มีความสุขในแบบที่เป็น ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น


เพิ่มเพื่อน    

 

         ถ้าพูดถึง “กำลังใจในชุดขาว” เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดี สำหรับ พี่แอ้-พรวรินทร์ นุตราวงศ์ วัย 61 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการ และทำหน้าที่เป็นวิทยากรอิสระ เพื่อให้ความรู้ด้านการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการสร้างพลังใจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนรู้สึกดีในการใช้ชีวิต ซึ่งก่อนหน้าถ้าพูดถึงคุณพี่พยาบาลชุดสีขาว ที่รักษาใจผู้ป่วยด้วยการกอด หลายคนยกให้พี่แอ้เป็น “พยาบาลหัวใจเพชร” เพราะน้อยคนนักที่จะเลือกบำบัดผู้ป่วยโรคร้ายด้วยการกอด แต่ทว่าสัมผัสทางกายดังกล่าวได้ช่วยส่งต่อพลังบวกไปสู่ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เพื่อให้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

                เนื่องจากช่วงที่ป่วยนั้นคนไข้จะมีความทุกข์มากที่สุด แต่สัมผัสจากการกอดจะทำให้เขารู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น กระทั่งมีแรงคิดอยากทำเรื่องที่ค้างคาให้กับตัวเอง นอกจากเรื่องราวการทำงาน ที่ได้รับการยกย่อง อย่างการเป็นจิตอาสาดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายหลังเลิกงาน เพื่อให้ผู้ป่วยจากโลกนี้ไปอย่างสงบ เป็นเวลาร่วมกว่า 10 ปี ในฐานะที่เป็นแม่พระของผู้ป่วยโรคร้าย และเป็นวัยเก๋าที่มีพลัง ได้มาสะท้อนการใช้ชีวิตในแง่มุมสบายๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับหลายคนที่สนใจ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องมีกรอบเป๊ะ แต่ต้องไม่เลียนแบบชีวิตใคร มีความสุขในแบบที่เราเป็น ทำในสิ่งที่เรารักและสนใจ        

                พี่แอ้-พรวรินทร์ บอกว่า หลักการดูแลสุขภาพของตัวเอง ในฐานะที่มีความรู้ด้านการพยาบาล ก็ได้ผนวกความรู้เข้ามามีส่วนในการดูแลสุขภาพ เช่น เรื่องของการเลือกอาหารของคนวัยหลังเกษียณนั้น ที่มักจะอ้วนง่าย หรือการที่บางคนได้อยู่สุขสบาย ไม่มีภาระอะไร การกินเป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้พุงยื่นได้

                “การเลือกรับประทานอาหารของพี่ ปกติก็จะกิน 3 มื้อค่ะ เช้า กลางวัน และเย็น แต่มื้อเย็นก็จะกินให้น้อยที่สุดค่ะ ทุกเช้าพอตื่นเช้ามาก็จะดื่มน้ำผักผลไม้ปั่น 1 แก้วทุกวัน ส่วนมื้อกลางวันก็จะกินข้าวราดแกงปกติ สลับกับก๋วยเตี๋ยวบ้าง แต่จะตามด้วยผลไม้สดตามฤดูกาลราคาถูก เช่น ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ มะละกอ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูงช่วยย่อยได้ ส่วนมื้อเย็นเน้นเป็นอาหารเบาๆ ที่ย่อยง่าย จริงๆ แล้วอาหารที่พี่เลือกกินนั้น พี่จะไม่ได้สตริกมาก อยากกินอะไรก็กิน แต่ต้องเป็นผักผลไม้ที่กากใยอาหารรวมอยู่ด้วยค่ะ

                ส่วนการออกกำลังกาย ทุกเช้าเวลาที่ตื่นขึ้นมาก็จะนั่งห้อยขาบนเตียง และยกขาแกว่งไปมา พร้อมกับกระดกปลายเท้าลง และแขม่วเกร็งหน้าท้องไปด้วย เพื่อไม่ให้พุงยื่น ประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง ขณะที่การดูแลจิตใจนั้น ยิ่งเมื่อเราเข้าสู่วัยเกษียณต้องบอกกับตัวเองว่า อันที่จริงชีวิตวัยนี้เป็นวัยที่ดีมากๆ และเป็นวัยที่สบายแล้ว เราจะได้พักผ่อน และทำอะไรที่เราอยากทำ ที่สำคัญเราต้องดูว่าเราชอบกิจกรรมอะไรหรือเหมาะกับอะไร อีกทั้งต้องมีความสุขกับสิ่งที่เรามี อย่าเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบ เช่น ถ้าเรามีความสุขกับการอยู่บ้านหลักเล็กๆ หรือแค่มีความสุขกับการกินอาหารที่เราชอบ สิ่งเหล่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับเรา แต่ส่วนตัวพี่พอหลังเกษียณจากการเป็นพยาบาลวิชาชีพฯ พี่ก็ทำบุญกับคนไข้โดยไม่เยี่ยมไปดูแลอาทิตย์ละ 3 วัน ซึ่งคำว่าดูแลนั้น พี่ก็ไปพูดไปคุย ไปให้กำลังใจผู้ป่วย เพื่อช่วยคลายทุกข์ให้กับเขา และทุกๆเช้าพี่ก็จะไปใส่บาตรพระ ซึ่งเวลาที่ตักบาตรก็จะอุทิศบุญกุศลให้กับคุณพ่อที่จากไปแล้ว ดังนั้นเมื่อมาถึงวัยนี้ อะไรที่เราทำแล้วมีความสุข ให้ทำเลยทันทีค่ะ ที่ลืมไม่ได้คือวัยนี้เป็นวัยที่เราสามารถตัดสินใจอะไรได้เอง เพราะว่าเราผ่านประสบการณ์ชีวิตอะไรหลายๆอย่างมาแล้ว”

                ไล่มาถึงการทำงานก่อนและหลังเกษียณว่าแตกต่างกันหรือไม่ พี่แอ้ บอกว่า ทุกวันนี้พี่ก็ยังทำงานค่อนข้างเหมือนเดิม เพราะรักในงานที่ทำ แต่จะต่างออกไปตรงที่ว่า จากเมื่อก่อนเคยทำงานอาทิตย์ละ 5 วัน แต่ปัจจุบันก็จะทำงานน้อยลง หรือประมาณ 2-3 วันต่ออาทิตย์ แต่ทำเต็มวัน ซึ่งงานที่ทำคือการเป็นวิทยากรรับเชิญไปบรรยายเกี่ยวกับ เรื่อง “พลังรัก พลังสุข” ซึ่งเป็นการพูดเพื่อให้คนมีพลังใจและรู้สึกดีกับการใช้ชีวิต ซึ่งก็รับเชิญทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด

                ปิดท้ายกันด้วยสิ่งที่อยากฝากไปถึงลูกหลาน เนื่องจาก พี่แอ้ มีลูก 2 คน คือลูกชายและลูกสาว ซึ่งปัจจุบันมีงานทำที่มั่นคง ด้วยการที่ลูกทั้งสองคนต่างมุ่งมั่นและตั้งใจในการสอบเข้าทำงาน โดยมีคุณแม่หัวใจเพชรเป็นผู้ที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจมาโดยตลอด แม้ว่าหนทางในการสอบเข้าทำงานอาจจะต้องใช้พยายามในการทดสอบทักษะภาษาอังกฤษอยู่หลายรอบ กระทั่งได้คะแนนสอบ TOEIC เป็นที่น่าพอใจคือ 650 แม้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการสอบ 1 ปีเต็ม

                “ที่ผ่านมาลูกทั้ง 2 คนต่างมุ่งมั่นฝ่าฟันอุปสรรค และหมั่นอ่านหนังสือในการสอบเข้าทำงาน ส่วนตัวพี่ก็เป็นกำลังใจให้กับเขา โดยให้กำลังใจทั้งคู่ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย กระทั่งเวลาผ่านไปและเขาทั้งคู่เรียนจบ โดยลูกคนโตทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ส่วนลูกสาวคนเล็กได้สมัครเข้าทำงานที่ บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งขั้นตอนการสมัครนั้นจะต้องมีคะแนน TOEIC 650 โดยรอบแรกที่ลูกสาวไปสอบได้คะแนน TOEIC 400 ซึ่งเราก็กลัวว่าลูกจะท้อและผิดหวัง ในฐานะของคนเป็นแม่ก็บอกกับลูกว่าให้พยายามอีกครั้งนะลูก ซึ่งการสอบครั้งที่ 2 ลูกได้คะแนน 450 พี่บอกกับเขาอีกว่าพยายามอีกนิดนะลูก อ่านหนังสือให้มากกว่าเดิมอีกหน่อย ซึ่งการสอบครั้งที่ 3 ลูกได้คะแนน 500 กระทั่งมาถึงการสอบครั้งที่ 4 จนลูกได้คะแนน 650 ตามที่กำหนด ซึ่งเขาใช้เวลาสอบอยู่ประมาณ 1 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นพี่บอกได้เลยว่า พี่ให้กำลังใจลูกมาโดยตลอด เพราะว่าไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นทำในสิ่งที่ดีค่ะ ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นค่ะ”.

//////////////////////////////////////////////////////////////////////

1.พรวรินทร์ นุตราวงศ์

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"