ตุรกีเล็งเปิดสถานทูตประจำปาเลสไตน์


เพิ่มเพื่อน    


เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ภาพ AFP

ประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอาน ของตุรกี ตั้งความหวังว่าตุรกีจะสามารถเปิดสถานทูตตุรกีประจำปาเลสไตน์ขึ้นที่เยรูซาเลมตะวันออกได้ในเวลาอันใกล้ ตอบโต้ที่สหรัฐประกาศยอมรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำตุรกีแสดงทัศนะดังกล่าวระหว่างแสดงสุนทรพจน์ต่อสมาชิกพรรครัฐบาลของของเขาในเมืองคารามันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560 โดยเขายอมรับว่า เยรูซาเลมตะวันออก ซึ่งอิสราเอลผนวกดินแดนไว้เป็นของตนช่วงสงคราม 6 วันในปี 2510 ยังคงเป็นดินแดนที่ถูกยึดครอง ทำให้ตุรกีไม่สามารถเข้าไปเปิดสถานทูตได้ทันที แต่วันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว และตุรกีจะเปิดสถานทูตของตน ณ ดินแดนนั้น

แอร์โดอันเป็นหัวขบวนของโลกอิสลามที่ประณามคำประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รับรองว่านครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสหรัฐเตรียมย้ายสถานทูตไปตั้งที่นั่น เมื่อสัปดาห์ก่อนระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศมุสลิมที่นครอิสตันบูล แอร์โดอันยังเรียกร้องให้ทั่วโลกให้การรับรองว่าเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ด้วย

ปัจจุบัน ตุรกีซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบกับอิสราเอล มีสถานกงสุลใหญ่ประจำอยู่ที่เยรูซาเลม แต่สถานเอกอัครราชทูตของตุรกี ตั้งอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ

แอร์โดอันกล่าวโจมตีการตัดสินใของทรัมป์ว่า เป็นการตัดสินใจตามตรรกะและความเข้าใจของพวกไซออนิสต์และคริสเตียนอีวานเจลิสต์ พวกยิวไม่มีสิทธิจะตู่เอานครเยรูซาเลมซึ่งเป็น "เมืองหลวงของชาวมุสลิม" ไว้เป็นของตนเอง

เขายังได้กล่าวยกย่องผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดผู้นำชาติมุสลิมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ด้วยว่า แสดงให้โลกเห็นถึงการลงคะแนนอย่างเป็นเอกภาพ

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม ตามเวลานครนิวยอร์กของสหรัฐ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีกำหนดลงคะแนนข้อมติที่อียิปต์เสนอเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทรัมป์ แต่คาดกันว่า สหรัฐซึ่งมีสิทธิวีโตในฐานะชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีฯ จะใช้สิทธิวีโตของตน

รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐ เตรียมเดินทางเยือนนครเยรูซาเลมวันพุธที่ 20 ธันวาคมนี้ โดยประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านเขา

เอเอฟพีรายงานว่า ร่างข้อมติฉบับนี้ย้ำว่า เยรูซาเลมเป็นประเด็นที่ต้องหาทางออกผ่านการเจรจา และแสดง "ความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานะของเยรูซาเลมเมื่อไม่นานมานี้" โดยจะไม่มีการระบุเจาะจงถึงการดำเนินการของผู้นำสหรัฐ

"การตัดสินใจและการกระทำใดๆ ที่หมายจะเปลี่ยนสถานภาพ, สถานะ หรือองค์ประกอบทางประชากรศาสตร์ของนครเยรูซาเลมอันศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีผลทางกฎหมาย เป็นโมฆะและต้องยกเลิก" ร่างข้อมติกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"