เคาะวันประชุมใหญ่วิสามัญฯ พรรคเพื่อไทย เพื่อเลือก หัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย แทนชุดเดิม หลัง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีผลเมื่อ 3 ก.ค. ออกมาอย่างรวดเร็ว โดยวันประชุมดังกล่าวคือ ศุกร์ที่ 12 ก.ค. ที่จะมีวาระสำคัญคือ การเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การเมืองของเพื่อไทย ที่ต้องเอา ส.ส.มาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อให้ไปทำหน้าที่ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นตำแหน่งที่มีการโปรดเกล้าฯ เหตุเพราะ พล.ต.ท.วิโรจน์ไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว เลยทำให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ ที่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ต้องยอมเปิดทางให้ ส.ส.เพื่อไทยคนอื่นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทน

ซึ่งหลังจากที่ประชุมใหญ่เลือกหัวหน้าพรรคแล้ว จากนั้นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ก็จะเสนอชื่อกรรมการบริหารพรรคตำแหน่งอื่นๆ เช่น เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค ให้ที่ประชุมเห็นชอบต่อไป

ถึงเวลานี้แม้เหลือเวลาอีกร่วมสัปดาห์ กว่าจะถึงวันประชุม 12 ก.ค. แต่ถึงตอนนี้ผู้นำเพื่อไทยคนใหม่ที่ต้องเป็นส.ส. ก็น่าจะเป็นไปตามคาดคือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้เปิดตัวชิมลางลงชิงประธานสภาฯ แข่งกับชวน หลีกภัย มาแล้ว หลังมีข่าวว่าเสี่ยสมพงษ์ได้รับแรงหนุนจากเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย-ผู้นำฝ่ายค้าน

ขณะที่เก้าอี้ พ่อบ้านพรรค-เลขาธิการพรรค ก็ชัดเจนแล้วว่า เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย มือทำงานการเมืองที่ทักษิณ ชินวัตร ไว้วางใจสูงยิ่ง ตัดสินใจหลีกทางเปิดโอกาสให้คนอื่นมาเป็นแทน ซึ่งหากโผไม่พลิก ก็น่าจะเป็น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร นักการเมืองคนสนิท เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เคยดันอนุดิษฐ์ไปนั่งเป็น รมว.ไอซีที ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์โควตา กทม.มาแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าว ส.ส.กลุ่มอีสาน รวมถึงตัวสมพงษ์เองด้วย ต้องการดันพงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น นักการเมืองคนสนิทของสมพงษ์ตั้งแต่ยุคร่วมนั่งโต๊ะกินไวน์ กับน้าชาติ-พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ที่บ้านซอยราชครู สมัยอยู่พรรคชาติพัฒนามาด้วยกัน รวมถึงก่อนหน้านี้ ทั้ง สมพงษ์-พงศกร ก็เคยรับออเดอร์ คำสั่งจากเจ๊แดง ให้ไปปลุกปั้น พรรคเพื่อธรรม ให้เป็นพรรคสาขาของเพื่อไทย จนทั้งสองคนออกจากเพื่อไทยไปช่วงสั้นๆ เพื่อไปเป็นหัวหน้า-เลขาธิการพรรคเพื่อธรรม ก่อนที่พรรคเพื่อธรรมจะล้มเหลว ไม่มีกระแสตอบรับ จนสมพงษ์-พงศกรเผ่นกลางคัน ย้ายกลับเพื่อไทย เข้าไทยรักษาชาติกันหมด

แต่ทว่า สุดท้ายมีกระแสข่าวฝ่ายเจ๊หน่อยกับคนแดนไกลคุยกันลงตัวว่า ควรใช้สูตรหัวหน้า-สมพงษ์ เลขาฯ–อนุดิษฐ์ จะดีกว่า กับภาพหัวหน้าพรรค สมพงษ์ นักการเมืองอาวุโส ส่วนเลขาธิการพรรคก็อนุดิษฐ์ คนไม่ใหม่ไม่เก่า แต่มีประสบการณ์การเมืองพอควร น่าจะเป็นสูตรที่กลมกล่อม ขัดตาทัพให้เพื่อไทยในยามเป็นฝ่ายค้านไปพลางก่อน เลยทำให้ถึงเวลานี้กระแสอนุดิษฐ์ คนในค่ายเจ๊หน่อย ยังเต็งหนึ่ง นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคเพื่อไทยคนใหม่

ภูมิธรรม ระบุเหตุผลในการไม่กลับมารับเก้าอี้เลขาธิการพรรคเพื่อไทยว่า

“ได้เวลาที่พรรคควรหาคนมาทำหน้าที่ เป็นเรื่องของคนรุ่นหลัง แบกรับภารกิจต่อไป จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในกรรมการบริหารพรรค ส่วนตัวอยากให้กรรมการบริหารเป็นส่วนผสมกันระหว่าง ส.ส. นักการเมืองที่มีประสบการณ์ นักการเมืองคนรุ่นใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคชุดใหม่จะปรับเปลี่ยนอย่างไร”

เป็นคำอธิบายของภูมิธรรมที่ชัดเจน ไม่ต้องตีความ ถอดรหัสอะไรมาก โดยเฉพาะที่บอกว่า ควรดัน คนรุ่นใหม่ ขึ้นมามีบทบาทในพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นจุดที่แกนนำพรรคหลายคนเห็นแล้วว่า หากไม่ทำเพื่อไทยจะกลายเป็นพรรคที่เข้าไม่ถึง ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่-กลุ่มผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวัยนักศึกษา-กลุ่มผู้นิยมใช้โซเชียลมีเดีย เพราะเวลานี้ ฐานเสียงเพื่อไทยหลายแห่งโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ก็ไปเป็น Futurista อนาคตใหม่กันหมดแล้ว ขณะที่พรรคคู่แค้นเพื่อไทยอย่างประชาธิปัตย์ ก็เร่งปรับโหมดรีแบนดิ้งพรรคกันยกใหญ่ เพื่อหวังเจาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่-คนวัยทำงาน ให้กลับมาเลือกประชาธิปัตย์

ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่คีย์แมนเพื่อไทย ที่ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองอาวุโสก็รู้ดีว่า กำลังเกิดช่องว่างครั้งใหญ่ระหว่างเพื่อไทยกับคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน-คนในสังคมโซเชียลมีเดีย จึงทำให้ผู้อาวุโสในพรรคก็พยายามจะดันคนรุ่นใหม่ให้มีบทบาทมากขึ้น เพียงแต่ปัญหาก็คือ เพื่อไทย จะเอาจริงแค่ไหน ทำแค่สร้างภาพ เกาะกระแสการตลาด หรือจะเอาจริง เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่า ทุกก้าวย่างของเพื่อไทย ล้วนอยู่ในการตัดสินใจของคนไม่กี่คนในตระกูล ชินวัตร ที่อาจยังเทน้ำหนัก ให้ความสำคัญอยู่แต่กับการเมืองในบริบทเดิมๆ จึงทำให้คนส่วนใหญ่แม้แต่คนในเพื่อไทยก็ยังเชื่อว่า ตราบใดที่เพื่อไทยยังไม่สามารถปลดแอกทางการเมืองจากตระกูลชินวัตรได้ การทำการเมืองแบบใหม่ๆ ภายใต้แบนด์เพื่อไทย ก็ทำให้เกิดขึ้นจริงได้ยาก

เพราะอย่างเวลานี้ ก็มีข่าวว่า เจ๊แดง-เยาวภา ที่เงียบหายไปนานหลายเดือน โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้ง หลังมีข่าวว่าถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาในคดีจีทูจีภาคสอง จนมีข่าวลือว่าหลบไปตั้งหลักที่ต่างประเทศ ก็ปรากฏว่า ส.ส.ภาคเหนือบางคนให้ข้อมูลว่า ช่วงหลังเจ๊แดงเริ่มเคลื่อนไหวการเมือง มีการเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักที่เชียงใหม่ โดยมี ส.ส.ภาคเหนือเพื่อไทยบางคนไปพบ เพื่อหารือเรื่องการเมือง จนเริ่มกลับมามีบทบาทอีกครั้งในพรรคเพื่อไทย เห็นได้จากการดัน สมพงษ์ จะให้เป็น หน.เพื่อไทย ก็มีข่าวว่า เจ๊แดงหนุนเต็มที่ ผ่าน ส.ส.ภาคเหนือ เพื่อไทย และมีข่าวว่า ในการเจอกับ ส.ส.ภาคเหนือ เพื่อไทย นัดล่าสุด เจ๊แดง มีการสั่งการให้ ส.ส.ของพรรคช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นที่เป็นคนของเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายก อบจ. ที่คาดว่าจะเลือกกันช่วงใกล้ๆ ปลายปีนี้ ให้ชนะการเลือกตั้งในทุกจังหวัดภาคเหนือให้ได้

“พี่แดงบอกพวกเรามาว่า เลือกตั้งท้องถิ่นในแต่ละระดับในภาคเหนือ ต้องให้คนเพื่อไทยเอาชนะให้ได้มากที่สุด อย่างนายก อบจ.เชียงใหม่ ให้ ส.ส.เชียงใหม่ เพื่อไทย ต้องช่วยชูชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต ส.ว.เชียงใหม่ ประธานสโมสรเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่จะลงชิงนายก อบจ.ในนามเพื่อไทย เพื่อล้มบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ. ที่ก่อนหน้านี้ก็อยู่กับเพื่อไทยให้ได้ เพราะไม่พอใจที่เขาไปช่วยพลังประชารัฐในตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมถึงในจังหวัดอื่นๆด้วย เช่นที่พะเยา ก็มีการบอกว่าต้องให้คนของเพื่อไทยที่ลงนายก อบจ. ต้องเอาชนะอัครา พรหมเผ่า น้องชาย ธรรมมนัส พรหมเผ่า แกนนำพลังประชารัฐภาคเหนือ ที่จะลงนายก อบจ.พะเยา โดยพี่แดงบอกว่า หากท้องถิ่นไม่มีคนของเพื่อไทยไปตรึงไว้ จะทำให้ต่อไปเพื่อไทยจะลำบากในภาคเหนือ หลังหลายจังหวัดทั้งเชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน โดนทั้งพลังประชารัฐ อนาคตใหม่ เจาะได้ ส.ส.เชียงใหม่ 5 สมัย พรรคเพื่อไทย รายหนึ่งให้ข้อมูล หลังเดินออกจากห้องประชุม ส.ส.เพื่อไทย ที่ตึกที่ทำการพรรคระบุ

คำกล่าวข้างต้นเป็นบทสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ต่อให้เพื่อไทยปรับองคาพยพพรรคอย่างไรหลังจากนี้ แต่ทุกย่างก้าวการเมืองก็ยังอยู่ในคอนโทรลของพี่น้องตระกูล "ชินวัตร” อยู่ดี.