่วมกันถึงภัยคุกคามทั้งรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ รวมถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์และเฮทสปีชในโซเชียลมีเดีย สิ่งเหล่านี้ต้องระมัดระวัง เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิมนุษยชน และจำเป็นต้องมีกฎหมายออกมาเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข
    "ผู้นำอาเซียนจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียนให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม ที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาเซียนจากภายใน และเป็นพื้นฐานสำหรับอนาคตที่มั่นคงของประชาคมอาเซียนและของประชาชนชาวอาเซียนกว่า 640 ล้านคน เราทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและประชาชนจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน และร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืนกันต่อไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    จากนั้น เวลา 14.45 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วยผู้นำจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย เลขาธิการอาเซียน และประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 12 (IMT-GT) 
'ธนาธร' โชว์วิสัยทัศน์
    พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สาระสำคัญการหารือว่า ในการขับเคลื่อน IMT-GT มีเป้าหมายชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็นอนุภูมิภาคที่มีเป็นพื้นที่การพัฒนาอย่างมีบูรณาการ ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปราศจากความเหลื่อมล้ำ และมีการพัฒนาที่ยั่งยืน 
    "ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับโลกและภูมิภาคอย่างรวดเร็ว นายกฯ เสนอให้ที่ประชุมนำมาร่วมพิจารณาในการปรับปรุงด้านการผลิตและการบริการ เพื่อสนองรูปแบบการบริโภคสินค้าใหม่ พัฒนารูปแบบทางการค้า และเร่งรัดพัฒนาเครือข่ายเมืองสีเขียว ตลอดจนระบบโลจิสติกส์ และการขนส่งสีเขียวที่เป็นรูปธรรมให้เร็วยิ่งขึ้น" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ขับเคลื่อนอาเซียนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ท่ามกลางภูมิทัศน์การเมืองโลกแบบหลายขั้วมหาอำนาจ” ระบุว่า ประเด็นปัญหาใหญ่ที่ท้าทายอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาขยะทะเล ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หมอกควันมลพิษ ไปจนถึงแรงงานข้ามชาติและผู้อพยพลี้ภัย ซึ่งล้วนเป็นปัญหาระดับข้ามพรมแดนที่จำต้องอาศัยการร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้มแข็ง 
    "ขอเรียกร้องให้อาเซียนก้าวข้ามหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติสมาชิก ไปสู่การช่วยเหลือและร่วมมือกัน ตรวจสอบกันและกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งภูมิภาค เพราะที่ผ่านมา หลักการดังกล่าวทำให้เกิดการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพพลเมือง และยังทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน เช่น ปัญหาผู้ลี้ภัยโรฮีนจา จะไม่สามารถแก้ได้อย่างถาวร หากชาติอาเซียนไม่ช่วยรัฐบาลเมียนมาแก้ปัญหาที่ต้นตอ ยุติการเลือกปฏิบัติและความรุนแรงต่อชาวโรฮีนจา และการันตีสิทธิพลเมืองให้พวกเขาสามารถกลับบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย"
    นายธนาธรระบุตอนท้ายว่า สำหรับตน ภารกิจสำคัญที่สุดของไทยในฐานะประธานอาเซียน ประการแรกก็คือการทำให้ความร่วมมือมีความเข้มแข็งเพื่อรักษาสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจ เพื่อให้อาเซียนพิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนทั้งประชาคมได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ประการที่สอง คือการพลิกฟื้นอาเซียนให้เป็นประชาคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังทั้งทางเศรษฐกิจและสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ช่วยเหลือตรวจสอบกันและกันโดยก้าวข้ามหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน ไปสู่การร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในแต่ละประเทศ และภารกิจประการสำคัญที่สุด คือการสถาปนาความเชื่อมั่นที่ว่า ประชาธิปไตยคือหนทางไปสู่ความกินดีอยู่ดีของประชาชน เพราะนี่คือวิถีทางเดียวที่จะปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์ และนำมาซึ่งความมั่นคงอย่างยั่งยืนของชาวอาเซียนทั้งภูมิภาค.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"