เพลาๆ เอาไว้มั่ง!!!


เพิ่มเพื่อน    

 การด่าว่า ด่าทอ การใช้คำพูดส่อเสียด หยาบคาย ไม่ปิยวาจา ไม่สัมมาวาจา...ระดับสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ท่านก็ได้ทรงออกมาเตือนๆ ให้ลด-ละ-เลิกกันลงไปซะมั่ง แต่สำหรับการ อวย หรือการลูบไล้ ลูบโลม การเชลียร์แล้วลงเชลแล็กนี่สิ!!! จะหาใครที่มีตบะบารมี พอที่จะช่วยเตือนๆ รั้งๆ เอาไว้บ้าง ก็น่าจะเป็นพระคุณยิ่ง...

                                                                -------------------------------------------------

                คือแม้ว่าการออกมาแสดงความยกย่อง สรรเสริญ การเชิดชู ชื่นชม ความเก่งกล้า สามารถ ของผู้ใด-ผู้หนึ่งนั้น มันไม่น่าจะถึงกับเป็น ปัญหา มากมายซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากบางครั้ง บางครา มันออกจะ อวย จนเกินไป หรือ เลียร์กันชนิดขนติดปาก อย่างที่ท่านประธานรัฐสภา คุณพี่ ชวน หลีกภัย ท่านเคยบัญญัติศัพท์ บัญญัติคำประเภทนี้ขึ้นมาเมื่อครั้งอดีต อันนี้...มันคงไม่น่าจะถึงกับเข้าท่า เข้าทาง แต่อย่างใด เรียกว่า...นอกจากจะเป็นอะไรที่อาจก่อให้เกิดอาการมวนท้อง มวนลำไส้ คลื่นเหียน วิงเวียนแล้ว ยังอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่าง กิริยา และ ปฏิกิริยา หรือก่อให้เกิดลักษณะ สุดโต่ง ไม่ว่าด้านหนึ่ง ด้านใด ไปด้วยกันทั้งคู่...

                                                                 ------------------------------------------------------

                โดยเฉพาะการแสดงความชื่นชม ลูบโลม ลูบไล้ ชโลมเลียร์รัฐบาล ที่มักหนีไม่พ้นต้องหันไปกระทืบฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้าม ให้หนักๆ เข้าไว้ แบบเต็มตีน เต็มสองตีน หรือรวมกันหลายๆ ตีนยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ซึ่งสุดท้าย...ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องอาศัย วจีทุจริต นั่นแหละ เข้ามาเป็นองค์ประกอบ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ คืออดไม่ได้ต้องเสียดสี ส่อเสียด ต้องหยาบๆ คายๆ ต้องเพ้อเจ้อเหลวไหล ไปตามเรื่อง ตามราว ตาม วาสนา ของใครก็ของมัน หรือบางครั้ง บางครา อาจต้องกล่าว คำเท็จ เอาเลยก็ยังมี เพื่อให้ ฝ่ายเรา นั้นดูดีกว่า ฝ่ายมัน หรือถ้าหากไม่เท็จไปซะทั้งหมด ก็อาจออกไปทางความจริงแบบครึ่งๆ อะไรทำนองนั้น...

                                                                 ---------------------------------------------------------

                และทั้งหลาย ทั้งปวงนี้ สุดท้าย...ก็ย่อมก่อให้เกิดผลพวงตามมา ในลักษณะดังที่สมเด็จพระสังฆราชท่านทรงชี้แนะ ชี้ทางสว่าง เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ย่อมนำมาซึ่ง ความวิวาท บาดหมาง ความขุ่นเคือง และความคลางแคลงใจซึ่งกันและกัน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่าง แรงกิริยา กับ แรงปฏิกิริยา นำไปสู่ความ สุดโต่ง ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายที่เชียร์รัฐบาล หรือฝ่ายที่เชียร์ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็แล้วแต่ จนอาจหาอะไรที่ กลางๆ ที่ มัชฌิมาปฏิปทา เอาไว้ ทำยา ได้ยากซ์ซ์ซ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สติ-ปัญญา-ความสุขุม รอบคอบ มันจึงอาจหายเกลี้ยงในวันหนึ่ง วันใด ก็ไม่แน่...

                                                                    ---------------------------------------------------

                ทั้งๆ อันที่จริงแล้ว...การที่รัฐบาลท่านอยู่ยาวว์ว์ว์มาถึง 5 ปีเกือบจะ 6 ปีเข้าไปแล้ว ยิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้งใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ ก็น่าจะเป็นตัวสะท้อนคุณลักษณะแห่ง ความทนมือ-ทนตีน ของท่านมิใช่น้อย ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาไปออกเรี่ยว ออกแรง ไปปกป้อง คุ้มครอง อะไรให้มากเรื่อง มากความ ใครที่คิดไปฮึดๆ ฮัดๆ  อะไรกับท่าน อาจถูก ยกโพเดียมทุ่มหัว เอาง่ายๆ ไม่ก็ต้องเจอกับลีลาพลิ้วหลบ พลิ้วไหว เด้งเชือกออกจากมุม มาเต้นย็อกๆ แย็กๆ กลางเวที อย่างไม่เคยคิดจะ จนมุม ใดๆ มาโดยตลอด ไม่ได้ปวกๆ เปียกๆ อ่อนระแน้น แอ่นระแน้ จนต้องเร่งระดม องครักษ์พิทักษ์นาย ให้ต้องเกะกะมือ-ตีน หรือเกะกะสายตา อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                                       --------------------------------------------------

                แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...การแสดงออก แสดงตัว เป็น องครักษ์พิทักษ์นาย มันจะก่อให้เกิด ผลตอบแทน ในแบบหนึ่ง แบบใด ก็คงมิอาจสรุปได้ มันเลยส่งผลให้การ อวย การลูบไล้ ลูบโลม การชโลมเชลียร์รัฐบาล มันเลยชักจะเป็นงาน เป็นการ หรือเป็นการ เลียร์อย่างเป็นกิจการ  ยิ่งเข้าไปทุกที แม้แต่บรรดาผู้ที่มีตำแหน่ง หน้าที่ มี สถานภาพ ที่จะต้อง เป็นกลาง หรือไม่ควรแสดงออกถึงความเป็นฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ข้างใด ข้างหนึ่ง จนเกินไป หรือจนเกินงาม แต่สุดท้าย...ก็ยังอุตส่าห์ตวัดซ้าย ตวัดขวา พล็อบๆ แพล็บๆ ซะจน ขนติดปาก มันเลยยิ่งส่งผลให้  ความเป็นกลาง หรือ เส้นทางสายกลาง มันยิ่งเลอะๆเลือนๆ ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ทั้งๆ ที่มันเส้นทางที่อาจถือเป็น  แก่นของพระพุทธศาสนา เอาเลยก็ว่าได้...

                                                                          -------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ก็เอาเถอะ ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ยังรักสมัครใจอยู่กับการลูบไล้ ชโลมเลียร์ ด้วยจุดมุ่งหมาย ด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็แล้วแต่ อย่างน้อย...ก็น่าจะกะระยะห่าง ระยะเคียง อย่าถึงกับต้องก้มหน้าซุกไซร้ ซอนไซร้ เกลือกกลิ้งใบหน้าอยู่กับท่อนขา ง่ามขา ข้างหนึ่ง ข้างใด จนเกินเหตุ เกินงาม เงยหน้าหันมาถอนหายใจ สูดลมเข้าปอดเอาไว้มั่ง เผื่อว่าพอได้เกิดสติ เกิดปัญญา ที่จะเอาไว้ใช้ใคร่ครวญ พิจารณา ถึงความถูกต้อง ชอบธรรม ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นกลาง หรือความถูกต้อง ชอบธรรมที่ไม่ได้เกิดจากการ เอียงข้าง ไปตามอารมณ์ ความรู้สึก อันเกิดจากการ ปรุงแต่ง ไปตามความชอบ ความชัง ตามโลกธรรมที่ตัวเองปรารถนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะด้วยความเป็นกลาง หรือเส้นทางสายกลางนี่เอง ที่จะนำมาซึ่ง ความเป็นธรรม หรือนำมาซึ่ง ธรรมะ อันเป็นสุดยอดปรารถนา ไม่ว่าของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง หรือทุกๆ ฝ่ายก็ตาม....

                                                                            -------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Leo Rosten... Don’t add to the truth; if you do, you will subtract from it.- อย่าเพิ่มเติมความจริง เพราะถ้าหากท่านเพิ่มเติม ความจริงจะลดลง...

                                                                            ------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"