'บิ๊กป้อม'พยัคฆ์เฒ่าย่างสามขุม จังหวะก้าวของ'พี่ใหญ่'ใน'ครม.'


เพิ่มเพื่อน    

           แม้จะออกปากว่า “สุขภาพไม่ดี” “ไม่ไหวแล้ว” แต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่ได้ปฏิเสธเด็ดขาด แบบ ”ปิดประตูตาย” ไม่รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพียงแต่ขอให้รอคำตอบจากนายกรัฐมนตรี และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา

                เป็นการแบ่งรับแบ่งสู้ แทงกั๊ก มาตลอดการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ด้วยน้ำเสียงที่ประเมินได้ว่า “มีความไม่แน่นอน” ช่วงตลอดเดือนนี้ ก่อนที่ “ดราฟต์สุดท้าย” จะถูกเคาะเข้ามาก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น

                พล.อ.ประวิตรยังคงทำหน้าที่ท่ามกลางมรสุม “กระแสข่าว” ที่พุ่งตรงมาที่ตนเอง นับเนื่องจากประเด็น “นาฬิกาเพื่อน” ผ่านพ้นมา โดยเฉพาะสัญญาณแรงอันเกิดจาก “บิ๊กโจ๊ก”  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล นายตำรวจมือขวา ปาท่องโก๋คู่กายที่เป็น “ยี่ห้อ” เด็กลุงป้อม ถูกออกจากข้าราชการตำรวจ ข้ามวิกมาแขวนเป็นพลเรือนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

                ผลงานชิ้นโบแดงในการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ก็ถูกฝ่ายค้านดิสเครดิต ดึงมวลชนประมงปลุกกระแสถล่มแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” ริเริ่มดำเนินการ จนนำไปสู่การเดินสายเปิดอีเวนต์ให้ “บิ๊กป้อม” คืนโฉนดผู้ที่ได้รับผลกระทบ ลากยาวมาถึงรอบที่ 12 

                จนมีนักการเมือง-นักเคลื่อนไหว ออกมาปูดประเด็น “รอยรั่ว” ของการดำเนินการในการจัดฉาก เพิ่มจำนวน เลยไปถึงการทำงานแบบรูปหน้าปะจมูก มีบางรายไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง

                เลยไปถึงประเด็น “เอกสารปลิว” โชว์ลายเซ็น พล.อ.ประวิตรอนุมัติตั้ง “บิ๊กโจ๊ก” กลับเข้ามารับตำแหน่งอนุกรรมการ ก.ตร.ฝ่ายกฎหมาย พุ่งเป้าให้เกิดความเข้าใจว่า มีความพยายามจะ “ฝืน” ดึงคนของตัวเองกลับเข้ามามีอำนาจ 

                ยังไม่นับข่าว “ส่งใบลา” เดินทางไปต่างประเทศ พร้อมคณะใหญ่ส่งท้ายภารกิจรัฐบาล คสช. แต่ก็ถูกปฏิเสธ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “ต้องยกเลิกกะทันหัน” เพราะทริปพิเศษนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง

                ในช่วงเดือนกว่าที่มีการจัดโผ ครม. นอกจากการแบ่งโควตาของกลุ่มการเมืองแล้ว การคาดเดาว่า “บิ๊กป้อม” จะได้นั่งใน ครม.หน้า และจะได้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ต่อไปหรือไม่ เป็นปมที่แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ยัง “ฟันธง” ด้วยตัวเองไม่ได้ แม้จะมีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจก็ตาม

                แม้แต่ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองทั้งหลายก็ยังไม่สามารถใช้ข้อมูล หรือตรรกะทางการเมืองวิเคราะห์ได้ นอกจากโยนไปให้ “ลิขิตฟ้า” เป็นผู้กำหนด

                จะว่าไป ตำแหน่ง รมว.กลาโหม ไม่ใช่กระทรวงเกรดเอ ที่พรรคการเมืองจะวัดค่าเป็นกระทรวงเกรดเอ บี ซี แต่จัดเป็นกระทรวง “พิเศษ” ที่นายกฯ ต้องเป็นคนรวบรวมข้อมูลก่อนจะตัดสินใจว่าใครต้องมานั่งในกระทรวงนี้

                2 สัปดาห์ก่อนแนวโน้มและทิศทางโน้มเอียงว่า พล.อ.ประวิตรน่าจะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว และ พล.อ.ประยุทธ์มาควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม ด้วยปรากฏการณ์ที่ “เสธ.มิตต์” พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารฝ่ายเสนาธิการคู่ใจ ลาออกจากข้าราชการทหาร เพื่อไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่คาดว่าน่าจะเป็นตำแหน่ง เลขานุการ รมว.กลาโหม เพื่อไปช่วยนายกฯ ประสานงาน จากสนามหลวงกับราชดำเนิน

                แต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านปรากฏว่า พล.ต.นิมิตต์เปลี่ยนใจและไม่ออกจากราชการทหารแล้ว กลายเป็นที่มาของข่าวว่า ชื่อของ “บิ๊กป้อม” กลับเข้ามาใน ครม.ใหม่ ในตำแหน่ง รมว.กลาโหม

                แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าว และข้อสันนิษฐาน จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในที่สุดข้อยุติอยู่ที่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งต้องเกิดขึ้นหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก่อน ซึ่งภายในเดือนนี้เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะลงตัวหมดทุกตำแหน่งแล้ว

                น่าสนใจว่าชื่อของ “บิ๊กป้อม” จะเป็นแค่รองนายกรัฐมนตรี หรือมานั่งควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมกันแน่ แต่หากในที่สุด พล.อ.ประวิตรไม่ได้กลับเข้าสู่กระทรวงกลาโหมอีกครั้ง ก็เชื่อว่าเขาก็ยังทำหน้าที่เป็น “รมว.กลาโหมเงา” โดยมี “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล  ที่คาดหมายว่าจะมานั่งเก้าอี้ รมช.กลาโหม ต่ออีกสมัย และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำงานให้อยู่

                อีกทั้งปัจจุบัน นัยอำนาจของ “รมว.กลาโหม” ถูกตีเส้นขึ้นมาใหม่ ไม่ได้สยายปีกคุมสภาพการเลื่อนลด-ปลดย้ายทหารได้อย่างอิสระเหมือนสมัยก่อน แต่คำว่า “บารมี” ที่ตรึงทหารในเครือข่ายบูรพาพยัคฆ์เดิม ยังไม่หายไปไหน และยังเป็นส่วนที่หนุนให้ “บิ๊กป้อม” ยังดำรงอยู่เพื่อเป็นตัวช่วยในการปรามกลุ่มที่จ้องล้มรัฐบาล ให้นิ่ง รักษาสภาวะความสงบเรียบร้อยในช่วงรัฐบาล ”เสียงปริ่มน้ำ”

                ขณะที่ทางอีกแพร่งคือ ขาอีกข้างเหยียบเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ ขาอีกข้างเหยียบเก้าอี้ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ บริหารจัดการกลุ่มการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลให้เข้าแถวเข้าแนว โดยมีมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นทั้ง “ทำเนียบฯ” และ “พปชร.” สาขา 2 ซึ่ง “บิ๊กป้อม” คือคีย์แมนตัวจริงในการดีลกลุ่มต่างๆ ให้จบปฏิกิริยาแย่งชามข้าว

                เส้นทางเดินนับแต่เป็น “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ต้นตำรับพยัคฆ์ย่างสามขุม มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ขึ้น ปลูกเครือข่ายให้ทหารสายนี้เข้าสู่เส้นทางอำนาจ คุมอำนาจเบ็ดเสร็จมาหลายปี คงไม่ปิดฉากตัวเองเป็น “ชายชรา” เลี้ยงหลาน ปิดบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ผูกพันกันมาในเส้นทางอำนาจหลายร้อยชีวิต

                เหลือแค่ลุ้นว่า โผจะพลิกชื่อ “บิ๊กป้อม” กลับมาคืนชีพ ย่างสามขุมนั่งเก้าอี้ “สนามไชย 1” ตำแหน่ง รมว.กลาโหม หรือเป็นแค่รองนายกฯ ยืนเคียงคู่ “น้องตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี...รอชม.

               

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"