ได้อะไรจากการแถลงนโยบาย?


เพิ่มเพื่อน    

      ควันหลงแถลงนโยบาย

      ไม่ใช่เรื่องตัดพี่ตัดน้อง

      ไม่ใช่เรื่อง ส.ส.ทะเลาะกับ ส.ว.

      เป็นเรื่องที่มีสาระมากกว่านั้น

      แต่อยู่ที่จะจับเป็นสาระได้หรือไม่ หรือสังคมไทยให้ความสำคัญหรือเปล่า?

      ต้องยอมรับว่าหลังฟังคำอภิปรายของ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวีรัฐสภาแล้ว ยังต้องกลับไปฟังซ้ำอีกครั้ง

      เพราะอะไร?

      นี่อาจเป็นการอภิปรายในสภาที่มีคุณค่ามากที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา

      ประโยคแรกที่ฟังแล้วต้องคิดจินตนาการตามคือ

      "เรากินบุญเก่าประเทศมา ๓๐ ปี ตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม ไม่ว่าจะเป็นแหลมฉบังและมาบตาพุด ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเลย หากไม่สร้างสิ่งใหม่ให้จูงใจนักลงทุนมาเมืองไทยได้"

      คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก หากจะบอกว่า สถานการณ์ของประเทศไทย ความนึกคิดของนักการเมืองไทย และสังคมไทย ในวันนี้ แทบไม่ต่างไปจากก่อนวันที่รัฐบาลป๋าเปรม ลงมือทำอีสเทิร์นซีบอร์ด

      ไม่มีใครรู้ว่าทำไมต้องทำ ทำแล้วได้อะไร

      แต่วันนี้เกือบทุกคนรู้ซึ้งแล้วว่านั่นคือการวางรากฐานภาคอุตสาหกรรมให้แก่ประเทศนี้

      คือความโชติช่วงชัชวาลที่คนไทยรุ่นหลังได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ไม่เว้นกระทั่ง "ไทยซัมมิท" ของนักการเมืองรุ่นหลังอย่าง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ"

      ๓๐ ปีผ่านมามีรัฐบาลไหนพัฒนาประเทศในระดับที่เรียกว่าปฏิรูปบ้าง

      สิ่งหนึ่งที่สังคมไทยควรรู้คือหลังเกิดอีสเทิร์นซีบอร์ด กว่าจะเห็นดอกเห็นผลไม่ใช่ในยุครัฐบาลป๋าเปรม แต่เป็นหลังจากนั้น

      ส่งให้รัฐบาลน้าชาติเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ที่ดินบูม ราคาอย่างกับทองคำ

      ผ่านไป ๓๐ ปีเรายังกินบุญเก่า หลายรัฐบาลที่ผ่านมามุ่งไปทางนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมเป็นหลัก โครงสร้างพื้นฐานแทบจะหยุดชะงัก

      เราอยู่ในภาวะไม่มีอะไรใหม่

      ๕ ปี คสช.เหมือนนิ่งๆ เงียบๆ ไม่มีอะไรใหม่ ประชาชนบ่นจะอดตายอยู่แล้ว นักการเมืองพากันประโคมว่า เพราะประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย เผด็จการเอาแต่หาทางสืบทอดอำนาจ โกงกินกันในหมู่พวกพ้อง เอาใจเฉพาะนายทุน

      นั่นคือภาพที่เห็น!

      แต่หลายคนลืมคิดไปว่า ก่อนนั้นประเทศผ่านอะไรมาบ้าง เราอยู่กันอย่างมีความสุขแล้วทหารมากระชากทุกอย่างไปอย่างนั้นหรือ?

      รัฐประหารไม่ควรเป็นทางออก แต่กลับอยู่ยาวนานซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกยุคใหม่

      เป็นเพราะอะไร ลองมองย้อนกลับไปสัก ๑๐ ปีแล้วจะได้คำตอบ

      มีหลายสิ่งที่ดำเนินไป และหลายคนเห็น แต่ไม่คิดว่าสำคัญอะไร นั่นคือการขับเคลื่อนให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอีกครั้ง หลังหยุดกับที่มาหลายปี

      ฟัง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" พูดถึงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) พูดถึงเมกะโปรเจกต์  รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าใน กทม.และปริมณฑล พูดถึงมอเตอร์เวย์ บัตรสวัสดิการประชารัฐ บางคนคิดว่าขายฝันเพ้อเจ้อ

      แต่นี่คือการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ของประเทศครั้งใหญ่ อาจนับได้ว่าเป็นยุคที่สองต่อจาก อีสเทิร์นซีบอร์ด สมัยรัฐบาลป๋าเปรม

      และแน่นอนผลของมันยังไม่เห็นในวันสองวันนี้ แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จะตามมา รัฐบาลที่ได้หน้าอาจเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งในอนาคตข้างหน้า

      เหมือนที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าจะได้อะไร ในช่วงรัฐบาลป๋าเปรมลงมือทำอีสเทิร์นซีบอร์ดใหม่ๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"