รัฐบาล...คือสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไป


เพิ่มเพื่อน    

      ฮื่ออ์อ์อ์...ยังไม่ทันได้ออกจากท่า ไม่ทันได้ออกอ่าว ออกทะเล ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนว่า เรือแป๊ะ ที่ว่ากันว่าเป็น เรือเหล็ก ชนิดทั้งแท่ง ทั้งด้าม โดยจะปะผุ ขัดสนิม ขูดสนิม กันมาในแบบไหน อย่างไรก็แล้วแต่ คงหนีไม่พ้นต้องขูด ต้องครูด ต้องกระแทกกระทั้นกับบรรดาสิ่งกีดขวาง ซึ่งกองระเกะระกะอยู่เบื้องหน้า อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...

                                                                   -------------------------------------------------

      เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์นี้...คงมีอันต้องเจอกับ  การอภิปรายนโยบายรัฐบาล ในระดับ 3 วัน 3 คืน เป็นอย่างน้อย เผลอๆ หลังจากนั้น อาจตามด้วยการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรี ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี แบบฉับพลัน-ทันทีเอาเลยก็ไม่แน่!!! เพราะมันมีหัวเชื้อ เชื้อไฟ พอให้จุดไฟในนาครกันได้ตามสมควร พ้นไปจากนั้น...ก็ถึงคิว ถึงวาระ ที่ต้อง อภิปรายงบประมาณ ต้องแยกแยะ ชำแหละ ใครต่อใครเป็นรายกระทรวง ชนิดไล่เรียงเป็นลูกระนาดอย่างมิอาจปฏิเสธได้....ฯลฯ

                                                                  ----------------------------------------------------

      อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตา ว่าสุดท้ายแล้ว...ผู้ซึ่งเคยวี้ดๆ แว้ดๆ ใครต่อใครได้โดยเสรี ตลอดระยะ 5 ปี อย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของเรา จะถึงขั้นต้อง ยกโพเดียมทุ่มหัว ผู้หนึ่ง-ผู้ใดกันในตอนไหน หรือไม่ อย่างไร??? หรือจะสามารถโปรยยิ้ม นั่งนิ่ง นั่งฟัง รับรู้และรับทราบ ต่อความพยายามฉุดลากกระชากถู ฉีกกระชากให้หลุดออกมาชิ้นๆ ของบรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ และสมเสร็จ ฯลฯ ที่ยังคงไม่น่าจะสูญพันธุ์ไปจากเวทีรัฐสภา แม้ว่า ในทะเลจะไม่มีฉลาม หรือ ในสภาฯ จะไม่มีเฉลิม ก็ตามแต่...

                                                                   ----------------------------------------------------

      โดยเท่าที่ดูจากอากัปกิริยา ดูจาก ภาษากาย ของท่านนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้...เห็นว่าท่านออกจะ ธงไชย แมคอินไตย์ หรือออกจะ เบิร์ดๆ-สบายๆ อยู่พอสมควร อย่างที่รายงานพิเศษ สกู๊ปหน้า 2 ของ ไทยโพสต์ ฉบับวันวาน (อาทิตย์ที่ 21 ก.ค.) เขาได้ถ่ายทอดบรรยายเอาไว้ประมาณว่า แม้คะแนนเสียงของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเกินครึ่งมาเล็กน้อย มีจำนวน ส.ส.มากกว่าฝ่ายค้านอยู่เพียงนิดหน่อย แต่สภาวะเช่นนี้ก็หาได้ทำให้ ครม.ชุดใหม่มีความทุกข์ร้อนแต่อย่างใดไม่ ค่ำวันที่ 16 กรกฎาคม รัฐมนตรีหลายคนมิอาจปิดงำความปลื้มปีติในอกไว้ได้เลย ต่างสำแดงออกมาผ่านทั้งแววตา สีหน้า รอยยิ้มและคำพูด กัปตันเรือเหล็กประยุทธ์กล่าวกับนักข่าวว่า...ผมยินดีที่ทุกคนมาช่วย งานแบบนี้ผมยินดีจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหากันต่อไปในอนาคต ขณะให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม ปลาบปลื้ม และตื้นตัน และระหว่างเดินขึ้นตึกที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นประธาน ครม.นัดแรก นายกฯ ได้ยกมือขวาตบไปที่อกข้างซ้ายเบาๆ พร้อมกล่าวว่า...มีความสุข...

                                                               ---------------------------------------------------------

      นี่...เรียกว่า แทบไม่ได้รู้สึก รู้สาใดๆ กับความน่าเกลียด น่ากลัว น่าสยองขวัญ สั่นประสาท ของประดาฝ่ายตรงข้าม หรือบรรดาฝ่ายค้านเอาเลยแม้แต่น้อย คล้ายๆ มวยประเภท ท่านต่อ ที่อาจเชื่อมั่นตนเอง ว่า ต่อให้ 100 บาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว ยังไงๆ น้ำหนักหมัดของตัวเอง ย่อมต้องเหนือกว่า ท่านรอง อยู่แล้วแน่ๆ อะไรทำนองนั้น อาการขนลุก ขนพอง ต่อเสียงข่มขู่ คำรามของ  ฉลามที่ไม่ได้อยู่ในทะเล หรือ เฉลิมที่ไม่ได้อยู่ในสภาฯ ว่า นรกมีจริง!!! จึงไม่ได้ปรากฏให้เห็นเอาเลยแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ส่วนเมื่อขึ้นเวทีกันจริงๆ แล้ว จะเป็น ท่านต่อ หรือ ท่านรอง ต้องคายฟันยางกันก่อนเป็นอันดับแรก อันนี้...คงต้องคอยลุ้น คอยติดตาม ชนิด 3 วัน 3 คืน เอาเองก็แล้วกัน...

                                                                ---------------------------------------------------------

      อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลเป็นต่อ หรือฝ่ายค้านเป็นต่อ จะในระดับ 3-1, 4-2, 5-3 ไม่นับทดเวลาบาดเจ็บ ไม่นับควบลูกครึ่ง หรือจะไปถึง 100 บาทเอาอุจจาระสุนัขกองเดียว ก็แล้วแต่ แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...ก็ยังต้องถือเป็น โชคดี ที่การไล่ฟัด ไล่งับ ไล่บด ไล่บี้ ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน หรือฝ่ายตรงกันข้าม ยังคงโน้มเอียงไปในแนว วิถีทางรัฐสภา นั่นแหละเป็นหลัก ยังไม่ถึงกับต้องเป๋ ต้องเซถลา ไปสู่วิถีทางอื่นๆ หรือ วิถีทางนอกสภาฯ อย่างที่เคยอุบัติขึ้นมา เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว หรือตลอดช่วงระยะที่เรียกขานกันในนาม ทศวรรษแห่งความมืดมน....

                                                                  -----------------------------------------------------

      เพียงเท่านี้...ก็ต้องถือว่าใช้ได้ หรือพอ อยู่ๆ กันไปได้ คือยังสามารถ เดินหน้าประเทศไทย ไปได้อย่างน้อยก็ซักก้าว สองก้าว ไม่ถึงกับต้องถอยหลังลงคลองแต่อย่างใด เพราะแม้ว่ารัฐบาลที่ต้องแปรสภาพตัวเองจาก รัฏฐาธิปัตย์ มาสู่ความเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยทั่วๆ ไป อาจต้องกลายเป็น รัฐปวกเปียก เกิดอาการปริ่มน้ำ สำลักน้ำ ไปถึงขั้นไหน แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้น รัฐล้มเหลว เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ไม่ว่าจะต้องพังเพราะฝ่ายค้าน หรือพังเพราะสะดุดหัวแม่ตีนตัวเองล้มคว่ำคะมำหงายในแบบไหน อย่างไร ก็ตามที แต่ ชาติบ้านเมือง ก็ยังน่าจะพอเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจาก ความเป็นรัฐบาล นั้น ท้ายที่สุดแล้ว...ก็คือสิ่งที่ผ่านมา-ผ่านไป ตามยุค-ตามสมัย ตามจังหวะและโอกาสนั่นแหละทั่น ไม่ใช่อะไรที่จะต้องไปยึดมั่น-ถือมั่น ไปจนตลอดชั่วนิจนิรันดรกาล เหมือนอย่าง ความเป็นชาติ-ศาสนา-มหากษัตริย์ ที่ยังไงๆ คงต้องหาทางทำให้ยั่งยืน ถาวร เข้าไว้นั่นแหละดี...

                                                                   -------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Michael Crichton... If you don’t know history, you don’t know anything. You’re a leaf that doesn’t know it’s part of a tree. -  หากคุณไม่รู้ประวัติศาสตร์ คุณก็จะไม่รู้อะไรเลย เหมือนอย่างใบไม้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้...

                                                                    ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"