นรกมีจริง!'เหลิม'ขู่อภิปราย


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กแดง" ยันกองทัพกลับเข้าสู่ระบบยึดสายบังคับบัญชา ลั่นกองทัพไม่ใช่ คสช.และไม่มี คสช.แล้ว ขออย่าจมอยู่กับอดีต "บิ๊กตู่" เก็บตัวเตรียมพร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ประธานวิปรัฐบาลเผยเคาะเวลาอภิปราย 28 ชม. แบ่งเวลาให้ฝ่ายค้าน 13.5ชม. แต่วิปฝ่ายค้านโวยให้เวลาน้อยไป อ้างรอรัฐบาลเลือกตั้งมา 5 ปี ควรเปิดให้ 3 วันหรือ 45 ชม. "เสี่ยหนู" เร่งกัญชาเสรีมีรูปธรรม ส.ค.นี้หวดก้นฝ่ายปฏิบัติ ใครทำไม่ได้จะให้คนอื่นทำ "เหลิม" ปูดนักการเมืองชั่วปลูกกัญชาที่ลาวไว้แล้วหวังรวยกันใหญ่ ขู่ "บิ๊กตู่" เข้าสภาจะรู้นรกมีจริง 
    เมื่อเช้าวันศุกร์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการปล่อยข่าวปลอมอ้างคำพูด ผบ.ทบ.เรื่องการอภิปรายนายกรัฐมนตรีว่า ตนได้ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่เคยพูด แต่หากมีคนปล่อยข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นอะไร ส่วนการดูแลสถานการณ์ความมั่นคงภายหลังจากไม่มีกองกำลังรักษาความสงบและเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่หมดอำนาจแล้ว ขอให้รอก่อน เพราะตอนนี้ตนกำลังเขียนวิทยานิพนธ์หรือบทความเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาในอดีต รวมถึงความเชื่อมโยงต่างๆ โดยขณะนี้พยายามเรียบเรียงอยู่ และดำเนินการมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว จากนั้นจะมีการเผยแพร่ต่อไป 
    เมื่อถามว่า ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.จะสานต่องานจัดระเบียบสังคมอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า อย่าอยู่กับอดีต เพราะวันนี้ไม่มี คสช.แล้ว ส่วนที่หลายคนพยายามพูดโยงเรื่องต่างๆ นั้น ยืนยันว่าถ้าตนจะให้สัมภาษณ์หรือพูดอะไรก็ตามก็จะพูดกับสื่อมวลชนเป็นส่วนใหญ่ และไม่เคยแอบไปพูดที่ไหน ตนก็ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดีย แต่กลับถูกโซเชียลมีเดียทำให้เกิดผลกระทบ ซึ่งเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว และตนก็รับได้ 
    ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขณะที่เรื่อง คสช.หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่นั้น เราต้องอยู่กับปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศชาติ และต้องแบ่งแยกว่าตอนนี้กองทัพกลับมาอยู่ในระบบการทำงานของกองทัพ ทั้งนี้ กองทัพไม่ใช่ คสช. ไม่ได้มีบทบาทหน้าที่แล้ว และตนเองตอนนี้ไม่ใช่เลขาธิการคสช. ทุกอย่างเป็นอดีต ดังนั้นการพูดจาอะไรก็ตามที่พูดแล้วพยายามอ้างอิงเรื่องเดิมๆ หรือเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมาแล้วทุกคนก็จะจมอยู่แต่อดีต ขอให้ร่วมกันก้าวข้ามและช่วยกันเดินหน้าไป 
    “กองทัพเป็นเพียงองค์กรหรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความผูกพันของสายการบังคับบัญชา กองทัพก็ต้องฟัง รมว.กลาโหม ถึงแม้ รมว.กลาโหมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยึดตามสายการบังคับบัญชา เราต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว เรื่องเดิมๆผ่านไปหมดแล้ว ทุกอย่างเป็นอดีต ปัจจุบันเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีการตั้งคณะรัฐมนตรี ที่สำคัญผมดีใจที่หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศ สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ได้ส่งหนังสือแสดงความยินดี หลังจากที่ ครม. ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นข้อสังเกตว่าการตอบรับจากอารยประเทศที่เป็นต้นแบบของประชาธิปไตย"  พล.อ.อภิรัชต์กล่าว
      สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมนั้น ตลอดทั้งวันนายกฯ ได้เก็บตัวอยู่ในห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งคาดว่ามีการเตรียมตัวในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้หารือกับนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ โดยกำชับให้ดูเรื่องรายละเอียดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางกลับบ้านพัก 
    ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ กังวลหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายนอกประเด็น ว่าไม่กังวล แต่อยากบอกว่าประชาชนอยากฟังในเรื่องที่สร้างสรรค์ว่านโยบายของรัฐบาลมีอะไรบ้าง และมีอะไรต้องเพิ่มเติม จึงต้องมาร่วมกันทำงาน เชื่อว่าทุกคนอยากให้บ้านเมืองไปได้ และนโยบายมีอะไรขาดหรือต้องเพิ่มเติมตรงไหนหรือไม่
วิปเคาะอภิปราย 28 ชม.
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลสามารถอภิปรายคุณสมบัติของรัฐมนตรีได้ว่า ประธานสภาฯบอกแล้วว่าได้ ซึ่งถ้าทำเป็น พูดเป็น ก็ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ลุกขึ้นแล้วพูดเลย แต่จะต้องพูดเรื่องนโยบายรัฐบาลก่อน หากพูดเป็นก็จะต้องพูดว่านโยบายอย่างนี้ต้องคนที่มาปฏิบัติอะไรก็ว่ากันไปก่อนที่จะเข้าเรื่อง ส่วนร่างนโยบายรัฐบาลนั้น วันเดียวกันนี้ได้ส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว 
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยความคืบหน้าของการหารือร่วมกับตัวแทนวิปฝ่ายค้านและ ส.ว. เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ ว่ากำหนดเวลาอภิปรายให้ทั้งสิ้น 28 ชั่วโมง โดยจะเริ่มพิจารณาตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. โดยจะแบ่งเวลาให้ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน รวม 13.5 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี จำนวน 5 ชั่วโมง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จำนวน 5 ชั่วโมง และกลุ่มของ ส.ว. จำนวน 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ ไม่รวมเวลาที่นายกฯ จะแถลงนโยบาย
    "ผมได้ร้องขอไปยังตัวแทนวิปฝ่ายค้านขอให้อภิปรายในกรอบของนโยบายรัฐบาล ส่วนการอภิปรายคุณสมบัติของรัฐมนตรีนั้นทำได้ตามกรอบที่กฎหมายบัญญัติไว้ ส่วนคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ควรตรวจซ้ำอีก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีองค์กรอิสระและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว ดังนั้นเพื่อให้การประชุมรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์ จึงควรยึดถือประเด็นนโยบายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายด้วย" นายวิรัชกล่าว 
     ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเวลาอภิปรายในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา ที่ฝ่ายค้านได้รับการจัดสรร 13 ชั่วโมงครึ่งว่า น้อยไปเมื่อเทียบกับผู้ยื่นความจำนงขออภิปรายของพรรคเพื่อไทยประมาณ 50 คน เมื่อร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอีกก็ประมาณ 100 คน สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เวลาอภิปราย 3 วัน พรรคฝ่ายค้านได้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง จึงถือเป็นการทำงานในภาวะจำกัด เมื่อเป็นวาระสำคัญเช่นนี้ รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้อภิปรายอย่างกว้างขวางทุกประเด็น เพราะ 5 ปีกว่า ไม่มีใครตรวจสอบนโยบายรัฐบาล เมื่อจำกัดเวลาให้เท่านี้ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ขณะนี้ก็ยังติดปัญหาว่ารัฐบาลยังไม่ส่งร่างนโยบายมาถึงพรรคฝ่ายค้าน ขอร้องให้รีบดำเนินการด้วย 
    เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านแบ่งเวลากันอย่างไร นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการแบ่งเวลากัน แต่คงแบ่งตามสัดส่วน ส.ส.เหมือนที่เคยปฏิบัติก่อนหน้านี้ เรื่องหลักที่จะอภิปรายนั้นก็แบ่งเป็น 6 กลุ่มที่พรรคเพื่อไทยวางไว้ ในวันที่ 19 ก.ค. ได้มีผู้แจ้งความประสงค์ทั้ง 50 คนของพรรคได้แบ่งกลุ่มพบวิทยากรเพื่ออบรมแล้ว แม้เวลาน้อยแต่เชื่อว่าจะเป็นการอภิปรายที่มีคุณภาพเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแน่นอน 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประสานงานเพื่อตกลงเวลาอภิปราย พรรคร่วมฝ่ายค้านยืนยันต้องการเวลา 15 ชั่วโมง แต่วิปรัฐบาลขอลดลงมาจึงตกลงกันว่าต้องให้เวลาพรรคฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมงบวก และพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นข้อเสนอว่าหากมีการประท้วงอะไรที่กินเวลาการอภิปรายมาก ต้องไปหักในส่วนของซีกรัฐบาล จะไม่ยอมให้หักเวลาของพรรคฝ่ายค้านออกไป ถ้าเวลาอภิปรายใกล้หมด ก็ขอให้อนุโลมให้พรรคฝ่ายค้านอภิปรายเนื้อหาให้เสร็จสิ้น สุดท้ายจึงตกลงกันได้ 
ฝ่ายค้านขอเวลา 45 ชม.
    นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากข่าวการลดจำนวนชั่วโมงการอภิปรายในการแถลงร่างนโยบายของรัฐบาลเหลือแค่ 2 วัน หรือน้อยกว่า 30 ชั่วโมงนั้น ไม่เห็นด้วย เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเหลือเวลาอภิปรายเพียง 13 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ประชาชนเฝ้ารอรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนานถึง 5 ปี การแถลงนโยบายครั้งนี้สำคัญมาก จึงควรเปิดโอกาสให้ ส.ส. โดยเฉพาะฝ่ายค้านได้อภิปรายซักถาม เสนอข้อแนะนำให้กับรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย จะพบว่าเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายถึง 3 วัน อยากเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ได้ทบทวนเรื่องนี้ ให้การอภิปรายร่างนโยบายของรัฐบาลควรเป็นอย่างน้อย 3 วัน หรือ 45 ชั่วโมง 
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.กล่าวว่า พรรค อนค.เตรียมบุคคลสำหรับอภิปรายตรวจสอบการแถลงนโยบายแล้ว แต่นโยบายของรัฐบาลยังไม่รู้จะมีเรื่องอะไรบ้าง จึงขอดูนโยบายพรรคร่วม 19 พรรคร่างสุดท้ายก่อน ส่วนนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็ไม่มีการลงรายละเอียดว่าจะแก้ไขเรื่องใดบ้าง อนค.เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการกุมอำนาจของ คสช. ทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มาองค์กรอิสระ ที่มาตุลาการ  ที่มา ส.ว. และอำนาจหน้าที่ ซึ่งเป็นกลไกที่ใช้สืบทอดอำนาจ จะไม่ถูกแก้ไข แต่อาจมีแก้ไขเล็กน้อยบางมาตราแบบผักชีโรยหน้า แต่มาตราที่เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยจะไม่แก้ไขแน่ 
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นโยบายของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญที่สมาชิกรัฐสภาคือ ส.ส.และ ส.ว.ทุกคน มีสิทธิ์อภิปรายซักถามหรือเสนอแนะได้ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย รัฐบาลที่แล้วให้กรอบเวลาในการประชุมร่วมถึง 3 วัน สมาชิกทุกคนควรจะได้มีโอกาสอภิปรายซักถามอย่างเต็มที่ รัฐบาลไม่ต้องกังวล  สมาชิกรัฐสภาซึ่งมีเกือบ 750 คน แต่ให้เวลาฟังและอภิปรายแค่ 2 วัน เฉลี่ยแล้วตกคนละไม่กี่นาที เมื่อเทียบกับเวลาของรัฐบาลที่ต้องบริหารประเทศไปอีกหลายปี ถือว่าน้อยเกินไป 
    วันเดียวกัน ยังมีรัฐมนตรีใหม่เดินทางเข้าทำงานในกระทรวงต่างๆ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ถือฤกษ์ 08.19 น. พร้อมด้วยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยา บุตรสาว บุตรชาย และน้องสาว ได้เดินทางเข้าสักการะศาลพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีรองปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมให้การต้อนรับ โดยนายสมศักดิ์นำพระพุทธรูปจาก จ.สุโขทัย บ้านเกิด มาตั้งประดิษฐานในห้องทำงาน  ก่อนจะเข้าประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม
    จากนั้นนายสมศักดิ์เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่ากระทรวงยุติธรรมมีโครงข่ายที่สมบูรณ์แบบ หากเราใช้ทรัพยากรที่มีอย่างเต็มที่ มั่นใจว่าจะมีผลงานเชิงประจักษ์มากขึ้น แต่ในส่วนของกฎหมายและระเบียบกระทรวง อาจจะต้องมีการปรับปรุงบางส่วน 
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสโอนย้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีกรณีดังกล่าว ทุกหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมจะอยู่ที่เดิม 
    เมื่อถามว่า ในโลกออนไลน์มีการนำภาพสมัยท่านเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมาเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งมีข้อกังวลในเรื่องคดีความที่ดีเอสไอดำเนินการติดตามผู้ต้องหา นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า เป็นภาพสมัยที่ตนเคยดำรงตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำนโยบายเที่ยวทั่วไทยไปได้ทั้งเดือน ตนไม่ได้ให้ความสำคัญหรือสนใจอะไรมาก มองเป็นเรื่องดี คนที่ได้เห็นภาพจะได้รู้ว่าตนเป็นคนใจบุญ ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย แต่ถ้าถามว่าเคยพบพระธัมมชโยหรือไม่ ก็เคยเจอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
    "ไม่ต้องห่วง ผิดติดคุกหมด ไม่เว้นให้ใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย" นายสมศักดิ์กล่าวเมื่อถามถึงกรณีพระในวัดเป็นผู้ต้องหาในคดีของดีเอสไอ 
สส.สามมิตรให้กำลังใจอุตตม
    นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ถือฤกษ์ 08.09 น. เข้าทำงานวันแรก โดยเข้าสักการะพระกฤษณะนารายณ์เทวเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนเข้าพบผู้บริหารและข้าราชการกระทรวง โดยนายสุริยะเปิดเผยว่า ซาบซึ้งในการต้อนรับที่อบอุ่น และถือเป็นครั้งที่ 4 ที่ได้กลับมาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งต้นตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นหนี้บุญคุณของกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ และเชื่อมั่นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นกระทรวงหลักในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย
    ส่วนกรณีเป็นหนึ่งในรายชื่อพรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีในวันแถลงนโยบาย เนื่องจากมองว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของตระกูล นายสุริยะกล่าวว่า ตนมีความมั่นใจจะสามารถตอบคำถามฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น
     ที่กระทรวงการคลัง กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐทั่วประเทศกว่า 40 คน นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เดินทางมามอบดอกไม้และให้กำลังใจนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นนายอุตตมเปิดเผยว่า ได้แจ้งให้ ส.ส.พรรคพปชร.ทราบว่าจากนี้การทำงานของรัฐบาลจะเป็นการทำงานร่วมกันทุกพรรค เพราะเป็นสภาร่วม เป็นสภาผู้แทนราษฎรแบบเต็มตัว โดยยืนยันว่า ส.ส.ของพรรคได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจาก ส.ส. ทุกคน ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 
    ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหัวหน้าหน่วยในสังกัดกระทรวงคมนาคมว่า แต่ละหน่วยได้มารายงานความคืบหน้าสถานะของแต่ละโครงการที่รับผิดชอบ โดยใช้เวลาหน่วยละ 15 นาที ได้สั่งให้แต่ละหน่วยจัดทำรายละเอียดภายใน 1 เดือน แล้วกลับมารายงานอีกครั้ง ซึ่งหลักการทำงาน จะต้องพิจารณาตามกฎหมายให้รอบคอบในวันที่ 30 ก.ค.นี้ จะเรียกประชุมหัวหน้าหน่วยเพื่อมอบนโยบายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง    
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมที่จะจัดตั้งทีมที่ปรึกษาฯ เพื่อเข้ามาช่วยขับเคลื่อนงานของกระทรวงพลังงานให้บรรลุเป้าหมาย โดยจะเชิญกูรูสำคัญด้านพลังงาน อาทิ นายพรายพล คุ้มทรัพย์, นายมนูญ ศิริวรรณ, นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล และนายคุรุจิต นาครทรรพ เป็นต้น 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ฤกษ์เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายอนุทินกล่าวถึงนโยบายกัญชาว่า เป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งต้องเริ่มทำใน 1 ปี และจะมีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด เราหวังว่าในวันหนึ่งพืชชนิดนี้ที่มีสาร CBD ที่สกัดได้ ซึ่งเป็นสารที่ดีต่อร่างกาย สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ อีกหน่อยอาจจะเห็นกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับประเทศและเกษตร ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน
    เมื่อถามว่า นโยบายที่ให้ปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น สามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ต้องเริ่มจากที่โรงพยาบาลผ่านเครือข่าย อสม. ซึ่งตอนนี้องคาพยพต่างๆ พร้อมแล้ว รอเพียงการขับเคลื่อนเท่านั้น นโยบายมันชัดเจนแล้ว ยิ่งเป็นนโยบายที่นายกฯ ให้ความกรุณาจัดไว้อยู่ในวาระเร่งด่วน มันก็ชัดเจน ไม่ทำสิผิด ไม่ทำจะเจอกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือเปล่าก็ไม่รู้ 
นักการเมืองปลูกกัญชารอ
    "เมื่อวานผมไปที่กระทรวง ก็บอกไปว่ากรุณาอย่ามาพูดว่าทำไมทำไม่ได้ ต้องหาทางมาให้เสร็จ รัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แล้วเห็นว่ากฎหมายเขียนว่า เสรี แต่กว่าจะทำได้ต้องกลับไปขอขั้นตอนเยอะแยะไปหมด เขียนเหมือนกับว่าคงอำนาจรัฐไว้อีกเยอะ พรรคภูมิใจไทยเข้ามาลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อปากท้องประชาชน เพราะฉะนั้นเจตนารมณ์นี้ต้องคงไว้ ผมก็เรียนทุกท่านว่า คงไม่ฟังว่าทำไม ทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาหา ถ้าทำได้เมื่อไหร่ มีเวลากำหนดที่แน่นอน แล้วค่อยมาหา ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหาคนที่ทำได้มาทำ เราเป็นผู้บริหาร บอกทิศทาง บอกเป้าหมายและผลลัพธ์ ส่วนผู้ปฏิบัติก็ไปทำตามนั้น เพื่อให้บรรลุถึงผลลัพธ์ ซึ่งจะต้องเห็นเป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้” นายอนุทินกล่าว
    นายอนุทินกล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะปลูกได้บ้านละ 6 ต้น จะต้องแก้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และสิ่งสำคัญที่สุดคือเริ่มจากการให้บริการทางการแพทย์ การค้นคว้าวิจัย และขั้นตอนการทำให้เป็นยา ส่วนถ้าต้องการให้เสรีจริงๆ เราต้องปลูกฝังวินัย เพราะฉะนั้นใช้แต่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
    ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยในฐานะดูแลกระทรวงสาธารณสุข ให้พิจารณานโยบายการเปิดเสรีกัญชาให้ดี โดยเฉพาะการเสนอให้แต่ละบ้านสามารถปลูกได้ 6ต้น เนื่องจากไทยได้ไปลงนามกับต่างประเทศเพื่อรับรองว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ถ้าพรรคภูมิใจไทยจะดำเนินการเรื่องนี้ จะต้องแก้ไขในสิ่งที่ไทยลงนามกับต่างประเทศไว้ก่อน และตนได้ข่าวมาว่ามีคนบางกลุ่ม มีนักการเมืองชั่วๆ ไปปลูกกัญชาไว้ที่ประเทศลาวจำนวนมาก คงหวังรวยกันยกใหญ่
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เวลานี้กำลังเตรียมแนวทางการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนอกรัฐสภา โดยจะมุ่งเน้นไปถึงคุณสมบัติของนายกฯ การทำหน้าที่ของรัฐบาล และรวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเสนอว่าควรใช้รูปแบบที่รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เคยทำในอดีตคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญและดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ คาดว่าถ้าดำเนินการตามนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
    "ผมมีแค่ยศร้อยตำรวจเอก คงไม่อาจแนะนำพล.อ.ประยุทธ์ได้ แต่อยากจะบอกว่าเมื่อเข้าไปในสภาแล้วนั้นจะรู้ว่า นรกมีจริง จะสั่งให้คนเดินหน้าหรือถอยหลังไม่ได้หรอก พวก ส.ว.ที่คิดจะมาปกป้อง สุดท้ายจะเป็นศิษย์หลวงพ่อเผ่น" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวเมื่อถามว่ามีอะไรอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่     
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยเป็นนัดแรกว่า ในเวทีเสวนาทางออกในการแก้ไขวิกฤติของชาติของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะมีการเสวนาที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ วันที่ 21 ก.ค. เวลา 10.00-12.00 น. มีหัวหน้าพรรคทั้ง 7 พรรค มาร่วมเสวนาหาทางออกแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ ประเด็นการเสวนา หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นประโยชน์สามารถนำไปใช้ได้ เราไม่สงวนสิทธิ์ ส่วนประชาชนที่จะไปร่วม หากไม่สามารถเดินทางไปได้ สามารถติดตามจากเพจของแต่ละพรรคได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมฝ่ายค้านสัญจร ทั้ง 7 พรรคร่วมจะเดินสายไปทั้ง 4 ภาค เริ่มคิกออฟในเดือนสิงหาคม มีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ 
    มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า จากกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐทำหนังสือเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมกิจกรรมงานสัมมนาพรรคที่จะจัดกิจกรรมเสริมศักยภาพ ส.ส. ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่  21-22 ก.ค. ก่อนแถลงนโยบายรัฐบาล ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จะไปร่วมกิจกรรมหรือไม่ ในขณะที่ พล.อ.ประวิตรยังมีความเป็นไปได้สูงจะไปร่วมกิจกรรม โดยล่าสุดคณะเตรียมงานเปิดเผยว่า ในกำหนดการยังมีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาร่วมกิจกรรม ยังไม่มีการยกเลิก โดยเจ้าหน้าที่พรรคได้เตรียมที่พักและสถานที่รับรองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้มีการประสานงานจุดขึ้น-ลงเฮลิคอปเตอร์ และทีมรักษาความปลอดภัยไว้อีกด้วย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"