หากไม่มี 'ธนาธร' อนาคตใหม่ก็อยู่ได้


เพิ่มเพื่อน    

 ........................................................

หากมีอะไรเกิดขึ้นกับ 'ธนาธร'  ก็คงเซไประยะหนึ่ง แต่อยู่ได้

ทุกย่างก้าวของพรรค อนาคตใหม่ โดยเฉพาะแกนนำพรรคทั้งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร  แสงกนกกุล ถูกจับตาทางการเมืองมาตลอดนับแต่ก่อตั้งพรรค มาวันนี้กับบทบาทการเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเป็นพรรคอันดับสาม รองจากเพื่อไทยและพลังประชารัฐ แต่หัวหน้าพรรคอย่างธนาธรก็กำลังต้องลุ้นกับคำวินิจฉัยคดีถือครองหุ้นสื่อ ที่คาดหมายกันว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะนัดอ่านคำวินิจฉัยภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หลังมีข่าวว่าศาลไม่อนุญาตให้เขาขยายเวลาส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาที่จะครบกำหนดในวันที่ 8 ก.ค. ขณะเดียวกัน 21 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ก็ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อ  ซึ่งต้องไปลุ้นเช่นเดียวกับธนาธรว่าศาลจะวินิจฉัยให้ต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส.หรือไม่

อีกหนึ่งบริบทความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของพรรคอนาคตใหม่ในเวลานี้ก็คือ การที่แกนนำพรรค ลงพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประกาศเตรียมส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นหลายจังหวัดทั่วประเทศในนามพรรค ภายใต้คอนเซปต์ เขย่าท้องถิ่น-ยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ รวมถึงการเตรียมเดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาในอนาคตตามที่พรรคได้หาเสียงไว้

ชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อดีตนักวิชาการที่เป็นคีย์แมนหลักของพรรคในการขับเคลื่อนนโยบายกระจายอำนาจ ครั้งนี้จะมากล่าวถึงการเตรียม เขย่าท้องถิ่น ของพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะการส่งคนลงชิงชัยในสนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. หลังพรรคได้คะแนนเสียงใน กทม.มากที่สุดในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา

  เริ่มด้วยประเด็นการเมืองร้อนๆ เรื่อง หุ้นสื่อและทิศทางพรรคอนาคตใหม่ ต่อจากนี้   

 -หากในอนาคตพรรคอนาคตใหม่ไม่มีนายธนาธร เพราะอาจต้องเว้นวรรคการเมืองไปสิบปีจากคำวินิจฉัยเรื่องหุ้นสื่อ พรรคจะทำอย่างไร?

ไม่เป็นไร ตอนที่ผมเข้ามาอยู่ที่พรรคอนาคตใหม่ ผมมองแล้วผมถามแล้วว่าพรรคจะเดินดำเนินการแบบไหน เช่นจะบริหารงานพรรคแบบไหน จะระดมสมาชิกพรรคอย่างไร แน่นอนพรรคอนาคตใหม่มีความเจริญเติบโต มีคนนิยมชมชอบเพราะคุณธนาธรเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่มีคุณธนาธร  อันนี้ไม่ได้แช่งหัวหน้าพรรคผม แล้วพรรคจะอยู่ไม่ได้ พรรคอยู่ได้ พรรคทำงานเป็นระบบ

...การตัดสินใจหลายๆ ครั้งในคณะกรรมการบริหารพรรคคุณธนาธรก็แพ้และแพ้บ่อยด้วย เขายังพูดขำๆ เลยบอก โอ๊ย..วันนี้ผมแพ้หลายเรื่องแล้ว อะไรแบบนี้ แต่เราไม่ได้ออกเป็นข่าว เช่นบางเรื่องเขาอาจเห็นอีกอย่างหนึ่ง แต่โดยมารยาทเราก็ไม่ได้ออกมาพูด มีหลายเรื่องหลายครั้งด้วย อย่างเช่นตอนเราตั้งพรรคอนาคตใหม่เราก็จะมีการเก็บค่าสมาชิกพรรค ก็มีการดีเบตคุยกันในกรรมการบริหารพรรค  คุยกันไปคุยกันมา ผมคงไม่บอกว่าใครแพ้ใครชนะ เสียงก้ำกึ่งกันก็ต้องอาศัยมติกรรมการบริหารพรรคออกมา หรือเรื่องกระจายอำนาจที่มีหลายสำนักหลายทฤษฎี เช่น สำนักญี่ปุ่น สำนักฝรั่งเศส สำนักสหรัฐอเมริกา บางพวกบอกว่าเรื่องนี้ควรให้ค่อยๆ ทำไป แห่งไหนพร้อมก็ทำค่อยๆ พัฒนาการไป บางที่บอกว่าหากให้พร้อมก็คงไม่พร้อมกันเสียที ทำไม่ได้เสียที เราก็มีการอภิปรายคุยกันถึงผลดีผลเสีย ในที่สุดเราก็มีความเห็นตรงกันว่าถ้าทำต้องทำแบบ Big Bang Decentralization คือทำทั้งระบบแต่ใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน ตัวอย่างที่มีให้เห็นได้ชัดคือที่อินโดนีเซีย

-หากมีอะไรเกิดขึ้นกับธนาธรในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้?

พรรคก็อยู่ต่อไป คนอยู่ก็ทำต่อไป คนก็ยิ่งเห็นใจนะผมว่า อย่างพอมีข่าวธนาธรโดนอะไรต่างๆ คนก็รีบเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่กัน บางวันมาสมัครกันเกือบหมื่นได้ อย่างวันที่ธนาธร ต้องเดินออกจากห้องประชุมสภาฯ ตอนวันประชุมสภาฯ วันแรก แล้วเขาขอกล่าวแถลงแต่ไม่มีการให้เขาแถลง วันนั้นคนน้ำตาซึมกัน แล้วคนมาสมัครสมาชิกพรรคกันเยอะเลย คนที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพมีมาเยอะมาก

คนไทยควักเงินสองพันบาทที่ไม่ใช่น้อยๆ จากที่ไม่เคยเสียเงินให้พรรคการเมือง มันอาจจะเซพูดกันตรงๆ เราไม่ปฏิเสธ พูดถึงหากมีอะไรเกิดขึ้นกับธนาธรก็คงเซไประยะหนึ่ง แต่ว่าพรรคก็ต้องเข้มแข็งขึ้น ระบบมันก็มี ไม่มีธนาธรก็มีปิยบุตร ไม่มีปิยบุตรก็มีอาจารย์กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ แล้วก็มีชำนาญ  พลโทพงศกร รอดชมภู อันนี้พูดถึงตัวบุคคล ก็เรียงไปตามระบบอย่างนั้น พรรคเราตั้งมาหนึ่งปีแล้ว เรารู้แล้วใครมีความสามารถกันขนาดไหน ภาวะผู้นำเป็นอย่างไร บางคนอภิปรายเก่ง แต่บางคนอาจพูดไม่เก่งก็แล้วแต่ ลองสังเกต ส.ส. 500 คนบางคนไม่เคยพูดอะไรเลย ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง แต่งานพื้นที่งานเสนอกฎหมายเขาอาจจะดีก็ได้ บางคนยกมืออภิปรายเก่งแต่งานไม่มีอะไรเลย

ธนาธรตอนก่อนเลือกตั้ง จริงใช่เขาปรื๊ดมาเลย แต่หลังเลือกตั้งมาคนเริ่มมอง ธนาธรกับพรรคเป็นเนื้อเดียวกัน เวลานี้ไปที่ไหนต่อที่ไหน เวลาคนมาพูดกับผมเขาไม่ได้พูดชื่อธนาธร  เขาพูดแต่อนาคตใหม่ ไม่ได้บอกสักคำว่าธนาธร แต่จริงๆ เขาก็ชอบธนาธรก็ว่าไป แต่แบรนด์อนาคตใหม่มันติดแล้ว

...สังเกตตอนออกมาใหม่ๆ ตามเฟซบุ๊กที่จะมีเฟซหลักอยู่สองเฟซคือ เพจพรรคอนาคตใหม่กับเพจของธนาธร ตอนนี้พบว่าสูสีกันแล้ว แสดงว่าคนก็ดูเป็นพรรคอะไรไปแล้ว

ถามถึงว่าทางพรรคยังติดใจกับกระบวนการที่ตรวจสอบเอาผิดธนาธรอยู่หรือไม่ ชำนาญ-รองหัวหน้าพรรค อนค. ย้ำว่าก็ติดใจ ไม่อย่างนั้นเราจะออกข่าวโต้แย้งหรือ ทำทั้งเอกสาร มีการแถลงข่าว  การใช้ระบบที่ผมไม่อยากใช้คำว่าสองมาตรฐาน แต่ว่าไม่มีมาตรฐานเลย มันจะเป็นไปได้อย่างไร สปีชก่อนเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกสองวันกันไม่ให้เขาเข้าไป แต่ทีคนอื่นใช้เวลาเป็นร้อยวัน

-คิดว่ามีธงที่ต้องการกันธนาธรให้ออกไป?

อันนี้มันชัดอยู่แล้ว ตอนแรกเขาไม่ได้มองอนาคตใหม่ แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาก็ตกใจกันหมด  หวาดผวา สมัยก่อนตอนเขาเล่นงานไทยรักไทย เล่นงานคุณทักษิณ ชินวัตร อะไรต่างๆ ก็ตอนที่เขาเป็นนายกฯ ไปแล้ว มีการกระทำอะไรไปแล้ว แต่อันนี้ธนาธรยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย ยังไม่ได้พิสูจน์เลยทำได้หรือไม่ได้ ก็ไปกันเขาแล้ว เพราะตกใจช็อก ก็รู้อยู่แล้วเพราะเขาพยายามจะทำ แต่เราก็ไม่หวั่นอะไร

-มีการพูดกันเยอะโดยเฉพาะในสังคมโซเชียลมีเดีย ว่าฝ่ายอนุรักษนิยมไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่ เลยพยายามกันไม่ให้พรรคเติบโต?

อันนี้จำคำผมไว้เลยนะ อนาคตใหม่คือทางออกของกลุ่มอนุรักษนิยมที่ไม่ใช่อนุรักษนิยมสุดกู่ เพราะเขาไปไหนก็ไม่ได้ อนุรักษนิยมบางคนเขาไม่เอาทักษิณ พูดจริงๆ เขาไม่เอาแน่นอน แต่จะให้ไปเลือกอีกฝั่งหนึ่งเขาก็ไม่เอา มันเป็นทางกลาง

 จริงๆ แล้วอนาคตใหม่คือทางกลางๆ เป็นที่ลง อย่างผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่มีทั้งแดง เหลือง และที่ไม่ใช่อะไรเลยก็มี ผมไปพูดที่ต่างประเทศ ไปพูดที่ร้านอาหาร เจ้าของร้านเขาก็ไปทางเหลืองหน่อยๆ เขาก็ยินดี แฮปปี้ที่เป็นคนของอนาคตใหม่มา แต่หากเป็นคนฝ่ายเพื่อไทยไปเขาอาจไม่เอา เขาก็บอกว่าอย่างน้อยที่สุดก็เป็นทางลงทางเดินให้เดินสำหรับเขา เพราะเอ็กซ์ตรีมจริงๆ เขาก็ไม่เอา คือเขาไม่ได้ถึงกับไปแนว กปปส. แต่เขาก็เป็นอนุรักษนิยม แต่เขาไม่ชอบเสื้อแดง เขาก็มาอยู่อนาคตใหม่ก็มี เช่นเดียวกับคนชอบเสื้อแดงก็มาอยู่อนาคตใหม่ก็มี

...เมื่อก่อนมันไม่มีให้เลือกเพราะมีแค่สองข้างให้เลือก ไม่แดงก็เหลืองไปเลย ทำให้เลยไม่รู้จะทำอย่างไร แต่อันนี้มีทางออก หลายคนก็เคยอยู่กับ กปปส.มาก่อนที่จะมาอยู่กับอนาคตใหม่ ก็มาลงสมัคร ส.ส.ของพรรคด้วย แต่เขาไม่ชนะการเลือกตั้ง แบบนี้ก็มี เวลาประชุมพรรคเขาก็เล่าให้ฟังว่าทำไมไปอยู่กับ กปปส.เพราะอะไร ซึ่งเราก็ไม่ได้บอกว่าเขาผิดหรือเขาถูกอะไร ก็มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

-หากธนาธรไม่รอดคดีในชั้นศาลจะปลุกกระแสอะไรหรือไม่ เช่นให้ออกมาบนถนน?

ไม่มี ยืนยันเลยไม่มี ไม่งั้นเราไม่มาสู่สภาฯ แต่ว่าเป็นสิทธิ์ของเขานะ ถ้าเขาจะไปลงถนนเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่นำแน่นอน ไม่นำให้คนออกมาเย้วๆ ไม่ใช่วิถีทางของเรา แต่ว่าประชาชนก็มีสิทธิตามพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎบัตรสหบัตรประชาชาติในการ Freedom of  Expression (เสรีภาพในการแสดงออก) แต่เราจะไม่เอาประเภทออกมาล้มมาเผา ไม่มีทางทำอยู่แล้ว 

-หากศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีธนาธรก็จะไม่มีการปลุกกระแส?

ไม่มีแน่นอน เราก็ต้องสู้ตามวิถีทางรัฐสภา วิถีทางของกฎหมาย แล้วใช้สภาฯ เป็นที่แสดงความคิดเห็น แล้วเราก็ยืนยันในเรื่องศาลอะไรต่างๆ เราไม่ไปยุ่งเรื่องกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดี การบริหารงานบุคคล แต่เรื่องอื่นเรายุ่งเพราะใน รธน.มาตรา 129 ให้สภาฯ มีอำนาจในการตรวจสอบพวกอย่างสำนักงานศาล องค์กรอิสระ ทำได้หมด ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดี การบริหารงานบุคคล

-ที่ผ่านมาโดยเฉพาะหลังเกิดกรณีภาพในอดีตของคุณพรรณิการ์ ทำให้พรรคถูกมองในประเด็นสถาบันฯ?

มันไม่ใช่เฉพาะคุณช่อ พรรคเรามันมาตั้งแต่แรก มาเขาก็ตีกันอย่างนี้ตลอด ก็ตีมา แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นอยู่แล้ว

...คืออย่างนี้ผมมีเพื่อนเยอะมากในกลุ่มไลน์ กลุ่มโพสต์ กลุ่มอะไรต่างๆ บางครั้งหากเขาถามอะไรผมมา ถ้าเราอธิบายแล้วเราคิดว่าเขาฟัง ผมก็จะอธิบายเยอะ แต่บางอย่างอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะเขาพร้อมที่จะไม่เชื่อ แล้วก็พร้อมจะนำคำพูดเราไปบิดเบือนอีก บางทีคนก็บอกว่าทำไมไม่ยอมชี้แจง เป็นรองหัวหน้าพรรคทำไมไม่พูด ผมก็บอกถ้าพูดไปแล้วยอมรับฟังผมก็จะพูด

ชำนาญ กล่าวหลังเราถามถึงบทบาทของพรรคในฐานะฝ่ายค้าน สิ่งที่พรรคเคยหาเสียงไว้บางเรื่อง เช่นการปฏิรูปกองทัพ ช่วงหลังดูจะเงียบไป จะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.อะไรเข้าสภาฯ หรือไม่ โดยเขายืนยันว่าไม่เงียบ ก็ต้องปักธง มีการเตรียมไว้ ซึ่งแม้ว่าเราเสนอทำไปก็อาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา แต่มันทำให้เกิดประเด็นถกเถียง ได้มีการอภิปราย ทำให้คนแตกฉานทางปัญญา ทำให้คนได้รับรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะอะไร ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มีเช่นการเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญสองมาตรา คือ 272  กับ 279 ที่เป็นปัญหาอุปสรรคใหญ่ เพราะการจะไปแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับมันยาก เราก็เริ่มที่สองมาตรานี้ก่อน ส่วนการล้างมรดก คสช.ก็ทำผ่านการแก้ไข รธน.มาตรา 279 ที่ให้คุ้มครอง คสช. อย่างที่ ตุรกีที่มีการออกกฎหมายคุ้มครองคณะมนตรีความมั่นคงที่เป็นคณะรัฐประหาร แต่ต่อมามีการแก้ไข รธน.แล้วยกเลิกมาตราที่คุ้มครองดังกล่าว จากนั้นก็มีการนำคณะรัฐประหารมาลงโทษ เพิ่งตัดสินเมื่อปี  ค.ศ.2017 บางคนอายุ 89 ปีก็ต้องมารับโทษ

เมื่อถามย้ำว่าสิ่งที่พรรคเคยหาเสียงไว้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมดในรัฐบาลในสภาฯ ยุคนี้  ชำนาญ บอกว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่-ไม่รู้ แต่เราจะเสนอ เราหาเสียงไว้อย่างไรเราก็จะเสนอแบบนั้น  แต่จะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรามีความพยายามที่จะทำอยู่แล้ว เราไม่ได้พูดแค่ลอยไป

สำหรับเสถียรภาพรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อจากนี้ก็มองว่าจากเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่มี 253 เสียง ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ในทางทฤษฎี ผมเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ก็มองว่าไม่น่ารอด แต่ว่าเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างตอนรัฐประหารใหม่ๆ คนก็บอกว่าอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็อยู่มาได้ร่วมห้าปี ก็ประมาทไม่ได้ เราจึงต้องไม่หยุดในการเปิดเผยความจริง การรณรงค์ให้เห็นว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นที่มีรัฐบาลแบบนี้

ส่วนจะไปใช้วิธีงูเห่า จะไปใช้ทุกเรื่องก็ไม่ได้ ถ้าใช้ก็ยิ่งเละ อย่างที่ ส.ส.อนาคตใหม่ออกมาพูดเรื่องงูเห่าเขาก็มีหลักฐาน แต่ กกต.กลับจะมาสอบคนของอนาคตใหม่ ทั้งที่ควรมาขอข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์เพื่อหาตัวคนผิด ซึ่งพวกนี้เขามีวิธีการที่แนบเนียนในการติดต่อ ทำแบบอินไดเรกต์ ผ่านคนที่เคารพนับถือมาบ้าง มีหลายวิธี พวกนี้วิชามารมันเยอะ ไม่มีอะไรโต้งๆ ให้จับได้ง่ายหรอก อย่างของเราก็มีคนมาเสนอจะเอามัดจำมาให้ แต่ไม่เอา.

.................

 

เลือกตั้งท้องถิ่นสนามต่อไป อนาคตใหม่เตรียมเขย่าระบบเก่า

                ชำนาญ-รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองผู้สมัครรับเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการเตรียมส่งคนลงเลือกตั้งระดับท้องถิ่นทั่วประเทศว่า หากมีการประกาศรับสมัครคนลงเลือกตั้งในนามพรรคอย่างเป็นทางการ เมื่อมีบุคคลใดยื่นใบสมัครขอลงรับสมัครเลือกตั้ง พรรคก็จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองรายชื่อที่มีผมเป็นประธาน และมีตัวแทนของภูมิภาคสี่ภาคอยู่ในกรรมการกลั่นกรองฯ เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วก็จะส่งรายชื่อไปให้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของพรรคอนาคตใหม่พิจารณาต่อไปที่มีนายปิยบุตร เลขาธิการพรรคเป็นประธาน ซึ่งจะมีการเรียกคนที่กรรมการกลั่นกรองฯ ส่งชื่อไปมาทำการสัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์ต่อไป

-ที่ผ่านมาสนามเลือกตั้งท้องถิ่น แม้บางพรรคการเมืองจะส่งคนลงเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ถึงกับประกาศชัดว่าเป็นของพรรคเต็มตัว เช่นที่ภาคใต้ อดีต ส.ส.ปชป.หลายคนไปลงเลือกตั้งท้องถิ่น ก็ไม่ได้ถึงกับลงในนามพรรคแบบตอนลง ส.ส. เหตุใดอนาคตใหม่ถึงจะส่งคนลงเลือกตั้งในนามพรรคอย่างเป็นทางการ?

โดยทฤษฎีแล้ว ในความเป็นจริงการเมืองระดับชาติกับการเมืองท้องถิ่นแยกกันไม่ออก และเราก็มองว่าไม่มีที่ไหนในโลกที่การเมืองระดับชาติจะเข้มแข็งโดยปราศจากการเมืองท้องถิ่นที่เข้มแข็ง จนมีคำพูดที่ว่า “no state without city” คือถ้าเมืองไม่เข้มแข็ง ไม่มีทางที่ประเทศจะเข้มแข็งได้ เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมันเชื่อมกัน

ที่ผ่านมาของเราในอดีตพรรคการเมืองไม่กล้า ไม่เคยทำ ยกเว้นแค่สนามเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่บางพรรคส่งคนลงผู้ว่าฯ กทม.โดยสังกัดพรรค แม้ตามกฎหมายจะไม่ได้เขียนไว้ว่าต้องสังกัดพรรค แต่ในต่างจังหวัดอย่างเช่นที่เชียงใหม่ สนามท้องถิ่นก็มีแข่งกันเอง แบ่งเป็นไทยรักไทยหนึ่ง ไทยรักไทยสอง หรือที่สงขลาก็มีประชาธิปัตย์แข่งกันเอง คือใครมาขอใช้ชื่อก็ให้ไปกัน จะไปเลือกสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่งก็เกรงจะเสียฐานเสียงฐานคะแนน ไม่อยากให้หมางใจกัน

...สำหรับอนาคตใหม่เรามองตรงกันข้าม เรามองว่าการที่จะเขย่าการเมืองหรือทำให้การเมืองดีขึ้น ที่ใช้คำว่าเขย่าเพื่อดึงดูดความสนใจเท่านั้นเอง ก็ต้องทำที่ท้องถิ่นด้วย เราเคยทำในระดับชาติ ที่เราประเมินว่าเราทำสำเร็จเกินกว่าที่หลายคนคาดไว้ ซึ่งพรรคทำได้ แต่แน่นอนว่าท้องถิ่นมันเป็นงานที่ยากกว่าแต่ก็ท้าทาย

...ก่อนหน้านี้หลายคนเคยปรามาสอนาคตใหม่ว่าไม่มีทางหรอก การเมืองแบบไม่มีหัวคะแนน ไม่มีการซื้อเสียง ครั้งนี้เราก็จะทำใหม่เหมือนกัน กับการเมืองระบบท้องถิ่นที่จะต้องไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

-พรรคจะส่งคนลงสมัครระดับท้องถิ่นทั้งหมดตั้งแต่ อบจ.-เทศบาล หรือท้องถิ่น กทม.อย่าง  ส.ก.?

จะส่งทุกระดับแต่ไม่ส่งลงสมัครหมดทุกพื้นที่ ไม่ส่งหมดทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีร่วม 7,000 กว่าแห่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ โดยเลือกตั้งท้องถิ่นลำดับแรกๆ ที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกนายก อบจ. และผู้ว่าฯ กทม. จากนั้นก็จะไปถึงการเลือกในระดับเทศบาล จากนั้นตามด้วยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)

ในส่วนของสนามเลือกตั้งนายก อบจ. เราคงไม่ส่งครบทุกจังหวัด ก็น่าจะส่งได้ประมาณ 20 จังหวัด บวกลบ โดยพิจารณาจากจังหวัดยุทธศาสตร์ของเรา เช่นมี ส.ส.พรรคในพื้นที่จังหวัดนั้นหรือคะแนนพรรคในจังหวัดดี และประเมินแล้วส่งไปมีโอกาสที่คนของพรรคจะชนะ ตลอดจนถ้ามีทีมผู้สมัครที่มีคุณภาพสูงเราก็จะส่งลง

แนวนโยบายพรรคในเรื่องท้องถิ่น เราไม่ได้ออกนโยบายจากระดับบนลงมา แต่เกิดจากที่คนในพรรคได้ลงพื้นที่ต่างจังหวัดมาอย่างหนัก พบประชาชนมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมาหนึ่งปีเต็มๆ ทำให้เรารู้ถึงปัญหาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะคล้ายๆ กันหมด และหลายปัญหาต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน ทำให้เกิดการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่ เช่น เรื่องการขนส่งสาธารณะ ที่บางจังหวัดอาจมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ แต่ก็ต้องพยายามทำเท่าที่จะทำได้ อย่างที่เชียงใหม่ควรต้องมีได้แล้ว ไม่ใช่ให้ส่วนกลางอนุมัติ รวมถึงพรรคเห็นว่าต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการบริหารงานท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็น Open government เพื่อให้รัฐโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องการบริหารงบประมาณ อย่างที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส เขามีเทศบาลย่อยร่วม 20 กว่าเทศบาล โดยมีงบประมาณจัดสรรไว้ให้เลยสำหรับท้องถิ่นเสนอโครงการมาว่าจะทำอะไร ก็เสนอโครงการมา เช่น ทำสนามเด็กเล่น, ลานกีฬา แล้วมีการโหวตกัน ก็เป็นการเมืองรูปแบบใหม่ ไม่ต้องให้ไปผ่านสภา โดยสามารถเสนอไปได้โดยตรง นอกจากนี้เรื่องการศึกษาก็ควรให้มีตัวแทนท้องถิ่นไปร่วมเป็นบอร์ดในการกำหนดเรื่องต่างๆ เช่น หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนในพื้นที่ และพรรคยังให้ความสำคัญกับเรื่องแนวทางการจัดการขยะที่เป็นปัญหาใหญ่ อปท.ทุกแห่งต้องมีระบบการจัดการขยะในพื้นที่ที่ชัดเจนว่าจะใช้รูปแบบอย่างไร

...ผู้สมัครท้องถิ่นของพรรคอนาคตใหม่ต้องเสนอนโยบาย 5 เรื่องหลักข้างต้น เช่น การขนส่งสาธารณะ การศึกษา ให้กับพรรคทราบ เรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องบอกว่าทำไม่ได้ และเพราะอะไร  และเสนอนโยบายของตัวเองว่าต้องการทำอะไรในท้องถิ่น โดยต้องเสนอนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่  ไม่ใช่มีงบไม่มากแต่มาเสนอโครงการทำรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ทุกอย่างต้องเหมาะสม

-แต่การเมืองท้องถิ่นจะมีเรื่องหัวคะแนน ผู้มีอิทธิพล ระบบอุปถัมภ์ในพื้นที่?

เราก็พยายามจะเขย่าจะขจัดพวกนี้ไป ทำให้การเมืองท้องถิ่นปราศจากผู้มีอิทธิพล เพราะคงไม่มีใครยอมรับตัวเองว่าเป็นมาเฟีย 

สำหรับแนวนโยบายพรรคเรื่องยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เรื่องดังกล่าวในส่วนของการรวมศูนย์ ที่เรียกว่า Centralization ซึ่งการที่เราจะกระจายอำนาจออกไป หรือ Decentralization ซึ่งในความเป็นจริง รูปแบบของรัฐไทยเดิมเราอำนาจอยู่ที่ท้องถิ่น โดยสมัยก่อนก่อนจะเป็นรัฐชาติ หรือ Nation State ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 เมืองต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ก็มีความเป็นอิสระพอสมควรระดับหนึ่ง มีการจัดการตัวเอง แล้วต่อมาเราไปรวมเขามาเป็น “รัฐชาติ” ต่อไปนี้ก็ถึงเวลาคืนอำนาจไม่ใช่กระจายอำนาจไม่ใช่ว่าอยากได้เท่าใดก็ให้ ไม่ใช่แบบนั้น อย่างที่อังกฤษ ที่เราไปเอาระบบรัฐสภาเขามา อังกฤษเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด คือท้องถิ่นแต่ละแห่งก็สละอำนาจบางส่วนให้รัฐบาลกลางทำ คือเป็นระบบที่ไม่เคยมีราชการส่วนภูมิภาคเลยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ว่าฯ-นายอำเภอที่ตั้งมาจากส่วนกลาง

...การเลือกตั้งที่ผ่านมาเกือบทุกพรรคการเมืองต่างพูดเรื่องนโยบายกระจายอำนาจกันหมด แต่เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นเราจึงใช้คำว่า ต้องยุติรัฐราชการรวมศูนย์ ให้ชัดไปเลยว่าอันนี้คือของอนาคตใหม่ Endgame ต้องแบบนี้

ถามย้ำว่า พรรคเคยหาเสียงเรื่องกระจายอำนาจ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง มาวันนี้แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็มี ส.ส.ถึง 80 คน สามารถเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ ได้ ทางพรรคยืนยันจะเดินหน้าตามที่หาเสียงหรือไม่ ชำนาญ-รองหัวหน้าพรรค อนค. กล่าวยืนยันทันทีว่าแน่นอน เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรค และจะเป็นหนึ่งในร่าง พ.ร.บ.ที่พรรคจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เรามีการคุยกันไว้แล้ว เป็นแผนแนวนโยบายที่มีร่วมสิบกว่านโยบาย บนฐานหลักคือยุติรัฐราชการรวมศูนย์-สวัสดิการการศึกษาและเรื่องแรงงาน

เรื่องยุติรัฐราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจ เป็นเสาหลักของพรรคอนาคตใหม่ที่เราต้องทำแน่นอน แต่จากประสบการณ์ในอดีตที่ผมเคยทำมา เช่น ตอนยกร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร หรือตอนที่กรรมการปฏิรูปกฎหมายทำเรื่องจังหวัดปกครองตนเอง แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยน เราจะไม่ทำแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ต้องทำเป็นกฎหมายกลาง เพราะที่ผ่านมาไปแต่ละแห่ง ทุกจังหวัดต่างบอกพร้อมหมด หลายคนถามทำไมต้องเฉพาะที่เชียงใหม่ ทำไมไม่ทำที่อื่นบ้าง เช่น อำนาจเจริญ, ระนอง, ขอนแก่น แต่แน่นอนทำพร้อมกันทุกแห่งไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า Big Bang Decentralization ซึ่งประเทศอย่างอินโดนีเซียทำสำเร็จมาแล้ว โดยแนวทางของพรรคจะให้ทำพร้อมกันหมดทุกจังหวัด เพียงแต่ในรายละเอียดของขั้นตอนก็จะต้องไปเขียนในกฎหมายเรื่องขั้นตอน ไม่ใช่ว่ากฎหมายประกาศใช้แล้ว พรุ่งนี้ขึ้นทำเลย-ไม่ใช่ เช่นให้ทำภายในไม่เกิน 5 ปีหลังกฎหมายประกาศใช้ หรืออาจจะเป็น 10 ปี ตรงนี้ยังไม่ตกผลึกเพราะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน

...การเสนอกฎหมายดังกล่าวของพรรค เราก็จะพยายามเสนอให้เร็ว เชื่อว่าจะมีแนวร่วมเยอะ เพราะทุกพรรคการเมืองไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเคยพูดไว้ตอนหาเสียง เพียงแต่จะแตกต่างกันบ้างเรื่องรายละเอียด พรรคอนาคตใหม่เราตั้งเป้าไว้แล้ว เราเข้ามาเราจะทำแม้จะเป็นฝ่ายค้าน

ชำนาญ ยังกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคมีแนวคิดเรื่องให้ตำรวจแต่ละพื้นที่ไปขึ้นตรงกับผู้บริหารท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เคยมีการทำเรื่องร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร-ร่าง พ.ร.บ.จังหวัดปกครองตัวเอง รูปแบบจะเหมือนที่ญี่ปุ่น เพราะนายก อบจ. คือผู้บริหารที่ขึ้นมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ที่ต่อไปจะเรียกนายก อบจ.หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เพราะตอนทำร่าง พ.ร.บ.เชียงใหม่มหานคร จะไม่ให้มีผู้ว่าฯ จากมหาดไทย ไม่มี อบจ. เพราะจะมีผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ก็จะเรียก ซูเปอร์ อบจ. ก็จะให้ตำรวจมาขึ้นกับผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างกรุงเทพมหานครก็เคยมีการคุยกัน แต่อันนี้ไม่ใช่แนวคิดของพรรคอนาคตใหม่ ก็มีการคุยกันว่า กทม.มันใหญ่ ก็ควรให้มีเทศบาลย่อยๆ แบบกรุงปารีส แล้วแบ่งหน้าที่กันทำ อย่างอันนี้สมมุติ  เช่นข้างล่างก็เรียกเป็นนครบาลก็ได้ โดยให้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นระบบ ผอ.เขตที่มาจากการแต่งตั้งของผู้บริหาร กทม.อย่างปัจจุบัน

-แนวคิดของอนาคตใหม่ หากให้เลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรง แล้วพวกนายก อบจ.จะมีอยู่อีกหรือไม่?

จะไม่มีแล้ว นายก อบจ.โดยสภาพก็จะเปลี่ยนเป็นผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างที่บอก พูดได้สองอย่างคือจะมี อบจ.อยู่อีกหรือไม่ บอกไม่มีก็ถูกเพราะเลิกไปแล้ว แต่หากถามว่ามีก็ใช่เพราะเป็นซูเปอร์ อบจ.ไปแล้ว เพราะจะนำงานภูมิภาคกับท้องถิ่นมารวมกัน โดยสภาวะก็คือนายก อบจ.ดีๆ นั่นเอง แต่เราไม่เรียก

ชำนาญ-รองหัวหน้าพรรค อนค. พูดถึงเรื่องสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า อย่าลืมว่าพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งที่ประชาชนเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม.ของพรรครวมแล้วพรรคอนาคตใหม่ได้มากที่สุด ทั้งเขตที่สอบได้และสอบตก ตอนนี้เราก็กำลังพิจารณากันอยู่ มองๆ กัน แต่เราใช้ระบบสมัคร พอถึงเวลาใครคิดว่าตัวเองมีฝีมือก็เสนอตัวเข้ามา หรือแนะนำเข้ามา

-สนามท้องถิ่น เช่น กรุงเทพมหานคร หากพรรคร่วมฝ่ายค้านเช่นเพื่อไทยก็ต้องส่งคนลง  แบบนี้ก็ต้องแข่งกันกับพรรค อนค.?

พันธมิตรคือพันธมิตรทางการเมืองระดับชาติ ในการเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล แต่สำหรับท้องถิ่นก็เป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่ไป คงไม่ได้ผูกพันอะไรกันขนาดนั้น คงไม่มีประเภทตรงนี้หลบให้ไม่หลบให้ คงไม่ใช่อนาคตใหม่ ก็คืออนาคตใหม่เราไม่ได้ไปรวมอะไรกับใคร 

หลักการของเราก็คือ ทุกพื้นที่ในสนามท้องถิ่น อปท. พรรคจะให้ลงแบบเป็นทีม จะไม่ให้มีแบบประเภทฉายเดี่ยว ข้ามาคนเดียว ต้องหามาเป็นทีม เช่น จะลงนายก อบจ.ก็ต้องหาทีมมาเลย เช่น รองนายกฯ-สมาชิกสภาท้องถิ่น แต่บางพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา กรุงเทพฯ ที่เป็นพื้นที่ใหญ่ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหามาได้ครบหมด แต่อย่างน้อยหามาได้สักครึ่งหนึ่งของทีมก็ยังดี เพราะในการไปออกบังคับการบริหารงานต่างๆ ต้องใช้เสียง

สนาม กทม.เราก็มั่นใจ เพราะทุกวันนี้มีคนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นทุกวัน มาสมัครกันเยอะทุกวัน ยิ่งธนาธร หัวหน้าพรรคโดนรังแก ก็ยิ่งมาเยอะ ข่าววันไหนบอกจะเชือดธนาธร คนก็มาสมัครกันเยอะ เราก็ดูจากคะแนนพื้นฐานที่พรรคได้มาจากการเลือกตั้ง ส.ส.และเราเชื่อว่าเราจะได้คะแนนมากขึ้น เพราะมีแต่คนพูดว่ารู้งี้เลือกอนาคตใหม่เสียก็ดี

เรื่องผู้ว่าฯ กทม.ก็มีคนสนใจเยอะ แต่เรายังไม่เข้าสู่กระบวนการเพราะก็ยังไม่รู้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด เราเห็นว่ายังมีเวลาเยอะ ก็มีบางคนมาถาม ทำไม พรรคไม่ประกาศไปเลย พรรคอื่นเริ่มประกาศแล้ว เช่นที่สงขลา เชียงใหม่ แต่ผมมองว่าเราต้องมองกลับด้วย เพราะการที่จะส่งใครในนามพรรค หากประกาศแล้ว เปลี่ยนไม่ได้ หากเปลี่ยนก็เป็นเรื่องใหญ่โต เป็นดรามา ตอนนี้มีเวลาเราก็ค่อยคัดไปเอาดีที่สุด

ถามความเห็นกรณี หากพรรครัฐบาลเวลานี้ เช่น พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ที่คุมอำนาจรัฐ คุมกระทรวงมหาดไทย ส่งคนลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย จะทำให้ได้เปรียบพรรคอื่นหรือไม่ ชำนาญ มองเรื่องนี้ว่า แน่นอน ใครคุมอำนาจรัฐก็ต้องได้เปรียบ แต่ไม่ใช่จะได้เปรียบถึงกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ไม่อย่างนั้น อนาคตใหม่จะได้มาได้อย่างไร ตอนแรก 88 เสียง แต่ตอนนี้เหลือ 80 เสียง ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี ทำให้มีการป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐจนเกินขอบเขต แต่เราก็รู้ว่าอนาคตใหม่ควรจะได้มากกว่าที่เห็นด้วยซ้ำไป

-คนมองว่าการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้ง จะมีความแตกต่างกันระหว่างท้องถิ่นกับ ส.ส. อย่างกรุงเทพฯ ที่คนของประชาธิปัตย์ชนะในสนามผู้ว่าฯ กทม. หลายครั้งก็เกิดจากตอนที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน?

ไม่ใช่หรอก อย่างหลายคน เช่น สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็มีวาทกรรม ไม่เลือกเรา เขามาแน่ ก็มาพลิกกันในช่วง 2-3 วันสุดท้าย มีวาทกรรมเกรงการผูกขาด จริงๆ แล้วการเมืองท้องถิ่นไม่ได้ผูกกับการเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะท้องถิ่นผูกพันกับชีวิตประชาชน เช่น การจัดการขยะ ถมซอย ใครจะมาจัดการ รู้ประวัติคนที่ลง แต่ ส.ส.เลือกไปแล้ว ส.ส.ก็ไปทำงานระดับชาติ จริงอยู่ ก็มีคนที่ทำงานใกล้ชิดในพื้นที่แต่ก็จะไม่เหมือนพวกท้องถิ่น ประชาชนจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะครั้งนี้

..สำหรับเรื่องระบบหัวคะแนนในการเลือกตั้งท้องถิ่น พรรคอนาคตใหม่เราไม่มีแน่นอน เราไม่ใช่ระบบหัวคะแนน การซื้อเสียง เพราะเราพิสูจน์ว่าเราทำได้แล้วในการเลือกตั้งระดับชาติ และหลายคนก็เริ่ม คิดได้ คิดออกว่าอนาคตใหม่ไม่ได้ใช้เงินยังประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ หลายคนก็เอาบ้าง ก็ยืนยันว่ามันไม่ใช่โชคช่วย

...จริงอยู่ มันก็มีกระแสธนาธรบ้าง แต่ว่าทุกอย่างเป็นระบบหมด เพียงแต่ที่เราเห็นกันอยู่อาจมีเด่นไม่กี่คน แต่จริงๆ แล้วเราทำกันเป็นทีม มีทีมแบ็กอัพ ทีมหลังบ้าน ทีมผลิตนโยบายพรรค มีการสำรวจ ผมไม่อยากใช้ว่า Political Marketing ซึ่งจริงๆ สหรัฐเขาใช้แบบนี้มานานแล้ว มีการสำรวจความต้องการของประชาชน เอามากำหนดเป็นนโยบายว่าอันไหนจะถูกใจประชาชน แต่บ้านเราไม่สน ไปสนว่าเรื่องอื่น เช่น พูดเก่ง อย่างนโยบายท้องถิ่น 5 ข้อที่บอกข้างต้น เช่น การจัดการขยะ การขนส่งสาธารณะ ไม่ได้มาแบบ Top to Down แต่เกิดจากการที่พรรคไปสำรวจมาแล้วว่าคนต้องการให้ท้องถิ่นแก้ปัญหาให้เขา

-กระแสธนาธรคิดว่าจะขายได้หรือไม่ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น?

อันนี้พูดกันตรงๆ แบบไม่เกรงใจหัวหน้าพรรค ผมว่ากระแสพรรคอนาคตใหม่ขายได้

-ไม่ใช่ที่ตัวธนาธร?

ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ธนาธรเขาเป็นระดับชาติ ระดับต่อต้านเผด็จการ ต่อต้าน คสช. แต่ในท้องถิ่นธนาธรไม่มีทางทราบได้ว่า อมก๋อย เชียงใหม่ คนในพื้นที่เขาต้องการอะไร มันต้องอยู่กับคนท้องถิ่น เพราะไม่มีใครรู้ปัญหาท้องถิ่นดีกว่าคนท้องถิ่น โดยธนาธรเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์ว่าพรรคอนาคตใหม่จะทำการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่ แบบนี้ ใช่ แต่ถ้าจะเลือกเพราะธนาธร ผมว่าน้อยสำหรับการเมืองท้องถิ่น แต่เขาจะรู้ว่าระบบนี้ ในเรื่องการบริหารงบประมาณโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ประชาชนมีสิทธิ์เสนอโครงการเองโดยไม่ต้องผ่านสมาชิกสภาท้องถิ่น แบบนี้ ใครจะไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่ใช่ธนาธรแล้ว แต่เป็นสมอง ธนาธรช่วยกันคิด แบบนี้เขาเห็นชัด เวลาเขาไปที่ไหนเขาก็ยกตัวอย่างเอากรณีแบบที่ปารีสมาขึ้นจอให้เห็น ที่ให้ประชาชนเสนอโครงการโดยมีงบประมาณให้ 5 หมื่นยูโร เพื่อพิจารณาว่าแต่ละเขตในปารีสจะทำอะไร แล้วมาโหวตเสียงกัน

-ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับอนาคตใหม่ ที่ลงเลือกตั้งครั้งแรกได้ ส.ส. 80 เสียง จะไปถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ เช่น ทำให้พรรคอาจชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือคนของพรรคชนะได้เป็นนายก อบจ.?

มันมีโอกาส อย่างกรุงเทพมหานครเราก็คิดว่าพรรคมีโอกาส แต่ท้องถิ่นมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะส่งครบหมดทั้ง 7,852 แห่ง เราก็ต้องเลือก ต้องส่งคนในพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของเรา คือมี ส.ส.ของพรรค เป็นพื้นที่ซึ่งพรรคมีคะแนนดี มีทีมผู้สมัครที่มีคุณภาพและคนที่ลงสมัคร เสนอแนวคิดในการบริหารงานท้องถิ่นแบบใหม่ ไม่ใช่ระบบเครือญาติ เจ้าพ่อ หรือนามสกุลเดียวกัน ที่ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ต้องไม่ผูกขาดแบบนี้

ตั้งคำถามไปว่า แต่หากกลับกัน หากคนของพรรคอนาคตใหม่ที่ลงในนามพรรคเกิดล้มเหลวในการเลือกตั้งท้องถิ่น คนก็จะมองว่าเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาได้มาเพราะกระแส  ชำนาญ กล่าวตอบว่า ก็ไม่เป็นไร เพราะมีหลายประเทศที่การเมืองระดับชาติไปแพ้การเมืองท้องถิ่น มันอาจแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ชอบ ส่วนใหญ่ที่แพ้จะเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลที่แพ้การเมืองท้องถิ่น เช่น ที่ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น แต่ว่าความคิดของเรา แน่นอนว่า เราต้องการชนะ แต่ถ้าไม่ชนะ เราก็ต้องการปักธงความคิด ปักการเมืองแบบใหม่ โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่น เพราะถ้าการเมืองท้องถิ่นพัฒนา การเมืองระดับชาติก็จะพัฒนาไปด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งทุกพื้นที่แล้วจะชนะหมด

-พรรคอนาคตใหม่เตรียมเขย่าท้องถิ่น?

เราตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ เพราะเราถือว่าท้องถิ่นคือฐานรากของการเมืองระดับชาติ ฐานรากของประชาธิปไตย.

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

.......................................

         


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"