"ประสาร"เตรียมแจงกมธ.งบ5%กองทุนลดเหลื่อมล้ำเด็ก4.3ล้านคน


เพิ่มเพื่อน    


"ประสาร"เตรียมชี้แจงกมธ. 28 ก.พ.นี้ ขอคงอัตรางบฯ กองทุนเพื่อความเสมอภาคฯ  5%ของงบฯการศึกษา หวั่นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ขาดความเข้าใจกระทบกองทุน ชี้มีเด็กที่ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา 4.3 ล้านคน และยัง ไม่นับครูอีกจำนวนมาก

         27 ก.พ.- ในงานมหกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว ที่อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานอนุคณะกรรมการรปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับร่างพรบ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาว่า ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญติแห่งชาติ(สนช.)วาระที่ 1แล้ว จากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของชั้นกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ สนช.ก่อนเข้าสู่สนช.วาระที่ 2 และ 3  ส่วนประเด็นในเรื่องของแหล่งที่มาของเงินทุน จากเดิมในร่างกฎหมายที่กอปศ.จัดทำเสนอให้จัดสรร 5%จากงบประมาณด้านการศึกษา แต่ร่างที่ผ่านสนช.วาระ 1 ให้จัดสรรทุนประเดิม 1,000 ล้านบาทเข้ากองทุน และให้เสนอแผนงานที่ชัดเจนเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนและคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติ แล้วสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบฯให้อย่างเพียงพอ แต่ในฝ่ายที่ยกร่างพ.ร.บ.นี้มีความกังวลว่าหากเวลาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ คนอาจจะไม่เข้าใจและไม่สามารถจัดสรรได้ตามความจำเป็น ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจจะมีการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายอีกครั้งในชั้นกรรมาธิการได้ ตนจะเป็นผู้แทนกอปศ.เข้าชี้แจงเหตุผลที่เสนอบรรจุงบ 5%ไว้ในกฎหมายต่อกรรมาธิการในวันที่ 28 ก.พ.นี้  

        ดร.ประสาร กล่าวอีกว่า ที่ต้องการเสนอให้มีเงินทุนเข้ากองทุนตามที่กอปศ.เสนอบรรจุไว้เดิม เนื่องจากมองว่าหากมีการจัดงบประมาณด้านการศึกษาไว้เท่าไหร่ ก็อยากจะจัดงบประมาณมาใช้ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาครูไว้ 5 % แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณมีความกังวลว่าจะเป็นการทำเป็นตัวอย่างแล้วหน่วยงานอื่นๆจะทำในลักษณะเดียวกัน แต่ในการเสนอบรรจุ 5%ของกอปศ.มีการคำนึงถึงประเด็นนี้เช่นกัน จึงอ้างอิง 5%ของงบด้านการศึกษา ไม่ใช่งบประมาณทั่วไป และมีการวางกรอบเวลาช่วง 5 ปีในการสร้างระบบและสร้างตัวอย่าง หลังจากนั้นก็ใช้อ้างอิงจากผลงาน

       ประธานอนุกก.ฯ กล่าวอีกว่า ในร่างพ.ร.บ.ได้มีการกำหนดแหล่งทุนอื่นไว้ด้วย เช่น เงินบริจาคให้ได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี หรือถ้าจำเป็นก็ขอรัฐบาลขอรายได้ส่วนหนึ่งจากสลากกินแบ่งรัฐบาล  ส่วนเงินประเดิม 1,000 ล้านบาท คงไว้เพื่อวัตถุประสงค์รักษาความมั่นคงของสำนักงานกองทุน เพราะเมื่อจัดตั้งแล้วจำเป็นที่จะต้องรับพนักงานและต้องมีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ  อย่างไรก็ตาม การคงอัตรา 5 %ไว้ในร่างพ.ร.บ.เช่นเดิม จะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่ามีทรัพยากรในระดับเพียงพอที่จะให้กองทุนฯสามารถดำเนินภารกิจได้ตามเป้าหมาย
        “ตามบทบัญญัติในร่างพรบ.ที่ผ่านวาระแรก ไม่ได้มีอะไรที่ชี้ไปในทางที่ว่าปฏิเสธไม่ให้งบประมาณ เพียงบอกว่าไม่อยากให้ใส่ตัวเลข แต่ให้ทำแผนและถ้าแผนครม.เห็นชอบ สำนักงบฯก็จัดให้เพียงพอ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ขึ้นกับว่าการจัดทำแผนต้องเป็นที่น่าเชื่อถือแค่ไหน มีตัวเลขยืนยันเพียงใด และครม.มีความมุ่งมั่นแค่ไหน  ส่วนเรื่องการปรับขนาด แน่นอนว่าโจทย์เรื่องความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร จากงานวิจัยพบว่ามีเด็กและเยาวชนที่กองทุนจะเข้าไปช่วยเหลือประมาณ 4.3 ล้านคนและครูอีกจำนวนหนึ่ง และมีหลักการว่าจะเข้าไปสนับสนุนในรูปแบบใด อัตราอุดหนุนคนละเท่าไหร่ หากสมมติฐานว่าเงินกองทุนได้น้อย ก็จะต้องไปปรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ จำนวนคนที่ได้รับการช่วยเหลืออาจจะลดลง หรือจำนวนเงินต่อหัวที่ได้รับการช่วยเหลือลดลง ซึ่งวิธีการบริหารจัดการอาจจะต้องปรับเปลี่ยน”ดร.ประสารกล่าว .

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"