เหมือนผีโดนข้าวสารเสก

                พรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ แสดงความไม่พอใจรัฐธรรมนูญ ในแทบทุกเรื่อง

                แล้วพยายามบอกว่าฝ่ายค้านโชคร้าย รัฐบาลโชคดี

                ไม่ใช่เรื่องโชคดี หรือโชคร้าย

                มันเป็นเรื่องของการเข้าใจกฎหมาย

                อย่างน้อยเท่าที่เห็น "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ออกทะเลมาหลายรอบแล้ว

                กรณีหุ้นสื่อ ยังคงมีการสร้างชุดความเชื่อเพื่อให้เข้าใจผิดกันอย่างต่อเนื่อง

                ขนาดคนมีความรู้ดีกรีศาสตราจารย์ดอกเตอร์ยังมั่วตาม 

                ศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ่อ “จอห์น วิญญู” โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ @kovitw1 ว่า 

                "ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ๓๒ ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเกินกว่าคำว่า "ด้าน" เสียแล้ว"

                เข้าข่ายหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั่นเรื่องหนึ่ง

                แต่ประเด็นสำคัญคือ คนเป็นถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์ด้านรัฐศาสตร์ ไม่เข้าใจในข้อกฎหมายที่มีการอธิบายกันมาอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร

                งั้นอธิบายอีกที!

                กรณี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" มีการร้องผ่าน กกต.

                มีการไต่สวนในขั้นตอนของ กกต.

                เมื่อได้ความว่า "ธนาธร" โอนหุ้นสื่อหลังสมัคร ส.ส. ก็ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

                ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง พร้อมสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีเหตุอันควรสงสัยปล่อยไว้อาจทำให้สภาป่วน

                ส่วน ๔๑ ส.ส.ที่พรรคฝ่ายค้านร้องว่าถือหุ้นสื่อขั้น ยื่นผ่านประธานรัฐสภา

                นี่คือกระบวนการที่แตกต่าง ทำให้ขั้นตอนการพิจารณาแตกต่างกันออกไปด้วย แม้เรื่องที่ร้องไปนั้นจะเป็นเรื่องทำนองเดียวกับกรณีของ "ธนาธร"

                กระบวนการนี้ไม่มีการไต่สวนในขั้นตอนของประธานรัฐสภา

                พูดง่ายๆ ประธานรัฐสภามีหน้าที่แค่เป็นบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น ไม่ใช่ตำรวจที่ต้องสืบสวนสอบสวนด้วย

                เมื่อประธานรัฐสภายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็อยู่ในอำนาจของศาลว่ารับหรือไม่รับคำร้อง

                ถ้าไม่รับก็ตีตกหมด

                หากรับก็ต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ

                ศาลพิจารณาแล้ว มีมติไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย ๙ คน

                อีก ๓๒ คน รับคำร้องไว้วินิจฉัย และให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วัน

                ส่วนการหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัย จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

                ก็ยังไม่ได้ไต่สวน เหมือนที่ กกต.ไต่สวนกรณีของ "ธนาธร" แล้วจะสั่งให้หยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร

                นั่นคือข้อเท็จจริง

                ฉะนั้นเมื่อคนระดับศาสตราจารย์ดอกเตอร์ด้านรัฐศาสตร์ยังชกมวยวัดด้วยโมหะ แล้วระดับชาวบ้านที่ได้รับข้อมูลผิดๆ จะเชื่อแบบไหน

                โดยเฉพาะพวกเกรียนคีย์บอร์ด พวกน้องฟ้าตาฟาง

                ไม่ต้องฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น

                นี่แค่ศาลรับเรื่องไว้วินิจฉัยยังขนาดนี้

                หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า "ธนาธร" ผิด จะขนาดไหน

                แล้วถ้าศาลบอกว่า "ธนาธร" ไม่ผิดล่ะ จะมีใครกลับมารับผิดชอบคำพูดตัวเองบ้าง

                หรือว่าเกินคำว่าด้านเสียแล้ว.